บรรยากาศภายในห้องรับรอง ถ้าหากเป็นผู้หญิงคนอื่นคงยิ้มแก้มปริ ที่มีคนคอยเอาอกเอาใจจนแทบจะป้อนอาหารให้เธออยู่แล้ว ทว่าเฌอรีนกลับพยายามหลีกเลี่ยง การแสดงออกของเธอที่ไม่เหมือนใคร ยิ่งส่งผลให้ธนภัทรอยากเข้าใกล้หลงใหลในความเป็นเฌอรีน
“ฉันอิ่มแล้วค่ะ อยากกลับไปพักผ่อน”
“จะรีบไปไหน ยังไม่ดึกเลยเพิ่งจะห้าทุ่มเอง”
“ปกติฉันนอนสามทุ่มค่ะ พรุ่งนี้มีประชุมแต่เช้า”
“ผมเช็คดูตารางงานของคุณแล้วพรุ่งนี้ไม่มีประชุม”
“นี่คุณ!” หญิงสาวไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาต่อว่าเขาดี แต่ก็แปลกที่พักนี้ธนภัทรหันมาสนใจธุรกิจมากกว่าเที่ยวเตร่ไปวัน ๆ
“ไวน์ขวดนี้ราคาไม่ใช่หมื่นสองหมื่น ดื่มหมดขวดนี้ผมจะปล่อยให้คุณกลับบ้านได้”
“คุณคิดจะทำอะไร แค่จิบเบา ๆ ฉันก็เมาแล้วค่ะ” หญิงสาวรู้ทันความคิดของอีกฝ่าย ถึงแม้เขาจะรวยล้นฟ้าหรือมีบารมีมากแค่ไหน คนไม่ใช่ยังไงก็ไม่มีผลต่อจังหวะการเต้นของหัวใจ
“ไม่เป็นไรคุณแค่จิบเป็นเพื่อนผมก็พอ”
คราวนี้เฌอรีนได้แต่ทำตามเขาอย่างว่าง่าย เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงตามตอแยไม่เลิก ทั้งที่หญิงสาวอุตส่าห์จดทะเบียนสมรส เพื่อเอามายืนยันในความสัมพันธ์ของเธอกับโรมราชัน แต่ดูเหมือนเขาจะไม่แคร์มันเลยสักนิด
เวลาผ่านไปได้สักพัก ใบหน้าของเฌอรีนเริ่มแดงเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ซึ่งหญิงสาวได้ดื่มไปหลายแก้วส่งผลให้เลือดลมในกายสูบฉีด และสติสัมปชัญญะลดลงตามปริมาณที่ได้รับ แต่เฌอรีนก็พยายามประคองสติให้มั่น
“ฉันดื่มไปหลายแก้วแล้ว กลับได้หรือยังคะ” ด้วยความที่อยากกลับบ้าน เธอคว้าไวน์มาดื่มอีกครั้งจนหมดแก้ว
“คุณเกลียดผมมากขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ฉันไม่ได้เกลียดคุณเลยค่ะ” หญิงสาวพูดพลางยิ้มออกมาพร้อมกับสายตาหวานหยาดเยิ้มตามอาการของคนกำลังเมาได้ที่
“ไม่เกลียดแต่ไม่เคยคิดที่จะรักผมเลยใช่ไหมเฌอรีน”
“ฉันมีคนที่ฉันรักอยู่แล้วค่ะ” คราวนี้หญิงสาวพูดพร้อมกับพยายามขยับเปลือกตา ก่อนที่เธอจะก้มหน้าฟุบลงไปกับโต๊ะ
“เฌอ! เฌอรีนแค่นี้ก็เมาแล้วเหรอ” เขาเอามือแตะลงบนไหล่มนเบา ๆ ก่อนจะเดินอ้อมไปรั้งตัวหญิงสาวให้นั่งหลังตรง ทว่าคอพับจนหมดสภาพไม่เหลือเค้าท่านประธานบริษัทเทวาซีกรุ๊ปเลยสักนิด
“ทำไม เพราะอะไรคุณถึงเลือกเขา ผมไม่ดีตรงไหนเหรอเฌอรีน” ชายหนุ่มพูดพลางเอื้อมมือขึ้นมาแตะใบหน้างามเบา ๆ
“อย่างยุ่งน่า... ฉันจะนอน”
“คุณเมามากแล้วเดินไหวไหมเดี๋ยวผมไปส่ง”
“กลับบ้าน... อืม ฉันอยากกลับบ้าน”
“รู้แล้วน่า... อยู่นิ่ง ๆ แบบนี้ผมคงต้องอุ้มแล้วมั้ง” ชายหนุ่มพูดพลางโน้มตัวเข้าหาคนตัวเล็ก เธอคือผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขาอยากปกป้อง
“หยุดนะ! อย่าแตะต้องเธอ!”
ในขณะที่ธนภัทรกำลังจะก้มลงไปช้อนตัวหญิงสาวขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนของเขา น้ำเสียงไม่เกรี้ยวกราดหากแต่วางอำนาจอยู่ในทีดังขึ้น
ซึ่งทำให้บรรดาบอดี้การ์ดรีบชักปืนออกมาอย่างไว ทุกคนเล็งไปยังโรมราชันพร้อมกระสุนเต็มแม็ก เพียงแค่ลั่นไกเขาก็จะไม่มีโอกาสได้เดินออกไปจากห้องนี้
“นั่นใครน่ะ! สามี! ฉันง่วงแล้วที่รักพาฉันกลับบ้านที” เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ขนาดเมาหญิงสาวก็ยังจำเขาได้ทำให้ธนภัทรต้องยอมปล่อยเธอไปอย่างไม่เต็มใจ
“ฉันเป็นลูกผู้ชายพอเธอแค่เมา นายพาเธอกลับบ้านเองแล้วกัน ฉันมีธุระสำคัญต้องไปจัดการ”
“ส่งเธอมาให้ผม”
“ฉันไม่รู้หรอกนะระหว่างนายกับเธอมีความสัมพันธ์กันแบบไหนแต่จงจำเอาไว้ผู้ชายอย่างฉันฆ่าได้แต่หยามเกียรติไม่ได้”
“คุณเองก็จำเอาไว้อย่าคิดแตะเธออีกไม่อย่างนั้นผมไม่ปล่อยไว้แน่”
“นายจะทำอะไรฉันได้ แค่มีทะเบียนสมรสมันก็ไม่ได้แปลว่าจะหย่าไม่ได้ซะเมื่อไหร่ สักวันฉันจะทวงทุกอย่างจากนายคืนทบต้นทบดอกเป็นร้อยเท่าพันเท่าเลยคอยดูสิ!”
ธนภัทรพูดพลางเรียกลูกน้องให้เดินตามออกไปจากห้องทุกคนรีบเก็บปืนอย่างไว ใครจะมองเขาว่าเป็นเสือผู้หญิงชอบทำตัวป่าเถื่อน แต่อย่างน้อยชายหนุ่มก็ไม่คิดจะขืนใจใคร
“คุณเฌอรีนใครใช้ให้คุณดื่มหนักขนาดนี้เนี่ย”
“ก็นายนั่นแหละ”
“ก่อนจะโทษตัวเองต้องโทษคนอื่นก่อนใช่ไหม คุณนี่มันจริง ๆ เลยนะ”
“อืม... อุ้มหน่อย” ถึงแม้เขาจะโกรธเธอมากแค่ไหน แต่พอเจอลูกอ้อนแบบนี้ก็ทำให้โรมราชันไปไม่เป็นเหมือนกัน
“เฌอรีนเป็นไงบ้าง” รินลดาวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาพร้อมกับอามิทและมิลตัล
“เธอแค่เมา”
“ขอโทษนะคะคุณโรม ฉันถูกกันให้ไปอยู่อีกห้องเลยดูแลเพื่อนไม่ได้”
“คุณสองคนไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” โรมราชันพูดพลางโน้มตัวลงไปช้อนคนตัวเล็กขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนของเขา
“ฉันว่าพวกเรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ เห็นปืนผาหน้าไม้แล้วใจมันสั่นยังไงไม่รู้” อามิทพูดขึ้นพลางกุมมือรินลดาเอาไว้ไม่ให้ห่างกาย
“ไปเถอะ! คนไม่มีคู่อย่างกูไม่อยากมายืนดูพวกมึงสองคนสวีทกัน”
“มันใช่เวลาล้อไหมมิลตัล”
“แล้วมึงจะโกรธทำไมวะ! อามิท” มิลตัลพูดจบได้เดินนำหน้าทุกคนออกไปจากห้อง ปล่อยให้โรมราชันอุ้มเฌอรีนตามออกไปอย่างทุลักทุเล ถึงแม้เธอตัวเล็กแต่ก็หนักเอาการเหมือนกัน