ก๊อก ๆ ๆ
ระหว่างที่ฉันกับเวฬากำลังทำสงครามประสาทกัน จู่ ๆ ประตูห้องทำแผลก็ถูกเปิดออกพร้อมใบหน้าหล่อ ๆ ที่ถอดแบบจากผู้ชายตรงหน้าฉันเป๊ะยื่นเข้ามา เขาลากสายตาไปทางเวฬาเล็กน้อยก่อนจะละกลับมาหาฉัน
“ยังไม่ตายสินะไอ้เว แล้วนี่มาป่วนอะไรบีอีกล่ะ”
‘นาฑี’ พี่ชายฝาแฝดของเวฬาก้าวเข้ามาในห้องด้วยชุดกาวน์ของแพทย์ เขามองน้องชายตัวเองสลับกับฉันเหมือนต้องการคำตอบ ฉันหลบสายตาเขาโดยไม่พูดอะไรแล้วเลือกเดินออกจากห้องนั้นมา ความรู้สึกนี้มันอธิบายยากนะ อาการของหัวใจที่เต้นช้าลงทุกครั้งเมื่อเจอหน้าเขาน่ะ
พูดยาก… และไม่อยากพูดด้วย
.
.
.
ครืด…
.
.
เนตร : เจ้ทำไร!
BBelieve : นั่งเบื่ออยู่ มีไร?
น้ำหอม : ว่าง? ไม่เข้าเวร?
BBelieve : เข้าอยู่ ใกล้เลิกละ แล้วไม่นอนกันไง?
น้ำหอม : กำลังนอน
เนตร : กำลังเมา
.
.
ฉันกลอกตาใส่โทรศัพท์ให้กับน้องรักทั้งสองซึ่งมีอุปนิสัยต่างกันมาก แต่มันก็ยังคบกันได้
คนหนึ่งชื่อ ‘น้ำหอม’ นางช่างห้าวเป้ง นักเลงพอตัว ความอ่อนหวานเหมือนผู้หญิงทั่วไปน่ะเหรอ… หาไม่เจอหรอก
ส่วนอีกคน ‘เนตรพาฬ’ แม่เสือสาวพราวเสน่ห์ นังลำยองของเจ้ นางคือสายเที่ยว สายดื่ม และชื่นชอบปาร์ตี้ขั้นเทพ ความเรียบร้อยเหมือนกุลสตรีน่ะเหรอ… อย่าหวังเลย
และด้วยความสนิทชิดเชื้อกันตั้งแต่สมัยละอ่อนทำให้เราสามคนเป็นทั้งเพื่อนและพี่น้องที่รักกันมาก รู้ใจกันซะทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องของตัวเองนี่แหละ
“หมอบีคะ โทรศัพท์จาก ผอ. ค่ะ” ฉันเงยหน้าจากจอโทรศัพท์ในมือเพื่อรับสายจากผู้อำนวยการโรงพยาบาลซึ่งปกติไม่ค่อยจะโทรมาหาทางนี้สักเท่าไหร่
“มีอะไรหรือคะ ผอ.”
[ยัยบี! ม้าได้ข่าวมาว่าตาเวเกิดอุบัติเหตุเหรอลูก ตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง?] เสียงจากปลายสายดูร้อนใจพอสมควร ฉันถอนหายใจหนัก ๆ ให้กับความเป็นห่วงไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วที่ม้ามีให้กับผู้ชายบ้าบิ่นคนนั้น
อ้อใช่ ผู้หญิงที่ฉันกำลังคุยสายอยู่ตอนนี้คือแม่แท้ ๆ ของฉันเอง และ ‘เมบี’ คือชื่อของม้า ม้าเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล ส่วนเจ้าของตัวจริงคือคุณตาของฉันน่ะ ท่านยกที่นี่ให้ม้าบริหารทั้งหมดซึ่งในอนาคตมันก็คงตกทอดมาถึงฉันนี่แหละ
“โธ่ม้า นี่ม้ายังไม่ชินอีกเหรอ หมอนั่นก็เป็นแบบนี้ประจำอยู่แล้วนิ เคยหลาบจำซะที่ไหนกันล่ะ”
[ก็ม้าอดห่วงไม่ได้นี่นา ป้าข้าวก็ห่วงอยู่เนี่ย โทรมาหาม้าซะดึกดื่นเลย ป๊ากับม้าก็พากันตกใจหมด] ม้ากำลังพาดพิงถึงป๊า ‘กาฬวาต’ ปะป๊าสุดที่รักของฉันกับคุณป้า ‘ข้าวหอม’ ซึ่งเป็นแม่แท้ ๆ ของเวฬา และยังเป็นเพื่อนรักเพื่อนสนิทของม้าอีกด้วย ส่วนคุณพ่อของเวฬาน่ะชื่อ ‘จีเดย์’ ท่านทั้งสองต่างเป็นหมอทั้งคู่ [สรุปแล้วตาเวไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากใช่ไหมลูก ม้าจะได้บอกป้าหอมถูก]
“แค่ถลอกนิดหน่อยกับคิ้วแตกเองม้า แล้วป้าหอมไม่ได้โทรหาลูกชายเขาเหรอคะ?”
[เห็นว่าโทรไปแล้วไม่รับ ก็เลยพากันเป็นห่วงไปหมด ม้าจะโทรเข้าเครื่องบีก็กลัวบีไม่ว่าง ม้าเลยโทรเข้ามาที่ห้องฉุกเฉินแทน] ฉันขมวดคิ้วนิด ๆ อย่างนึกแปลกใจว่าทำไมเวฬาถึงไม่รับสายแม่ตัวเอง ทั้ง ๆ ที่เขาก็น่าจะว่างอยู่นี่นา หรือว่าเขากลับบ้านไปแล้วนะ
“งั้นแค่นี้ก่อนนะม้า ไว้บีจะโทรหาค่ะ”
ฉันคืนโทรศัพท์ให้กับพยาบาลคนเดิมก่อนจะเดินออกมาจากเคาน์เตอร์เพื่อตรงไปยันห้องห้องหนึ่ง ก่อนหน้านี้เวฬาดึงดันที่จะอยู่รอรับฉันกลับบ้านด้วยกัน ฉันจึงส่งเขาไปรอที่ห้องรับรองซึ่งอยู่ห่างจากห้องฉุกเฉินไปหนึ่งช่วงตึก ถ้าคำนวณเวลาจากตอนนั้นมาถึงตอนนี้แล้วก็น่าจะประมาณสองชั่วโมงกว่า ๆ เขาอาจจะเผลอหลับหรือไม่ก็กลับไปแล้ว
กึก
ประตูห้องรับรองถูกดันออกเบา ๆ พร้อมกับความเย็นของเครื่องปรับอากาศโฉบเข้ามาปะทะกับใบหน้า ภายในห้องสว่างพอสมควร มันเป็นห้องกว้าง ๆ มีทั้งเตียงและโซฟาเหมือนกับห้องผู้ป่วยชั้นกลางทั่วไป ซึ่งตอนนี้มีผ้าม่านปิดครอบรอบเตียงนั้นอยู่ และมีเงาดำ ๆ กำลังเคลื่อนไหวอยู่หลังผ้าม่านนั่นด้วย
“อืม…” เสียงครางต่ำดังลอดออกมาแผ่ว ๆ อะดรีนาลีนฉันสูบขึ้นทันทีอย่างไม่ต้องเดาเลยว่าหลังม่านนั้นกำลังทำอะไรกันอยู่ สองเท้าค่อย ๆ ก้าวไปด้านหน้าช้า ๆ สายตาจดจ้องเงาดำนั่นพลางเม้มริมฝีปากแน่น มือข้างหนึ่งหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าเสื้อกาวน์ ก่อนจะตั้งกล้องขึ้นและกดถ่ายวิดีโอซึ่งเป็นภาพแสนอนาจารเหลือเกิน
มันเป็นภาพของชายหญิงคู่หนึ่งกำลังเริงรักกันอย่างออกรสออกชาติ โดยมีร่างของผู้หญิงคร่อมทับอยู่บนร่างแกร่งพร้อมกับเคลื่อนไหวเนิบนาบ ใบหน้าของเธอซุกไซ้อยู่บนซอกคอของเขาซึ่งจากมุมที่ฉันยืนอยู่นี้สามารถบันทึกหน้าตาของผู้ชายได้อย่างชัดเจนเลยล่ะ
แหม… กล้องมันชัดดีจริง ๆ เลยนะ โทรศัพท์รุ่นนี้เนี่ย
ครืด…
“อุ๊ย…” เสียงเล็กอุทานตกใจพร้อมกับรีบผละออกจากร่างหนาและลนลานลงจากเตียงทันทีที่ฉันเลื่อนเปิดผ้าม่านออกอย่างสุดจะทนกับภาพอุจาดตานั่น ทั้งสองหันกลับมามองเป็นตาเดียว ฉันหลุบสายตาไล่มองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าของผู้ชายที่กำลังนอนอยู่บนเตียง สภาพของเขายังปกติดีทุกประการมีเพียงชายเสื้อเลิกขึ้นเล็กน้อยพอให้มองเห็นซิกแพคแน่น ๆ กับหัวเข็มขัดและกางเกงซึ่งถูกปลดออกไปแล้ว “นั่น… นั่นเธอทำอะไรน่ะ แอบถ่ายคลิปพวกเราเหรอ?!”
ฉันละสายตาจากเขามาทางผู้หญิงอีกคนที่กำลังยืนรวบคอเสื้อของตัวเองอยู่ข้างเตียง เธอยกสองมือขึ้นปิดหน้าพลางเบี่ยงตัวหลบจากการบันทึกภาพของกล้อง ฉันไล่มองตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะช้อนสายตากลับมาจ้องหน้าเธออีกครั้งด้วยแววตาเรียบนิ่งเกินจะบรรยาย
ถามว่าตอนนี้ฉันกำลังรู้สึกยังไง… ตอบเลยว่าเฉยมาก มันไม่ได้โกรธ ไม่ได้ไม่พอใจหรืออะไรทั้งสิ้น แต่มันรู้สึกนิ่งเฉย ไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ