หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จฉันก็เดินออกจากห้องน้ำด้วยชุดใหม่อย่างเตรียมพร้อมจะไปโรงพยาบาล ผ่านห้องนอนออกมาพบกับห้องนั่งเล่นมุมสบาย ๆ ด้านนอก กลิ่นหอมของอาหารลอยแตะปลายจมูกเรียกน้ำย่อยในท้องให้พร้อมใจกันร้องประสานเสียงทันที
“ตื่นเร็วกว่าที่คิดนะ”
สองเท้าชะงักเล็กน้อยพลางเบี่ยงตัวหันไปมองตามต้นเสียงซึ่งดังมาจากทางเคาน์เตอร์ครัว ภาพที่เห็นคือผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งกำลังง่วนทำอะไรบางอย่างอยู่หลังเคาน์เตอร์นั่น ดวงตาสีดำสนิทเหลือบมองกัน ริมฝีปากหนาบิดยิ้มนิด ๆ พอได้เห็นหน้าเขาก็พาลหวนคิดถึงเรื่องเมื่อตอนเช้ามืดเลย
ให้ตายสิ… ฉันไม่น่าเผลอหลับไปแบบนั้นเลย หลับในอ้อมกอดเขาเนี่ยนะ… บ้าชะมัด!
“หิวหรือยัง มานั่งนี่สิ” เขาตบโต๊ะเรียกขณะวางจานลง ฉันเดินเข้าไปใกล้หลุบตามองอาหารบนจานนั้นอย่างไม่ค่อยเชื่อสายตาสักเท่าไหร่ ผู้ชายอย่างเวฬาเนี่ยนะทำอาหารเป็นด้วย? แล้วทำไมหน้าตามันถึง… พิลึกพิลั่นขนาดนั้นกันล่ะ?
“นายทำอะไร”
“อาหารเช้าไง”
“แน่ใจนะว่านั่นเรียกว่าอาหารน่ะ” ฉันกอดอกถามเสียงเรียบ เวฬาชะงักเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง ใบหูเขาเรื่อแดงนิด ๆ ดูแล้วตลกชะมัด
“มันก็แค่ไส้กรอกกับไข่ดาว ฉันทำเป็นอยู่แค่นี้นี่” เขาอธิบายพลางนั่งลงตรงหน้าจานของตัวเอง ยังไม่วายกวักมือให้ฉันนั่งลงตามด้วย ฉันหลุบตามองอาหารตรงหน้าอีกรอบ
ไส้กรอกสีเหมือนไม่สุกกับไข่ดาวแอบเกรียม… ใครกินลงก็บ้าแล้ว
“ทำไปทำไม?”
“หิวก็ต้องทำสิ ถามแปลกนะเธอ”
“ฉันหมายถึงเรื่องเมื่อคืน นายทำแบบนั้นทำไม?” ฉันยิงคำถามอย่างตรงประเด็น ส่งผลให้เวฬาชะงักช้อนที่กำลังจะเข้าปากนิ่ง แต่มันก็แค่แวบเดียวเมื่อเขาเลือกกินต่อโดยไม่ตอบคำถามฉัน “ไม่ได้ยินที่ถามเหรอเวฬา นายพาฉันไปที่สนามแข่งทำไม?”
“ก็ฉันมีแข่ง จะให้ลงแข่งทั้งที่ยังเจ็บอยู่โดยไม่มีหมอได้ไงล่ะ” เขาตอบแบบไม่ใส่ใจ แต่ฟังก็รู้ว่าโกหก
“เฮียฑีก็เป็นหมอ…” ฉันเม้มปากเล็กน้อยขณะเอ่ยชื่อเขาคนนั้น เวฬาก็เช่นกัน สีหน้าเขาเปลี่ยนตั้งแต่ฉันเปิดประเด็นนี้แล้ว “นายจงใจพาฉันไปเจอกับเขาใช่ไหม?”
“…”
“นายรู้มาตลอด… ตัวตนของผู้ชายคนนั้นน่ะ”
“เลิกพูดแล้วกินเหอะ วันนี้ขึ้นวอร์ดไม่ใช่ไง” เวฬาพยายามเบี่ยงประเด็นด้วยการเอาเรื่องเรียนของฉันมาอ้าง ไม่รู้หรอกว่าเขารู้เรื่องตารางชีวิตของฉันได้ยังไง คนอย่างเขาถ้าลองอยากรู้อยากได้อะไรก็ไม่เกินความสามารถเขาหรอก ที่ผ่านมาเขาก็เป็นแบบนี้เสมอ ชอบวุ่นวายกับชีวิตคนอื่นจนน่ารำคาญ
“ทำไมต้องพาฉันไป”
ถึงเขาจะพยายามยังไงก็ไม่สามารถหยุดความหงุดหงิดในใจฉันได้ ฉันยังคงยิงคำถามใส่เขาไม่หยุด จนกว่าจะได้คำตอบจากปากของเขา ฉันไม่มีทางยอมง่าย ๆ เด็ดขาด
เวฬาไม่ใช่คนความอดทนสูง การที่เขาเงียบนั่นแปลว่าเขากำลังใกล้ระเบิดเหมือนกัน
“ทำไมต้องให้ฉันเห็นแบบนั้น นายต้องการจะทำอะไร ตอบมาสิ!”
ตึง!
“ต้องการให้เธอตาสว่างไง!”
และในที่สุด… ความอดทนของเวฬาก็หมดลง เขาวางช้อนลงบนโต๊ะ ใบหน้าหล่อเงยขึ้นมาสบตากัน แววตาเยือกเย็นของเขาสะกดฉันให้หยุดนิ่งไปด้วย
“เธอจะได้เลิกโง่ เลิกคิดว่ามันเป็นเทพบุตรสักที!”
“…”
“เพราะฉันรู้มาตลอดว่ามันก็ไม่ได้ดีไปกว่าฉันเลย แต่กลับได้รับสิ่งดี ๆ ไปทุกครั้ง”
“นั่นคือเหตุผลของนายเหรอ?” สองมือของฉันกำแน่นอย่างรู้สึกกรุ่นโกรธในใจ สองตามองผู้ชายตรงหน้าด้วยแววตารังเกียจ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเวฬาจะมีความคิดแบบนี้กับพี่ชายฝาแฝดตัวเองด้วย
ความอิจฉา… อย่างนั้นเหรอ…
“…ใช่” เขาเงียบไปสักพักก่อนจะตอบโดยหลบตาฉัน มันยิ่งตอกย้ำคำตอบในใจของฉันมากขึ้น
“ไม่อยากจะเชื่อว่านายจะอิจฉาแม้แต่พี่ชายตัวเอง”
“…”
“รู้อะไรไหมเวฬา… นายมันโคตรน่ารังเกียจ”
.
.
.
[บทบรรยาย เวฬา]
คุณเคยรู้สึกปางตายเพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำไหม…
ผมกำลังเผชิญกับความรู้สึกนั้นอยู่ คำพูดและแววตาของผู้หญิงตรงหน้ามันฉายชัดความรู้สึกนั้นออกมาอย่างไม่ปิดบัง ผมรู้ว่ามันโง่มากกับเหตุผลที่ผมพูดออกไป ผมไม่ได้อิจฉานาฑีเรื่องที่มันได้สิ่งดี ๆ ทุกอย่างไป แต่ผมอิจฉาที่มันได้หัวใจเธอไปต่างหากล่ะ ผมอิจฉาสายตาที่เธอมองมัน อิจฉาที่มันได้ความรักจากเธอแต่มันกลับไม่สนใจไยดี
เออใช่… ผมอิจฉา!
ผมเองก็เกลียดความรู้สึกนี้เหมือนกันนะ ทั้งที่ผมยอมเป็นคนเลวแย่งคู่หมั้นพี่ชายตัวเองมาแล้วแท้ ๆ แต่กลับได้เพียงสถานะและทะเบียนสมรสเท่านั้น ขณะที่หัวใจและสายตาของบีลีฟก็ยังคงอยู่ที่นาฑีไม่เคยเปลี่ยนแปลง…
ผมเลยตัดสินใจทำเรื่องไร้ศักดิ์ศรีอีกครั้งด้วยการพาบีลีฟไปที่สนามแข่งเพื่อขายความลับทั้งหมดของนาฑีให้กับเธอ ผมยอมหักหลังพี่ชายตัวเองเพื่อต้องการให้เธอเห็นตัวตนอีกด้านของมัน เพราะแอบหวังว่าเธออาจจะยอมตัดใจจากมันสักที
ผมรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องยากมากสำหรับบีลีฟ เธอแอบรักนาฑีมาสิบกว่าปี การจะให้เธอตัดใจจากมันง่าย ๆ คงเป็นไปไม่ได้ แม้เธอจะแต่งงานกับผมแล้ว แต่มันก็แค่ในนาม แค่ทำตามหน้าที่ เธอไม่ได้ต้องการแบบนั้นเลยสักนิด ผมจึงต้องทำบางอย่างเพื่อให้เธอตัดใจจากมัน
ในเมื่อทำให้บีลีฟเลิกรักนาฑีไม่ได้… ผมจะทำให้เธอเกลียดมันแทน… นี่แหละวิถีคนเลวอย่างผม!
“จะไปไหน?” ผมโน้มตัวไปคว้าท่อนแขนเล็กที่กำลังจะเดินหนีไปทางประตูด้วยความรวดเร็ว บีลีฟหันหน้ากลับมามองกันด้วยสายตาเย็นชาเจือความรังเกียจ มันจี๊ดนะ… แต่พอทนได้
“อย่ามายุ่ง ปล่อย” ดวงตาหวานหลุบมองมือผมเป็นเชิงสั่ง ผมลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปยืนด้านข้างเธอ บีลีฟถอยหลังไปก้าวหนึ่งเพื่อเว้นระยะห่าง ท่าทางของเธอมันช่างกระตุกหัวใจผมเหลือเกิน
เหอะ! มันเจ็บดีจริง ๆ