“…!”
ฉันเริ่มหายใจติดขัด ไม่ใช่เพราะคำพูดของเวฬาหรือสายตาคมกริบของเขาหรอกนะ แต่เป็นเพราะสัมผัสร้อนรุ่นจากฝ่ามือหนาที่ลากไล้ต้นขาอ่อนของฉันอย่างถือวิสาสะต่างหากล่ะ ฉันพยายามจะปัดมือปลาหมึกนั่นออกแต่กลับถูกรวบสองมือขึ้นแล้วกดแนบกับที่นอนเหนือหัว แรงเขาเยอะเกินไป ฉันไม่มีทางขัดขืนได้เลย ซึ่งมันบ้ามาก!
“ยะ หยุดนะเวฬา… นายจะทำแบบนี้ไม่ได้” ฉันร้องห้ามน้ำเสียงขาดห้วงขณะเบี่ยงใบหน้าหนีริมฝีปากกรุ่นร้อนที่จู่โจมลงมา มันเฉี่ยวสันกรามของฉันไปเพียงนิดเดียวเอง เรียกเลือดลมภายในกายให้เดือดพล่านทันที
“หมดโอกาสจะต่อรองอีกแล้วบีลีฟ เรามาทำสิ่งที่ควรจะทำกันดีกว่ามะ” เสียงทุ้มก้มกระซิบริมใบหู แรงขบเม้มเบา ๆ ทำให้ขนในกายของฉันลุกชันไปทั่วทั้งตัวเลย
“ทะ… ทำบ้าอะไร!”
“ทำหน้าที่ ‘ผัว-เมีย’ ไง เรื่องง่าย ๆ ที่ใคร ๆ ก็ทำ”
“อ๊ะ! อย่า!” ฉันเบิกตาโพลง ร่างกายพยายามพลิกหนีฝ่ามือร้อนที่บังอาจทาบทับลงบนหน้าท้องของฉันก่อนจะเลิกชายเสื้อเชิ้ตขึ้น เผยให้เห็นหน้าท้องแบนราบต่อหน้าต่อตาเขา
บ้าจริง… เวฬาทำเกินไปแล้ว… เขารุกฉันหนักเกินไปแล้วนะ!
“วะ… เวฬา… ยะ… หยุดนะ”
“พูดสิแล้วฉันจะหยุด” เขาพึมพำบอกขณะกดจูบหนัก ๆ ลงบนต้นคอ ฝ่ามือร้อน ๆ ลูบไล้สีข้างแผ่วเบา มันสั่นประสาทฉันอย่างมาก
ถ้าไม่นับเรื่องคืนนั้น… นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เวฬาเข้าใกล้ฉันมากที่สุด มากจนเกินพอดีด้วยซ้ำ!
“ไม่พูด ไม่หยุดนะ”
“พะ… พูดอะไร อย่ามาตลก… ปล่อย” ยอมรับว่าสติฉันเหลือน้อยมาก พยายามขัดขืนและดิ้นรนสุดชีวิตเท่าที่เรี่ยวแรงจะทำได้ ฉันเพลียเกินไป ทั้งเพลียและเหนื่อยจนแทบจะขาดใจอยู่แล้ว! ฉันเข้าเวรมาเกือบยี่สิบชั่วโมงเลยนะ เวลาที่ฉันพักผ่อนไม่เพียงพอทีไร หัวสมองมักทำงานช้าทุกทีเลย
“อื้มม”
“อ๊ะ! พะ พอแล้ว!” ฉันเบี่ยงตัวหลบหนีฝ่ามือร้อนที่พยายามจะเลิกชายเสื้อขึ้นสูงกว่าเดิม มันแทบจะพ้นหน้าอกฉันแล้วนะ!
ไม่ได้… จะปล่อยให้เขาทำแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว!
แต่เหมือนเวฬาจะรู้ว่าฉันกำลังพยายามทำอะไร เขาไม่ยอมปล่อยข้อมือทั้งสองข้างของฉันเลย แถมยังใช้มือข้างที่ว่างกำชายเสื้อเชิ้ตแน่นราวกับข่มขู่กันกลาย ๆ เขากำลังบีบบังคับฉันทั้งสายตาและการกระทำ! เห็นอย่างนั้นฉันก็ยิ่งดิ้นหนีสุดชีวิต มือไม่ว่างแต่ขายังว่างอยู่นี่ ฉันจะไม่ยอมนอนเฉย ๆ ให้เขาข่มเหงง่าย ๆ หรอกนะ!
“อืม… นี่เธอจะยั่วฉันเหรอวะ ไม่รู้หรือไงว่ายิ่งดิ้นยิ่งได้อารมณ์” พอเขาพูดออกมาแบบนั้นจากที่ฉันดิ้นหนีก็ถึงกับหยุดชะงักแทบจะทันทีพร้อมกับความคิดบางอย่างผุดเข้ามาในหัวสมองที่เริ่มอื้ออึงของตัวเอง
นั่นสินะ…จริงอย่างที่เขาพูด ยิ่งฉันดิ้นเขาก็ยิ่งได้ใจ เวฬาเป็นผู้ชายประเภทที่ชอบเอาชนะ เพราะฉะนั้นทางเดียวที่จะรอดจากสถานการณ์บ้า ๆ นี่ได้ก็คือความนิ่งเท่านั้น!
นิ่งไว้บีลีฟ… ยกนี้มันไม่ใช่ทางของเรา!
.
.
.
[บทบรรยาย เวฬา]
กลิ่นโลชั่นหอม ๆ ติดปลายจมูกขณะกำลังซุกไซ้ซอกคอขาวช่างมอมเมาสติของผมซะเหลือเกิน ผมจำกลิ่นนี้ได้อย่างดี มันเป็นกลิ่นหอมประจำตัวของบีลีฟที่มักจะลอยวนเวียนอยู่รอบตัวเธอเสมอ แม้ว่าเธอจะเป็นหมอที่โดยปกติแล้วตามเนื้อตัวจะต้องเต็มไปด้วยกลิ่นของยาหรือกลิ่นโรงพยาบาลที่ผมเกลียดแสนเกลียด หากทว่ากลับพบกลิ่นพวกนั้นได้เจือจางมาก ๆ บนร่างกายของบีลีฟ ซึ่งมันเป็นอะไรที่โคตรดีสำหรับผมเลย
ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังทำอะไรกับร่างกายของบีลีฟบ้าง รู้เพียงว่ากลิ่นหอมของเธอยั่วยวนจนผมหลงเคลิ้มไปชั่วขณะ ความต้องการมันเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนน่ากลัว ที่ผ่านมาผมไม่เคยรู้สึกกับผู้หญิงคนไหนรุนแรงเท่านี้มาก่อนเลย ผ่านผู้หญิงมาก็มากมายจนนับไม่ถ้วน ตั้งแต่เด็กมัธยมจนถึงวัยทำงานผมก็ลองชิมลางมาหมดแล้ว แต่ไม่มีใครสักคนที่ทำให้ส่วนลึกภายในร่างกายของผมมันร้อนรุ่มได้ขนาดนี้ เพียงแค่ได้สัมผัสผิวเนื้อแสนหอมหวานของบีลีฟไม่กี่วินาที กลางกายของผมมันก็ตึงแน่นขึ้นมาทันทีเลย
ให้ตายสิวะ… ไฟล้างไฟแบบนี้แม่งโคตรร้อนแรงเลย!
“อืมม”
เสียงคำรามต่ำดังลอดไรฟันออกมาขณะริมฝีปากยังคงลากไล้จูบพรมตามลำคอขาวหนัก ๆ ก่อนค่อย ๆ วนลงมาถึงเนินอกเนียนนุ่มที่กำลังกระเพื่อมขึ้นลงอย่างเชื่องช้าราวกับว่าคนใต้ร่างไม่ได้รู้สึกปั่นป่วนอะไรกับสัมผัสของผมเลยสักนิด ต่างจากผมที่หัวใจเต้นรัวพร้อมกับหอบหายใจรัวเร็วด้วยเพลิงแห่งอารมณ์ ซึ่งมันทำให้ผมชะงักเล็กน้อยแล้วผละออกจากความหอมหวานตรงหน้า
“…” ผมหลุบตามองใบหน้าสวยในระยะประชิด ดวงตาคมเฉี่ยวจับจ้องกันด้วยสายตาว่างเปล่า ริมฝีปากบางขบเข้าหากันเล็กน้อย สีหน้าของบีลีฟตอนนี้ดูเย็นชาไร้อารมณ์อย่างสุด ๆ ไปเลย และมันทำให้ผมรู้สึกเสียเซลฟ์นิด ๆ
นี่เธอไม่หวั่นไหวกับสัมผัสของผมเลยเหรอวะ?? บีลีฟโดนผมฟัดไปตั้งเยอะเลยนะนึกว่าจะอ่อนระทวยเหมือนกับผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่เคยนอนด้วยซะอีก หรือผมฟัดเธอน้อยไป? สงสัยยังจัดไม่หนักพอสินะ
ฮึ! หยามกันขนาดนี้ต้องเอาให้ครางกันไปข้างเลย!
เฮือก!
ร่างบางสะดุ้งเบา ๆ เมื่อผมรุกเธอหนักขึ้นด้วยการทาบฝ่ามือลงบนหน้าอกขนาดเหมาะมือก่อนจะบรรจงบีบเคล้นมันหนัก ๆ สายตาก็จ้องหน้าบีลีฟไปด้วย ผมแค่อยากรู้ว่าเธอจะสามารถทนการเร้าอารมณ์ของผมได้นานสักแค่ไหน ทั้งที่ตอนแรกผมแค่ต้องการจะแกล้งเธอเล่น ๆ พอเห็นเธอโวยวายหนัก ๆ หรืออาจจะร้องไห้ด้วยความตกใจอะไรอย่างงี้ ผมก็จะปล่อยเธอ ถือว่าเราหายกันแล้วแท้ ๆ แต่พอมาเจอท่าทางเย็นชาน่าโมโหแบบนี้แล้วมันอดไม่ลงจริง ๆ บีลีฟทำให้ผมอยากเอาชนะ อยากบดขยี้ความเย็นชานั่น ถ้าหากวันนี้มันเกิดอะไรขึ้นมาจริง ๆ มันก็คงช่วยไม่ได้ละนะ
อารมณ์ผมมันขึ้นง่ายลงยากซะด้วยสิ ถ้าลองมันได้ขึ้นทั้งทีมันก็ต้องมีที่ให้ลง!