พรึ่บ!
“นะนัทไม่ได้ทำอะไรผิดนะ” ว่าจบร่างบางก็ทำท่าจะวิ่งออกจากห้องไป หากแต่มือใหญ่ของคนด้านหลังก็คว้าข้อมือเล็กเอาไว้เสียก่อน
หมับ!
“ว๊าย! / จะไปไหน!”
ตุบ!
ไม่ถามเปล่าหากแต่ร่างใหญ่จับคนตัวเล็กกว่าทุ่มลงไปบนเตียงนอนก่อนจะตามไปคร่อมเอาไว้ ดวงวิญญาณสาวไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาหากแต่พยายามเอียงตัวหนีแต่ถูกมือใหญ่รวบข้อมือเล็กสองข้างเอาไว้เหนือหัว
“คุณไม้ปล่อยนัทนะ!” เสียงหวานตวาดดังลั่นเมื่อเห็นริมฝีปากหนาบริกรรมคาถา พลันนั้นเองที่เชือกอาคมเส้นใหญ่ปรากฏขึ้นบนข้อมือเล็ก “คะคุณไม้ปล่อยนัทนะ!” ดวงตาคู่สวยสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวเมื่อยิ่งดิ้นก็เหมือนกับว่าเชือกอาคมนี้จะรัดแน่นขึ้นและร้อนขึ้นราวกับถูกไฟเผา
“อยู่นิ่ง ๆ แล้วตอบคำถามฉัน” ร่างใหญ่ที่คร่อมดวงวิญญาณสาวเอาไว้เอ่ยบอกก่อนจะผละมานั่งอยู่ข้างเตียง “รู้จักชื่อฉันได้ยังไง” เสียงทุ้มเอ่ยถามพลางปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวออกทีละเม็ด ๆ ดวงตาคู่สวยฉายแววหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัดเมื่อรู้ว่าคนข้าง ๆ นั้นมีวิชาที่แก่กล้ามากกว่าเธอ
“ถ้าไม่ตอบ ฉันจะจับเธอมาขังไว้ในนี้” พูดจบคนข้าง ๆ ก็เดินไปเปิดกระเป๋าสีดำใบใหญ่ที่วางอยู่บนเก้าอี้ข้างโต๊ะทำงาน มือใหญ่ถือหม้อดินเผาขนาดพอดีมือออกมาตั้งไว้ข้างหัวเตียงพร้อมกับผ้าสีแดงผืนเล็กที่มีอักขระโบราณเขียนทับไว้ เพียงแค่หม้อดินเผาและผ้าสีแดงผืนนั้นถูกตั้งไว้ข้างเธอ ดวงวิญญาณสาวก็สัมผัสได้ถึงพลังอันตรายที่แผ่ออกมา “หรือจะลองเข้าไปนั่งไปนอนในนี้ดูก่อน ถ้าอยากตอบคำถามของฉันเมื่อไหร่ก็ค่อยออกมา”
“ยะอย่านะคะ คุคุณไม้อยากรู้อะไรคะ” เสียงหวานร้องปรามเมื่อเห็นริมฝีปากหนากำลังบริกรรมคาถา
“เธอรู้จักฉันได้ยังไง ใครเป็นคนบอกชื่อฉันกับเธอ”
“นัทรู้มาจากคุณมัดหมี่ค่ะ อุ๊บ!” เรียวปากบางหุบลงแทบไม่ทันเมื่อเอ่ยชื่อคนที่ไม่ควรเอ่ยออกไป
หากไม้รู้ว่ามัดหมี่แต่งงานกับวิญญาณคงกลายเป็นเรื่องใหญ่ เพราะกฏของโลกวิญญาณคือจะให้ใครรู้ความลับนี้ไม่ได้นอกเสียจากว่าคนคนนั้นจะเป็นเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวของโลกวิญญาณ
“พี่สาวฉัน?” เมื่อไม้ได้ยินคนตรงหน้าเอ่ยชื่อพี่สาวของตนก็ถึงกับขมาวคิ้วด้วยความงุนงง นอกจากเธอคนนี้จะรู้จักเขากับพี่สาวแล้วเธอยังใช้สรรพนามที่สุภาพเอ่ยถึงเขากับพี่สาวด้วย
“เอ่อ… กะก็คุณมัดหมี่อยู่บ้านหลังนี้นัทก็ต้องได้ยินชื่อได้รู้อะไรบ้างนั่นแหละค่ะ ก็นัทเป็นผีนี่คะ” หากจะบอกความจริงออกไปคงไม่ดีแน่ ดวงวิญญาณสาวจึงตอบได้แค่นั้น
“เธอชื่อนัท?” เสียงทุ้มเอ่ยถามพลางโยนเสื้อนักศึกษาใส่ตระกร้าที่ตั้งอยู่ไม่ห่างนักก่อนจะหยัดกายขึ้นถอดเข็มขัดนักศึกษาออกแล้วโยนลงตระกร้าตามไปด้วย ดวงตาคมกริบก็จ้องมองดวงวิญญาณสาวที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงเพราะขยับตัวไม่ได้
“ณัชชาค่ะ ชื่อณัชชาแต่เรียกนัทก็ได้” เสียงหวานตอบกลับ
“ณัชชา...” เสียงทุ้มทว่าแผ่วเบาเอ่ยชื่อดวงวิญญาณสาวก่อนจะลากเสียงยาวในพยางค์สุดท้าย ทำเอาคนฟังถึงกับขนลุก “เธอมาอยู่ในบ้านหลังนี้ได้ยังไง” ร่างใหญ่ทิ้งตัวลงนั่งข้างกันพร้อมถามต่อ มือใหญ่เอื้อมไปหยิบมีดเล่มเล็กสีดำในหม้อดินเผาออกมาก่อนจะควงเล่นอย่างชำนาญสร้างความหวาดกลัวให้ดวงวิญญาณสาวไม่น้อย
“นัท… นัทเป็นผีบ้านผีเรือน นัทอยู่ในบ้านหลังนี้ตั้งนานแล้ว” ณัชชาตอบกลับเสียงเบาพลางมองตามปลายมีดแหลมคมอย่างไม่ละสายตา หัวใจดวงน้อยเต้นถี่รัวแทบจะทะลุออกมาเมื่อมือใหญ่ควงมีดไปมาหากแต่สายตากลับจ้องมองมายังเธอ
“ผีบ้านผีเรือน?”
“นัทพูดจริง ๆ นะคะ นัทเป็นผีบ้านผีเรือนที่อยู่ที่นี่จริง ๆ นัทมาอยู่ก่อนที่คุณมัดหมี่จะย้ายเข้ามาด้วย” เสียงหวานอธิบายเมื่อคนข้าง ๆ ทำราวกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด
“พี่สาวฉันเคยบอกว่ามีวิญญาณจะมาเอาชีวิต เธอคิดว่าฉันควรจัดการวิญญาณนั้นยังไงดี” ดวงตาคมกริบจ้องมองมายังดวงวิญญาณสาวที่นอนอยู่บนเตียงก่อนจะใช้ปลายมีดแหลมคมเชยคางมนขึ้นให้สบตากับเขา
“อื้อ” ร่างเล็กบนเตียงกว้างสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวพลางเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นเพื่อกลั้นความเจ็บปวด เพียงแค่ปลายมีดอาคมสัมผัสกับคางมนเบา ๆ ความร้อนมหาศาลก็แผ่ออกมาราวกับจะเผาเธอให้สลายเป็นจุล
“ช่วยฉันคิดหน่อยสิว่าควรทำยังไงกับผีร้ายแบบนั้นดี” ไม่ถามเปล่าหากแต่มือใหญ่หันปลายมีดแหลมคมเข้าหาชุดเดรสสีขาวที่ปกปิดเรือนร่างอรชรอยู่ เพียงมือใหญ่แกว่งมีดเบา ๆ สายเดี่ยวสีขาวก็ขาดออกจากไหล่มน
“...”
“เธอคิดว่าฉันจับมันมาทรมานแล้วฆ่าให้มันตายอีกรอบดีไหม” เสียงทุ้มเอ่ยก่อนจะเกี่ยวปลายมีดแหลมเข้าหาสายเดี่ยวอีกเส้นบนไหล่มนอีกข้างให้ขาดออกจากกัน
“นะนัทไม่รู้ อึก” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นด้วยความหวาดกลัวเมื่อปลายมีดแหลมคมถูกคนข้าง ๆ กดลงกลางร่องอกอวบกะระยะให้ถึงเพียงเนื้อผ้า ก่อนจะตวัดมีดเบา ๆ จนชุดเดรสตัวสวยถูกแหวกกลางไปจนถึงหน้าขา
แควก!
เพียงแค่นั้นอาภรณ์ที่ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนก็ค่อย ๆ คลี่ออกจากเรือนร่างอรชรเผยให้เห็นแพนตี้ตัวน้อยกับบราเซียร์ตัวสวยที่ปกปิดของสงวนเอาไว้
“มายุ่งกับพี่สาวฉันทำไม” ริมฝีปกาหนาเอ่ยถามขณะปรายตามองเรือนร่างกึ่งเปลือยเปล่าของดวงวิญญาณสาว
“นัทไม่ได้ทำนะ นัทไม่เคยคิดทำร้ายคุณมัดหมี่นะ” เสียงหวานยืนยัน
“แต่พี่สาวฉันบอกว่ามีวิญญาณจะมาเอาชีวิต” เสียงทุ้มราบเรียบเอ่ยต่อก่อนจะจ่อปลายมีดแหลมคมลงบนเนินอกข้างซ้ายของดวงวิญญาณสาว ร่างบางสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวหากไม้แทงมีดเล่มนี้ลงกลางก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายดวงวิญญาณเธอจะแตกสลายไปพร้อมกับความเจ็บปวด
“ไม่ใช่นัทจริง ๆ นะ คุณไม้ไม่มีหลักฐานสักหน่อยว่าเป็นนัท” คำพูดของดวงวิญญาณสาวทำให้คนฟังเริ่มลังเล “ถะถ้าคุณไม้ไม่เชื่อก็ไปถามคุณมัดหมี่ดูสิคะว่าวิญญาณร้ายที่จะมาเอาชีวิตคุณมัดหมี่เป็นใคร อย่างน้อยก็ต้องรู้สิว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย อย่างน้อยก็ต้องเคยปรากฏตัวให้เห็น อีกอย่างตอนนี้คุณมัดหมี่ก็สบายดีไม่ใช่เหรอคะ คุณมัดหมี่พูดอีกหรือเปล่าว่าวิญญาณยังตามติดอยู่”
พรึ่บ!
คนข้าง ๆ หยัดกายขึ้นเต็มความสูงก่อนจะแกว่งคมมีดเข้าหาเชือกอาคมบนข้อมือเล็ก เพียงแค่นั้นดวงวิญญาณสาวก็เป็นอิสระ
“ถ้าวันไหนที่ฉันรู้ว่าเธอโกหก ฉันจะจับเธอมาทรมาน” เสียงทุ้มเอ่ยบอกพร้อมจ้องมองมายังเธอด้วยแววตาน่ากลัว ร่างเล็กพยักหน้าน้อย ๆ ให้แทนคำตอบขณะที่มือเล็กสองข้างขยุ้มเสื้อผ้าที่ขาดออกเข้าหากันเพื่อปกปิดร่างกาย
“นัทไปได้หรือยังคะ”
“ถ้าฉันเรียกเธอต้องออกมา”
“นัทอยู่ในศาลเจ้าที่หน้าบ้านคุณไม้ ถ้านัทไม้ได้ยินคุณไม้ต้องไปเรียกตรงนั้น” มือเรียวชี้นิ้วออกไปนอกหน้าต่างที่เห็นศาลเจ้าที่หลังเล็กตั้งอยู่
“แต่ถ้าเรียกแล้วไม่ออกมาฉันจะเผาศาลเธอ”
“ใจร้ายจัง...” เสียงหวานพึมพำแต่ก็ต้องหลบสายตาน่ากลัวของคนตรงหน้า “งั้นนัทกลับแล้วนะคะ”
“อือ”
“ขอบคุณนะที่เชื่อนัท” เรียวปากบางฉีกยิ้มกว้างให้คนตรงหน้าก่อนจะเดินเลยไปเปิดประตูห้องแล้วเดินออกไป โดยไม่รู้เลยว่าเจ้าของห้องที่มองตามแผ่นหลังบางกำลังรู้สึกแปลก ๆ กับรอยยิ้มของเธอ
“ก็น่ารักดี หึ”