บางครั้งคนเราก็มักจะทำอะไรงี่เง่าออกมาโดยไม่รู้ตัว… อย่างเช่นผู้ชายหน้าเนื้อใจเสือ แถมนิสัยอันธพาลคนนี้ไง!
ฉันหลุบตามองเศษแจกันบนพื้นที่กระจัดกระจายตามแรงกระแทกจากฝีมือของเวฬา เขามันบ้า! ไม่ได้บ้าธรรมดาด้วย… บ้ามาก! เขากล้าดียังไงถึงเข้ามาทำลายข้าวของในบ้านคนอื่นแบบนี้? เขาโยนแจกันดอกไม้ของอิงฟ้าลงบนพื้นตรงหน้าแอลเต็มแรง และเศษกระเบื้องนั่นกระเด็นเฉียดปลายเท้าของแอลไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น
เวฬาทำเกินไปแล้วนะ!
“ทำบ้าอะไรของนาย! ที่นี่เป็นบ้านของเพื่อนฉันนะ!!”
“เพื่อน? ไอ้เด็กนี่อ่ะเหรอ?” เขาชี้นิ้วไปทางแอลอย่างโคตรเสียมารยาท ส่วนแอลก็ทำเพียงยืนมองนิ่ง ๆ ไม่มีท่าทีสะเทือนอะไรเลย ดูเหมือนไม่ตกใจเลยด้วยซ้ำ
“ไม่ใช่! นี่ห้องของเพื่อนฉันและเขาก็เป็นน้องเพื่อน!” ฉันเสยผมขึ้นอย่างเริ่มมีอารมณ์นิด ๆ จากตอนแรกแค่รำคาญและเบื่อเขามาก มาตอนนี้ฉันชักไม่โอเคแล้วนะ เวฬาทำเกินไป เขาไม่ควรทำลายข้าวของอิงฟ้าแบบนี้เลย! “ให้ตายดิ นายต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ!”
“เธอบังคับให้ฉันบ้าเองนะบีลีฟ ถามดี ๆ ไม่ตอบไง ทำไมไม่เงียบต่อล่ะ แหม! กำลังอยาก ‘ละเลงหน้า’ คนเล่นพอดี” ดวงตาดุดันตวัดมองไปทางแอล มันไร้ซึ่งความเป็นมิตรอย่างเปิดเผยมาก ไม่รู้ว่าเขาเกลียดขี้หน้าอะไรแอลนักหนา เพิ่งเจอกันครั้งแรกไม่ใช่หรือไง!
“นายมันบ้า!” ฉันว่าให้พลางย่อตัวลงเพื่อจะเก็บเศษกระเบื้องเคลือบบนพื้น แต่กลับถูกมือหนากระชากท่อนแขนเอาไว้พร้อมจ้องมาด้วยแววตาไม่พอใจ
“ถ้ายังอยู่ที่นี่ต่ออีกวินาทีเดียว ฉันบ้ามากกว่านี้แน่! ไปกับฉันเดี๋ยวนี้!”
“หยุดนะเวฬา! ฉันต้องจัดการเศษกระเบื้องพวกนี้ก่อน” ฉันพยายามยื้อแขนไม่เดินตามแรงฉุดกระชากของเวฬา ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่แอลพูดขึ้น
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวจัดการตรงนี้เอง ‘ไม่ต้องห่วง’ นะครับ” คำพูดที่เหมือนสุภาพของแอลฉุดรั้งใบหน้าหล่อแสนร้ายให้หันกลับมาปาดสายตามองแทบจะทันที เมื่อเห็นว่าคนอันธพาลที่กำลังบ้าทำท่าจะหวนกลับไปหาแอลอีกครั้ง ฉันจึงเป็นฝ่ายฉุดท่อนแขนแกร่งเสียเอง ก่อนจะออกแรงลากร่างสูงให้เดินพ้นจากประตูห้องมา ส่วนเวฬาก็ไม่วายยกนิ้วขึ้นชี้หน้าแอลอย่างเอาเรื่องสุด ๆ! นี่ถ้ามีปืนคงยิงกบาลแอลไปแล้วอ่ะ! อะไรจะหัวร้อนได้ปานนั้นกัน ให้ตายเถอะ!
“คิดจะทำอะไรอีก! ที่ทำไปเมื่อกี้ยังบ้าไม่พออีกเหรอ!” ฉันตวาดใส่เสียงดังเมื่อลากร่างสูงมาถึงหน้าลิฟต์ มันเหลืออดแล้วจริง ๆ ทำไมฉันต้องมาแต่งงานกับผู้ชายอันตรายแถมนิสัยอันธพาลคนนี้ด้วย! มันเป็นเวรเป็นกรรมอะไรของฉันเหรอ!
“โวยวายทำไม ห่วงมันมากหรือไงห๊ะ??”
“นายนั่นแหละโวยวายทำไม ทำแบบนั้นทำไม!” ฉันผลักร่างสูงให้ถอยห่างจากตัว ตอนนี้อารมณ์มันขึ้นสูงเกินไป ทั้งโมโห ทั้งโกรธจนหน้าชาไปหมดแล้ว เวฬาก็คงไม่ต่างกัน เขากำหมัดแน่นแทบจะตลอดเวลาเลย ท่าทางเหมือนอยากจะซัดหน้าใครสักคน
“เธอไง! ที่ฉันบ้าแบบนั้นก็เพราะเธอนั่นแหละ!”
“เอ๊ะนี่! อย่ามาโทษฉันนะ ฉันไปเกี่ยวอะไรด้วย?”
“เหอะ! ยังมีหน้ามาย้อนถามนะยัยเมียใจมาร หัดระลึกไว้ซะบ้างนะว่าตัวเองมีผัวแล้วอ่ะ” หน้าฉันตึงไปกับคำพูดหยัน ๆ ของผู้ชายตรงหน้า สายตาแบบนั้นมันหมายความว่ายังไง!
“ทำไม? มาพูดอย่างนี้ทำไม! หรือว่านายกำลังหึงฉัน?” ฉันถามกลับเสียงสูงสายตาจ้องมองอย่างจับผิด ส่งผลให้เวฬาเปลี่ยนสีหน้าแทบจะทันที
“อะไร ใครหึงวะ??” แล้วเขาก็เลี่ยงการสบตากับฉันเพื่อหันไปทุบปุ่มลิฟต์รัว ๆ แทน ก่อนจะหันมาพูดต่อด้วยท่าทางนักเลงเหมือนกำลังกลบเกลื่อนอะไรบางอย่าง “ที่ทำเมื่อกี้ ไม่ได้หึง ไม่ได้หวง แค่จะทวงสิทธิ์ที่มี เข้าใจป่ะ?”
“อ้อเหรอ สิทธิ์ที่นายไม่เคยมีอะนะ” ฉันเบะปากใส่ผู้ชายงี่เง่าก่อนจะเดินเข้าลิฟต์ เวฬาตามหลังเข้ามาแล้วทำเรื่องบ้า ๆ ด้วยการผลักฉันจนแผ่นหลังแนบชิดกับผนังลิฟต์ จังหวะเดียวกับประตูลิฟต์ปิดลงพอดี “จะ… จะทำบ้าอะไรอีก! ปล่อยนะ!”
“พอดีนึกอยากใช้สิทธิ์ขึ้นมา มีไรป่ะ?” เวฬาเปลี่ยนอารมณ์โคตรจะไว เคยบอกแล้วไงว่าอารมณ์เขาน่ะยิ่งกว่า 5G เมื่อกี้ยังเป็นหมาบ้ากัดไม่เลือกอยู่เลย ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงเปลี่ยนโหมดมารุกรานฉันอีกแล้ว
“เลิกทำตัวงี่เง่าสักทีได้มั้ย รำคาญ!”
“ทำไม? ทีอยู่กับไอ้เด็กเปรตนั่นทั้งวันไม่เห็นรำคาญเลย” เขาแซะฉันเรื่องแอลอีกแล้ว นี่ถ้าไม่รู้จักนิสัยขี้แซะของเวฬา ฉันอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าเขากำลังหึงจริง ๆ ก็ได้นะ ก็ดูท่าทางและการกระทำของเขาสิ ไม่รู้ว่าจะอะไรกับแอลนักหนา!
“หยุดบ้าสักที! ไม่งั้นนัดคืนนี้ฉันจะถือว่าเป็นโมฆะ” ฉันเอาเรื่องนัดขึ้นมาขู่ และมันก็ได้ผล สายตาของเวฬาวูบแสงลงเล็กน้อย เขาเม้มริมฝีปากเหมือนกำลังคิดบางอย่าง ก่อนปล่อยฉันเป็นอิสระ
“ถ้าไม่ติดว่าคืนนี้เป็นนัดสำคัญ เธอไม่รอดแน่บีลีฟ!”
ฮึ… พูดได้ก็พูดไป ถ้าคิดว่าฉันจะยอมให้เขาทำเรื่องบ้าบอได้ง่าย ๆ ละก็… ลองดู!