บทที่1.เจ้าหนี้ขาโหด..

1589 Words
“วาด...ช่วยพ่อหน่อยนะ พ่อหาเงินที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว...”          หญิงสาวถอนใจ เธอกุมมือท่านพร้อมกับปลอบใจ “วาดเต็มใจทำอยู่แล้วค่ะ แต่ว่า... วาดยังต้องทำงานใช้หนี้ทุนที่โรงพยาบาล...จะมาลาออกตอนนี้ไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าอยากให้วาดไปดูแลคนป่วย...ก็ต้องขอกับที่โรงพยาบาล วาดตัดสินใจเองไม่ได้ค่ะพ่อ”          “มันไม่ใช่ปัญหาของฉันนะ เธอกับพ่อเธอต้องตกลงกันเอง...แต่พรุ่งนี้ถ้าฉันไม่เห็นเธอ พ่อเธอก็ต้องเอาเงินมาคืนฉัน ไม่อย่างนั้น...” เบนยิ้มเหี้ยม เขาไหวไหล่เบ้ปาก ปลายตามองสองคนพ่อลูกแบบเหนือกว่า          “คุณ!!”          “ทำไม? ฉันทำไมเหรอ...พ่อเธอเป็นหนี้ฉัน และฉันขอแค่นี้เอง...ไม่ยากนี่นา เธอก็เลือกเอาสิจะมีพ่อที่มีลมหายใจ หรือมีพ่อที่ไม่มีลมหายใจ!!”          เบนตอบเสียงเหี้ยม หล่อนกับบิดาเป็นลูกหนี้ สิ่งที่เขาอยากได้ หล่อนกับพ่อไม่มีสิทธิปฏิเสธ!!          “ค่ะ...วาดจะดูแลคนป่วยของคุณเอง...แต่...แค่กลางคืน เพราะ กลางวัน วาดต้องทำงานที่โรงพยาบาล”          หญิงสาวกลั้นใจตอบ เอาน่า...ไม่ถึงตายหรอก คนป่วยที่เขาพูดถึงน่าจะอาการหนักพอสมควร เธอคงพอมีเวลางีบช่วงหนึ่ง หากเขาดีขึ้น เธอก็คงเป็นไท...          “ดี...ตามนั้น”          เบนยิ้มรับ เขากำลังจะออกเดิน แต่วันวาดร้องเรียกไว้ก่อน          “วาดขอประวัติคนป่วยไปศึกษาด้วยค่ะ จะได้หาวิธีตั้งรับและวิธีทำให้เขาดีขึ้นด้วย”          ไหนๆ ก็ตกลงปลงใจรับงานนี้มาทำ วัดวาดจึงจำเป็นต้องรู้จักคนป่วยคนนี้ เพื่อตัวเองและบิดา          “ได้...” เบนพยักหน้ารับ “ไทย เอาประวัติน้องชายฉันให้หล่อนดูสิ”          เบนสั่ง เขาออกเดินหน้าตั้ง เมื่อเวลาที่โจนาธานมาถึงกระชั้นเต็มที...เขาส่งโจนาธานไปตรวจร่างกายที่อเมริกา และวันนี้คือกำหนดกลับของน้องชาย          แฟ้มสีน้ำตาลไหม้ ไทยหยิบจากโต๊ะทำงานของเบน มายัดใส่มือวันวาดพร้อมกับกระซิบเสียงเคร่งๆ          “หากอยากอยู่จนปลดหนี้ให้พ่อเธอได้...อย่าพยายามอ่อย คุณโจ!!”          ไทยเดินตามเจ้านายไปติดๆ เขาเป็นการ์ดกึ่งเลขา ทำงานทุกหน้าที่แล้วแต่เบนจะสั่ง...เป็นลูกน้องที่รู้ใจเบนสุดๆ          วันวาดถอนใจแรงๆ “กลับบ้านกันเถอะค่ะพ่อ วาดต้องไปศึกษาคนป่วยคนนี้”          หญิงสาวรีบประคองทะนง เขาอ่อนแรงมาก แม้แต่แรงยืนยังไม่ค่อยมี ที่วันวาดไม่เข้าใจ ทะนงอ่อนเปลี้ยขนาดนี้ เขานั่งหลังขดหลังแข็งในบ่อนได้ยังไงเป็นวันๆ          “วาด...พ่อเหลือแค่วาดนะลูก”          ระหว่างทาง ทะนงย้ำแล้วย้ำอีก หากวันวาดหนี นั่นหมายถึงลมหายใจของเขาจะปลิดปลิวเช่นกัน          “ค่ะพ่อ...วาดจะพยายาม”          แม้จะรู้สึกหนักหน่วงในอก เรื่องงานหนัก เรื่องฤทธิ์เดชของคนป่วยวันวาดไม่เคยนึกกลัว แต่เท่าที่เปิดอ่านแบบผ่านๆ คนป่วยของเธอ แค่ไม่พยายาม...เขาต่อต้านการทำกายภาพบำบัด เพราะหากเขาไม่ท้อไปเสียก่อน...ช่วงเวลานี้ เขาน่าจะขยับตัวได้บ้างแล้ว...หญิงสาวระบายลมหายใจออกมาแผ่วๆ เธอยังมีความหวังที่จะช่วยเขาได้...หากผู้ป่วยให้ความร่วมมือ...และนั่นแหละที่ทำให้วันวาดหนักใจ เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา คนป่วยจอมยโสคนนี้ ป่วนคนดูแลเขามาไม่ใช่น้อย บ้านพิศิษรุ่งเรือง...          พิไลลักษณ์นั่งตะไบเล็บอยู่บนพื้น เธอเหลือบมองวันวาดแบบหมิ่นๆ ก่อนจะรีบหลุบเปลือกตาลง เพราะทะนงเหลือบมามองพอดี          “กลับบ้านถูกด้วยเร้อแม่พิไล?”          ท่านพูดประชดบุตรบุญธรรม ที่อุตส่าห์กล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูมาอย่างดิบดี แต่กลับพึ่งพาไม่ได้สักนิด          “งานพิไลยุ่งนี่คะคุณพ่อ ไม่ได้ว่างงานเหมือนคนบางคน”          หล่อนเอ่ยประชดถึงคนด้านหลังบิดา วันวาดทำตัวว่าง ประหนึ่งไม่มีงานมีการทำ ไม่ว่าบิดาจะไปไหน หล่อนอาสาแทบทุกครั้ง          “หล่อนทำงานเดือนเป็นแสนเรอะแม่พิไล ถึงไม่มีเวลาว่างเหมือนคนอื่นเขา”          ท่านพูดประชด พิไลลักษณ์ทำงานเป็นเลานุการ หล่อนฟุ้งเฟ้อเสียจนเงินเดือนยังไม่พอกิน ใช้จ่ายไปกับเครื่องสำอางและเสื้อผ้า          “คุณพ่อคะ งานพิไม่ได้ทำแค่เช็ดขี้เช็ดเหยี่ยวให้คนป่วยนะคะ งานเอกสาร งานนั่นนี่จิปาถะ พิไลยุ่งจนหัวฟู”          คำแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้น แต่ทะนงคร้านที่จะต่อความเมื่อพิไลลักษณ์ไม่เคยยอมรับความจริง...หล่อนฟุ้งเฟ้อจนเป็นสันดาน          “พิไล!!”          “อย่าถามเรื่องเงินนะคะคุณพ่อ พิไลกำลังช็อต!!”          หญิงสาวรีบออกตัว เธอรีบรวบอุปกรณ์ทำเล็บมาถือ แล้วจึงรีบเดินหนีไปจากตรงนั้น ก่อนที่นายทะนงจะขอยืมสตางค์          “หึ!! ฉันไม่ยืมเงินแกหรอกพิไล...แค่อยากรู้ว่าหล่อนสบายดีไหม เหนื่อยหรือเปล่ากับการสวมหน้ากากเป็นคนรวย...” ทะนงเปรย เขาทรุดนั่งบนเก้าอี้หวายอย่างอ่อนแรง หลังออกไปตะเวนอยู่ด้านนอกมาทั้งวัน เกี่ยวกับเรื่องหนี้สินที่ตัวเองสร้างเอาไว้          “วาด พ่อขอบใจลูกนะ ที่เสียสละเพื่อพ่อครั้งนี้ ความหวังของพ่อก็อยู่ที่วาดแล้วล่ะ”          ชายสูงวัยพูดเสียงแห้ง หากให้หาเงินจำนวนนั้นไปคืนเจ้าหนี้ มันก็สุดปัญญาที่ท่านจะทำได้เมื่อแม้แต่แรงยืนยังไม่ใคร่จะมี งานก็ไม่ได้ทำ แถมรายได้ที่มี ก็มาจากเงินเดือนของวันวาดอย่างเดียวผสมกับเงินเดือนหลังเกษียรไม่เท่าไร ค่าเช่าที่แบบสมัยก่อน ไม่เหลือแล้ว เพราะทะนงเอาที่ทางที่เคยสะสมไว้ออกจำหน่าย หลังจากหลงใหลไปกับการพนัน...ชั่วเวลา3ปีมานี่ เขาผลาญสมบัติไปจนหมด...          วันวาดได้แต่ยิ้มเซียวๆ ภาระที่เธอแบกไว้ ดูเหมือนจะหนักเกินกำลัง เมื่อผู้มีพระคุณขยันโยนภาระนั่น มาที่เธอเหลือเกิน เธอเดินเลี่ยงไปทางหลังบ้าน หลังแน่ใจว่าบิดาหลับ ท่านคงอ่อนเพลียและต้องการพัก...          “เหอะ!! ทำเป็นคนดีเอาหน้า...เธอนี่มันนางเอกตัวจริงเลยนะวาด”          พิไลลักษณ์แควะ เมื่ออดไม่ได้ที่จะหมั้นไส้คู่ปรับตั้งแต่เด็กจนโต...ขนาดหล่อนโดนกดจนไม่มีโอกาสได้เงยหน้าขึ้นมาผยอง ทั้งที่เป็นลูกสาวแท้ๆ ไม่ใช่กาฝากอย่างเธอ          “...” วันวาดไม่ได้ตอบ เธอตักข้าวใส่ปาก พยายามไม่สนใจเสียงกระแหนะกระแหนที่ลอยมาตามลม          “เธอไม่ลองหา ‘ผัว’ รวยๆ สักคนล่ะ เผื่อจะช่วยล้างหนี้ให้คุณพ่อได้” คำแนะนำนั่น ทำให้วันวาดสติหลุด          “แบบที่เธอทำเหรอพิไล...พยายามเอาตัวเร่ขาย...แต่ก็ยังไม่มีใครสน” แววตาจัดจ้า กับอากัปกริยาเตรียมพร้อมสู้ทำให้พิไลลักษณ์ชะงัก          “คนอย่างฉันน่ะวาด...ไม่ยอมตกต่ำอยู่แค่นี้หรอก...ส่วนเธอ แบกไปเถอะภาระทั้งหมดที่ พ่อ เธอก่อไว้เถอะ ฉันจะอวยพรให้เธอตามใช้หนี้จนหมด” หญิงสาวกล่าวเยาะ ก่อนจะเดินลอยชายออกไปอย่างอารมณ์ดี ทิ้งปัญหาหนักอกไว้ที่วันวาดแทน          รัชนีเดินเข้ามาในครัว หลังลูกสาวบุญธรรมของพิไลเดินจากไป นางวางมือบนบ่าบอบบางของบุตรสาว          “วาด...เป็นไงบ้างลูก...เหนื่อยมั้ย?”          เสียงอ่อนเศร้า แววตาแสนห่วง มารดาคือคนๆ เดียวที่รักและหวังดีกับเธอจริงๆ          “ไม่ค่ะแม่ วาดไหว...”          หญิงสาวสอดมือกอดเอวมารดา หลุบเปลือกตาลง เอียงแก้มซบอกอุ่น เพื่อขอพลังในการฝ่าฟันอุปสรรค เธอมีภาระหนักที่ต้องทำเพิ่ม ไม่รู้ว่าจะต้องเจอมนุษย์เจ้าอารมณ์ขนาดไหน เพราะส่วนมากคนป่วยที่เคยเป็นคนแข็งแรง มักจะไม่ค่อยยอมรับความจริง เขาน่าจะร้ายพอดู ไม่อย่างนั้น ผู้ชายคนนั้นคงไม่ใช้ข้อบีบบังคับเพื่อให้เธอยอมตกลง...แต่หากทำสำเร็จ เธอจะได้ช่วยบิดาปลดหนี้ จะเหนื่อยจะหนักแค่ไหน? วันวาดก็จะขอสู้ เธอมีแรงมีกำลังพอสู้...อดนอนนิดๆ หน่อยๆ คงไม่ถึงตาย... “แกจะทรมานตัวเองไปเพื่ออะไรว่ะ พี่ถามหน่อย?”          เบนถามโจนาธานเสียงเคร่ง ไอ้น้องตัวแสบไม่ยอมแตะทั้งยาและอาหาร จนร่างกายซูบเซียว ใบหน้าหล่อเหลาผอมซูบจนมองเหมือนผีตายซากเข้าไปทุกวันหลังจากผลการตรวจอย่างละเอียดออกมา เขามีเปอร์เซ็นเดินได้แค่50%          “ปล่อยผมตายเถอะพี่ อยู่แบบนี้มันก็เหมือน ผมตายทั้งเป็นอยู่แล้วนี่”          โจนาธานพูดเสียงเรียบ จะให้เขานอนเป็นผักเน่าแบบนี้ถึงเมื่อไร เขาเบื่อจนเอียน เขาทนมองเห็นตัวเองเป็นแบบนี้ไม่ไหว มันทุเรศตัวเองเหลือเกิน          “แกจะหมดหวังได้ยังไงว่ะ หมอบอกแล้วนี่หว่า แกมีสิทธิหาย... ถ้าแกแข็งแรงกว่าตอนนี้ และยอมทำกายภาพบำบัด...”          เบนพยายามโน้มน้าว ความหวังจะสัมฤทธิ์ผลก็ต้องมีกำลังใจเป็นแรงผลัก แต่นี่...อะไร!! ยังไม่ทันสู้ก็ท้อถอยเสียแล้ว แบบนี้เมื่อไรโจนาธานจะกลับมาเดินได้เหมือนเดิม... อีกอย่าง... เบนทำเพื่อตัวเองด้วย รูธมีแค่เขากับน้อง หากโจนาธานเป็นอะไรไป คงได้สิ้นทายาท เพราะเบนเอง...คงไม่สามารถสืบสกุลได้...เขาไม่ได้เป็นหมัน แต่...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD