ตอนที่ 5 เกินยับยั้ง

1337 Words
เรือนหลักของจวนสกุลไป๋ที่โอ่อ่า หญิงสาวในชุดสีอ่อนสะอาดตาเดินทอดน่องไปตามทางเดินในสวนของจวน ไป๋ซืออวี่มาหา ป้าสะใภ้ทั้งสองของตนเพื่อพูดคุยเรื่องสมุนไพรที่ใช้ในโรงครัวตามคำขอของลู่ชิงชิง ในขณะที่จางฮูหยินก็มาเยี่ยมเยียนตามคำเชิญของเจ้าของเรือน โดยมีทหารของจวนนายอำเภอตามมา และหนึ่งในนั้นคือสวี่จื่อเฟิง เขายืนที่หน้าประตู มองดูคุณหนูเรือนรองเดินเข้ามา นางสบตาเขาเล็กน้อย ไม่มั่นใจนักว่าเขาใช่บุรุษนิรนามในหน้ากากที่ตนเคยช่วยเหลือหรือไม่ แต่ก็ไม่ลืมที่จะมอบรอยยิ้มบางๆ ขณะเดินผ่านที่ทหารยามที่เคยช่วยชีวิตตนเอาไว้เมื่อหลายวันก่อน หัวใจของสวี่จื่อเฟิงเต้นแรง รอยยิ้มของนางทำให้เขาถึงกับสั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็น “คารวะป้าสะใภ้ลู่ ป้าสะใภ้เฉิน” นางย่อกายคารวะอย่างอ่อนช้อยเมื่อเข้าไปถึงกลางห้องโถง “นั่งลงก่อนสิ” ลู่ชิงชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “เรื่องสมุนไพรที่ข้าจะถามเจ้า เอาไว้ก่อน วันนี้จางฮูหยินมาเยี่ยมเยียน เรามาดื่มชาแล้วพูดคุยกันดีหรือไม่ พอดีว่ามีใบชาที่ถูกส่งมาจากทางเหนือ รสชาติดีเลยทีเดียว” ไป๋ฮูหยินกล่าวแล้วพยักหน้าให้บ่าวคนสนิทไปจัดการ สวี่จื่อเฟิงมองดูลู่หานที่ตอนแรกเดินวนเวียนอยู่หน้าเรือนหลัก แต่พอบ่าวข้างกายของลู่ชิงชิงเดินออกไปเขาก็ไม่อยู่แล้ว สัญชาตญาณบางอย่างทำให้เขาระวังตัวมากขึ้น แววตาคู่เหยี่ยวกลอกตามองไปรอบๆ สังเกตหาอะไรบางอย่างที่อาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อสตรีที่เขาอยากปกป้อง บ่าวคนสนิทของไป๋ฮูหยินกลับมาพร้อมกับสาวใช้ที่ยกป้านน้ำชาตามหลังมา จากนั้นก็นำไปวางที่โต๊ะมุกตัวเล็กที่อยู่ข้างเก้าอี้ที่ทั้งสามนั่งรออยู่ ทว่าถ้วยชาของไป๋ซืออวี่นั่นมีลวดลายที่แตกต่างออกไป คล้ายกับว่านำมาเพื่อนางโดยเฉพาะ “ชานี้ช่วยผ่อนคลายดีนัก เจ้าเองก็ลองดูสิอวี่เอ๋อร์” ลู่ชิงชิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม ถ้วยชากระเบื้องเคลือบถูกยกขึ้นมา กลิ่นหวานละมุนลอยขึ้น ไป๋ซืออวี่ลังเลเล็กน้อย แต่เพราะความเกรงใจจึงยกขึ้นจิบ จากนั้นป้าสะใภ้ทั้งสองก็พูดคุยกันโดยมีนางนั่งฟังการสนทนา ก่อนที่ไป๋ซืออวี่จะรู้สึกวิงเวียนศีรษะแล้วยกมือขึ้นแตะขมับของตน “เป็นอะไรหรืออวี่เอ๋อร์” เฉินอวี่หรงถามด้วยความห่วงใย “ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อยเจ้าค่ะ” “เช่นนั้นเจ้าก็กลับไปพักผ่อนเถิด” ลู่ชิงชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน จางฮูหยินเห็นดังนั้นนางเองจึงขอตัวกลับ เพื่อให้หลานสาวได้พักผ่อน ไป๋ซืออวี่คารวะลา เสี่ยวหรูสาวใช้คนสนิทพานางกลับไปที่ห้องนอนที่เรืองรอง ท่ามกลางสายตาของสวี่จื่อเฟิงที่มองด้วยความห่วงใย แต่เขาต้องติดตามเฉินอวี่หรงกลับไปที่จวนนายอำเภอ ไม่สามารถปลีกตัวได้ในตอนนี้ เมื่อกลับไปถึงเรือนรองของตน นางก็ให้สาวใช้ออกไปแล้วเตรียมตัวที่จะนอนพักผ่อน ดูจากอาการของตนแล้ว นางพอจะเดาออกว่าตนเองถูกวางยาที่ทำให้ลมปราณติดขัดแล้วเกิดอาการอ่อนเพลียเช่นนี้ “ท่านป้าลู่วางยาข้าด้วยเหตุใด” นางพึมพำเสียงเบา ยานี้ไม่มีพิษจนถึงแก่ชีวิต แค่ทำให้รู้สึกอ่อนเพลียเท่านั้น หรือบางทีป้าสะใภ้ของนางอาจรู้ว่าในใบชามีพิษอ่อนๆ อยู่ แต่เหตุใดจึงมีนางที่รู้สึกอยู่คนเดียว นั่นก็ทำให้นางสงสัยไม่น้อย นางนำยาสมุนไพรลูกกลอนที่ช่วยปรับเลือดลมมากิน จากนั้นก็พาร่างอรชรขึ้นไปบนตั่งนอนเพื่อที่จะพักผ่อนฟื้นฟูอาการของตน จนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพัก ลู่หานที่มั่นใจแล้วว่าสาวใช้ของนางจะไม่หวนกลับมา เขาก็ใช้นิ้วเจาะที่กระดาษหน้าต่าง จากนั้นก็จุดธูปกำหนัดเข้าไปในห้องของนาง รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่จะได้ลิ้มรสจากหญิงงามที่หมายปอง สักพักใหญ่ ควันจางๆ ลอยอบอวลภายในห้อง ร่างของนางเริ่มร้อนวูบวาบ ใบหน้าซีดเซียวกลายเป็นแดงเรื่อ สายตาพร่ามัว หัวใจเต้นระรัว ร่างกายเร่าร้อนไร้เรี่ยวแรงควบคุม เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับเสียงปิดประตูตามมา นางลืมตาก็พบว่าเป็นลู่หาน หลานชายของป้าสะใภ้ที่เข้ามาในห้องส่วนตัวของตน “คุณหนูไป๋... ท่านช่างงดงามยิ่งนัก” เขากระซิบเสียงพร่า ลมหายใจหนักราวสัตว์ร้ายที่รอจะขย้ำเหยื่อ กำลังเดินเข้าไปหานางอย่างใจเย็น “ไม่นะ... ใครก็ได้ ช่วยด้วย” เสียงนั้นเบาเกินไป แต่ไม่เบาพอสำหรับเงาหนึ่งที่เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง บานประตูไม้ถูกผลักออก ร่างของชายในชุดทหารยามแห่งจวนนายอำเภอทะยานเข้ามา ดาบในมือสะท้อนแสง และในชั่วพริบตาก็ตวัดพาดที่คอของชายโฉดชั่ว “เจ้าเป็น... อึก.....” คอของลู่หานถูกปาดจนเลือดทะลักออกเป็นสาย เสียงร้องสั้นๆ ดังขึ้น ก่อนจะกลายเป็นเสียงกระเส่าแหบพร่า ร่างนั้นทรุดลงตรงหน้าไป๋ซืออวี่ เลือดแดงฉานเปรอะพื้นไม้ในห้อง หญิงสาวตัวสั่น น้ำตาไหลพราก ดวงตาพร่ามัวมองชายตรงหน้า คือเขา...อิ่นเฟิง ทหารยามที่เคยช่วยชีวิตนาง สวี่จื่อเฟิงรีบปิดประตูห้องของนางก่อนจะมีใครเข้ามาเห็น ก่อนจะเดินเข้าไปดูสตรีที่หน้าแดงก่ำ ลำตัวสั่นเทาอยู่ตรงหน้า “ข้ามาช้าไปหรือไม่” เสียงของเขาแหบพร่า ไม่ใช่เพราะเหนื่อยล้า แต่เพราะในอกเต็มไปด้วยไฟโทสะที่เกือบแผดเผาเขาจนสิ้น และกลิ่นของธูปกำหนัดที่อบอวลในห้องทำให้เขาเกิดความรู้สึกประหลาด “ร้อน ร้อนเหลือเกิน...” ไป๋ซืออวี่เอนร่างลงบนฟูกนุ่ม ดวงตาพร่ามัว ปลายนิ้วเย็นเยียบแต่ผิวกายกลับร้อนรุ่มดั่งไฟสุม มือกุมอกแน่น เขาเห็นภาพตรงหน้าแล้วหัวใจก็แทบหยุดเต้นหญิงสาวที่เคยสง่างามอ่อนโยน บัดนี้นอนหายใจกระเส่าอยู่บนฟูก ใบหน้าแดงจัด ริมฝีปากเผยอ ร่างสั่นเทา “ไป๋ซืออวี่” เขาทรุดลงข้างกายนาง รีบแตะหน้าผากร้อนจัดอย่างน่ากลัว “พวกมันวางยา” เขากัดฟันแน่น ดวงตาแดงก่ำจากโทสะ “เย็นเหลือเกิน อยู่ใกล้ข้าหน่อย...” นางคว้าข้อมือเขาไว้แน่น จื่อเฟิงชะงัก ร่างของเขาแข็งตึง เขาไม่เคยใกล้ชิดใครเช่นนี้มาก่อน โดยเฉพาะกับหญิงสาวที่เขาหวั่นไหว “เจ้ากำลังตกอยู่ในฤทธิ์ยา...” เขาพึมพำ สะบัดมือจะลุกออก แต่มือนางรั้งไว้แน่น ร่างเปล่งร้อนถูไถเข้าหา “ข้าอึดอัด อย่าทิ้งข้า... อยู่กับข้า ได้โปรด” เสียงวิงวอนแผ่วเบานั้นทำให้จื่อเฟิงใจสั่น กลิ่นกายหอมหวานราวกับดอกไม้ผลิบานในสวนบุปผา สัมผัสนุ่มนวลจากฝ่ามือที่สั่นเทา ร่างของนางแนบเข้าหาเขาอย่างไร้ยั้งคิด เขาหลับตาแน่น ทนต่อความปรารถนาที่ไม่ควรมี แต่ฤทธิ์ของควันธูปนั้นทำให้เขามิอาจต้านไหว “ข้าขอโทษ…” ในที่สุด สวี่จื่อเฟิงก็ปล่อยให้สติถูกกลืนหายไปกับไฟพิษแห่งราคะ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคือผลของพิษร้ายที่ไม่มีใครต้องการ ทั้งสองแนบร่างสัมผัสกัน ฤทธิ์ที่รุนแรงของธูปปลุกกำหนัดทำให้ลืมว่าร่างไร้วิญญาณที่นอนจมกองโลหิตแดงฉานอยู่กลางห้อง เสียงครวญครางดังแว่วออกมาอย่างสุขสม บ่าวข้างกายลู่ชิงชิงที่เพิ่งมาถึง พอได้ยินเสียงก็รีบไปรายงานนายหญิงของตนเองทันที ************************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD