ภายในห้องทำงานเงียบกริบ
เพียงเสียงลมหายใจของทั้งสอง
ที่ดังสะท้อนอยู่ในสี่ผนังนั้น
ทานน์ ยืนพิงประตูที่เพิ่งล็อคลง
แผ่นหลังตึงเครียด
เหมือนคนกำลังเก็บแรงบางอย่างไว้
ไม่ให้ระเบิดออกมา
สายตาคมกริบจ้องใบหน้าของ วันวา ไม่กะพริบ
>“ใครส่งของพวกนั้นมาให้วานคะ..?
นาฬิกาเรือนละเกือบล้าน...ใครส่งมา?
พี่ถาม..ตอบคำถามพี่เดียวนี้"
วันวาน้ำเสียงมีความสงสัยและอดเถียงไม่ได้
>"วานไม่รู้จริง ๆ .. ทั้ง ๆ ที่วานก็ไม่ได้คุย
ไม่ได้คบกับใครเลย"
.
>ไม่ได้คุย…ไม่ได้คบกับใคร?”
เสียงทานน์ต่ำและทุ้มจนเกือบเป็นกระซิบ
แต่หนักแน่นพอให้ได้ยินชัดทุกคำ
.
วันวาก้าวถอยหลังไปครึ่งก้าว
เธอเม้มปากแน่นเพื่อรักษาน้ำเสียงให้มั่นคง
>“ใช่ค่ะ…วานไม่รู้จริง ๆ ว่าใครส่งของพวกนั้นมา
แล้ววานก็ ไม่ได้คบใคร อย่างที่คุณคิด”
คำพูดนั้นเหมือนแรงกระแทก
ที่กระทบกับหัวใจธัตทานนท์ เข้าเต็ม ๆ
แววตาที่เคยขุ่นกร้าวพลันสั่นไหว
เงาของความโมโหถูกแทนที่
ด้วยประกายบางอย่างที่คล้ายความโล่งอก
และความยินดี
เขาไม่พูดอะไรทันที เพียงมองเธออยู่นาน
ราวกับจะยืนยันว่าได้ยินถูกต้อง
.
วันวารู้สึกถึงบรรยากาศรอบตัวที่เริ่มหนาแน่น
เธอสูดลมหายใจลึก พยายามรักษาระยะห่าง
“คุณ…ควรกลับออกไปนะคะ นี่มันที่ทำงาน”
ทานน์ก้าวเข้ามาอีกเพียงก้าวเดียว ไม่ล้ำเส้น
แต่แววตาที่สบกับเธอ
เต็มไปด้วยอารมณ์ที่บอกได้ว่า เขาไม่ได้ยอมแพ้
“พี่ไม่ได้อยากให้วานอึดอัด”
เขาเอ่ยเสียงต่ำลง
“พี่แค่…ต้องรู้ว่าใครกำลังพยายามเข้าใกล้วาน”
วันวาหันหน้าหนี ไม่อยากให้เขาเห็น
ว่าหัวใจตัวเองเต้นแรงเพียงใด
“ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร…มันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ”
เสียงเธอสั่นเล็กน้อย แต่ยังคงเด็ดขาด
ทานน์ยืนนิ่ง สายตาอ่อนลงในที่สุด
“พี่แค่อยากแน่ใจ…
ว่าโอกาสของพี่...ยังไม่หมดไป”
ประโยคสั้น ๆ นั้นทำให้ห้องที่เงียบสนิท
เหมือนถูกกดทับด้วยความรู้สึก
ที่ทั้งสองไม่กล้าพูดออกมา
วันวาไม่ตอบ เพียงกำมือแน่นที่ด้านข้างโต๊ะ
หัวใจของเธอเต้นแรง
จนแทบกลบเสียงทุกสิ่งภายนอก
___
ช่วงพักเที่ยง
วันวาเดินถือกุญแจรถ
กำลังจะออกไปทานข้าวกับเพื่อนร่วมงานในแผนก
วันนี้ทุกคนพร้อมใจกัน
นัดออกไปทานข้าวข้างนอก
เธอก้าวออกจากห้องด้วยรอยยิ้มเรียบ ๆ
.
แต่สายตาของวันวา
เหลือบไปเห็นผู้หญิงสาวหน้าตาดี
เดินออกมาจากห้องทำงานของธัตทานนท์
พร้อมกับเขา ร่างสูงในชุดสูทเรียบร้อย
ยืนอยู่ข้างผู้หญิงคนนั้น
ทำให้วันวาแทบอยากเลี่ยงสายตา
เธอหลบตา ทำเป็นไม่เห็น
แต่ก็ยังเดินหยิบช่อดอกไม้มาดมต่อหน้าเขา
และหยิบถุงใส่นาฬิกาที่วางอยู่ด้านนอกขึ้นมา
พร้อมรอยยิ้มเล็ก ๆ
.
เพื่อนร่วมงานหญิงคนหนึ่งในแผนก
อดไม่ได้ที่จะเเซว
“อิจฉาคุณวันวาจังค่ะ
มีคนพิเศษคอยใส่ใจอยู่ทุกวัน
ชักอยากเห็นหน้าคนส่งแล้วสิค่ะ”
เสียงแซวเบา ๆ แต่เต็มไปด้วยความสนุก
.
วันวายิ้มตอบเสียงเบา ราวกับตั้งใจให้ทานน์ได้ยิน
“เราทุกคนต่างเป็นคนพิเศษของใครบางคนเสมอ
ใช่ไหมคะ?”
ทานน์มองอยู่ไม่ไกล ใจเขาโกรธร้อนแรง
เลือดในตัวเดือดพล่าน ความหวงแหน
และความริษยาแทรกอยู่ในสายตาของเขา
เขาอยากจะเข้าไปถามทันที
ใครส่งให้เธอ ทำไมเธอเเสดงออกว่าดีใจขนาดนั้น
แต่เขาก็ต้องเก็บความรู้สึกนั้นไว้ลึก ๆ
---