EP.11 #วันพระไม่ได้มีหนเดียว

1176 Words
Rrr… เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ฉุดรั้งใบหน้าที่กำลังก้มต่ำของผมเพียงเล็กน้อย สายตาหยุดนิ่งสบกับดวงตาคมเฉี่ยว บีลีฟเบือนสายตาไปทางอื่นริมฝีปากบางขบเม้มนิด ๆ เหมือนกำลังลุ้นให้ผมรับสาย เหอะ! คิดว่าโทรศัพท์เข้าแค่นี้จะหยุดผมได้หรือไง? “เออว่าไง” ผมใช้มือข้างหนึ่งล้วงหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงขึ้นมากดรับ มืออีกข้างยังคงล็อกข้อมือเล็กทั้งสองเอาไว้แน่น ผู้หญิงอย่างบีลีฟไว้ใจไม่ได้หรอก การจะทำให้เธออยู่เฉยได้มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยนะเว้ย! ผมไม่ปล่อยให้โอกาสนี้มันหลุดมือไปหรอก [มึงอยู่ไหนวะ?] คำถามห้วน ๆ จากปลายสายทำผมหมดอารมณ์นิด ๆ พอได้ยินเสียงมัน ภาพในหัวก็มโนสีหน้ามันขึ้นมาทันที ไอ้เวรนี่ชื่อ เรย์ เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของผม ตัวสูง ๆ หน้าโหด ๆ นั่นแหละมันเลย “อยู่ห้อง” ผมตอบทั้งที่สายตายังจับจ้องใบหน้าสวยอยู่ สีหน้าบีลีฟดูเหนื่อย ๆ เพลีย ๆ อย่างเห็นได้ชัด เธอคงจะเหนื่อยจริง ๆ นั่นแหละ ไม่อย่างนั้นคงสะบัดตัวหลุดจากการจับกุมของผมไปแล้ว พอเห็นแบบนี้แล้วรู้สึกใจอ่อนนิด ๆ นะ แต่ก็แค่นิดเดียวแหละ [ห้องไหน? คอนโดมึงอะนะ ไปทำไรวะ] “กำลังตั้มเมีย มีไรค่อยคุย” [เฮ้ยเดี๋ยว! ตั้มเมียอะไรวะ?] มันยังเซ้าซี้ต่อ ก่อนจะพูดปัดด้วยน้ำเสียงรำคาญ [เออ ๆ ช่างมึง กูแค่จะโทรมาถามว่าคืนนี้ลงสนามไหวไหม? นัดสำคัญนะโว้ย มึงจะลงเปล่า?] ผมขมวดคิ้วพลางคิดตามคำถามของมัน จริงสิ… คืนนี้ผมมีแข่ง แถมยังเป็นนัดสำคัญอีกด้วย แต่ประเด็นคือรถพัง แถมยังเจ็บแผลอยู่นิดหน่อย ไม่รู้ว่าถ้าฝืนลงแข่งแล้วจะปวดมากกว่าเดิมไหม “เออลง แต่รถคงต้องใช้อีกคัน” ถึงจะคิดงั้น แต่ปากก็รับคำมันไป ไม่เป็นไร เรื่องรถแก้ปัญหาได้ ผมยังมีรถคู่ใจอยู่อีกคัน ส่วนเรื่องแผลเหมือนจะคิดอะไรดี ๆ ออกล่ะ [มึงไหวเหรอ เมื่อคืนเพิ่งวัดพื้นมานิ] ไอ้เรย์ถามเชิงเป็นห่วง ฟังแล้วขนลุกพิลึก “ไหวดิ” ริมฝีปากผมบิดยิ้มนิด ๆ ขณะดวงตาคมเฉี่ยวลากกลับมาสบกันพอดี “…” “เดี๋ยวกูพกหมอประจำตัวไปด้วย รับรองหายห่วง” . . . [บทบรรยาย บีลีฟ] หลังจากเวฬาคุยสายเสร็จเขาก็กดวางสายพร้อมกับปิดเครื่องแล้วโยนโทรศัพท์ลงบนที่นอน ไม่รู้หรอกว่าเขาคุยกับใคร ไม่อยากสนใจ แค่อยากให้ปล่อยกันก็พอ ฉันเหนื่อยจริง ๆ นะ อึดอัดด้วย “ฉันมีข้อเสนอให้เธอเลือก สนไหม?” ใบหน้าหล่อแสนร้ายก้มต่ำลงมากระชั้นชิด แววตาเจ้าเล่ห์เหมือนกำลังคิดเรื่องชั่ว ๆ อยู่ในหัวทำฉันหวาดระแวง “ไม่สน แล้วก็ปล่อยด้วย” “แน่ใจนะว่าจะปฏิเสธน่ะ ตัวเธอในตอนนี้มันไม่มีทางเลือกแล้วนะบีลีฟ” พูดจบก็โฉบหน้าลงมาใกล้จนปลายจมูกแทบจะชิดข้างแก้มฉัน เขาหยุดมันไว้แค่นั้นพร้อมแสยะยิ้มชั่วร้าย ให้ตาย… ฉันเกลียดรอยยิ้มหมอนี่ชะมัด อยากจะควักลูกตาเขาออกมาให้กากินจริง ๆ! “เลือกเอาว่าคืนนี้เธอจะไปกับฉัน หรือเราจะตั้มกันตอนนี้?” นั่นมันทางเลือกเหรอ?? ทางเลือกบ้าบออะไรของเขากัน! “คิดดี ๆ นะบีลีฟ เธอติดหนี้ฉันอยู่” เวฬาข่มขู่ฉันด้วยสีหน้าเหนือกว่า ดูเขามีความสุขและสนุกมากกับการปั่นประสาทฉัน เราจ้องหน้ากันอยู่อย่างนั้นโดยไม่พูดอะไรอีก และฉันกำลังคิดหนัก… ไม่หรอก ทางเลือกบ้าบอนั่นมันแทบไม่ต้องคิดอะไรมากเลยดีกว่า! “ยังไงพูด เลือกมา” เขาซักไซ้พลางเป่าลมร้อน ๆ รดข้างแก้ม กระตุ้นเลือดลมในกายฉันให้เดือดพล่านทีละนิด ซึ่งมันไม่ดีมาก ๆ และฉันจะปล่อยให้เขาทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้วด้วย “ฉันจะไปกับนาย” และแน่นอนว่าฉันเลือกทางแรก เพราะมันเป็นทางที่ฉันปลอดภัยมากที่สุด แม้จะไม่เต็มใจ แต่อย่างที่บอก ยกนี้มันไม่ใช่ทางของเรา แข็งเกินไปก็มีแต่จะเสียเปรียบเปล่า ๆ ยอมลงให้เขาบ้างคงไม่ตายหรอกจริงไหม? วันพระมันไม่ได้มีหนเดียวสักหน่อย “ว๊า ทำไมเลือกเร็วจัง ฉันแอบผิดหวังนะเนี่ย” เวฬาทำหน้าเศร้าได้น่าตบมาก ถ้าเป็นผู้หญิงฉันคงด่าตอแหลไปแล้ว และเพราะฉันเลือกแล้วแต่เวฬาไม่ยอมขยับ ฉันเลยต้องเตือนสติเขาด้วยการหลุบตามองร่างกายของเราสองคนที่ยังทาบทับกันอยู่แล้วพูดขึ้น “จะปล่อยได้ยัง?” “ปล่อยแล้วไง” เขาปล่อย แต่ปล่อยแค่ข้อมือฉันนะ ไม่ได้ถอยตัวออกไป กวนประสาทได้โล่จริง ๆ “ถอยออกไปด้วย” ฉันเลยยกมือขึ้นทาบหน้าอกแกร่งแล้วออกแรงผลักดัน ยอมรับว่ามือสั่นนิด ๆ เป็นเพราะฉันเหนื่อยและเพลียหรอก ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเลย “พูดก่อนสิ เดี๋ยวลุกเลย” “พูดอะไรอีก! ก็เลือกไปแล้วไง จะเอาไรนัก” ฉันขึงตาใส่ ไม่เข้าใจว่าเวฬาต้องการอะไรจากฉันกันแน่ เมื่อกี้ที่เขารุกฉันแบบนั้น ฉันยังไม่สะสางเลยนะ “ขอโทษไง คำง่าย ๆ ทำไมไม่พูด” อ้อ ที่แท้ก็อยากได้คำขอโทษจากฉันนี่เอง “แล้วทำไมต้องพูด?” “เธอทำผิดนะเว้ย เรื่องแค่นี้ต้องให้สอน?” เวฬาขมวดคิ้วใส่นิด ๆ ดูจะหงุดหงิดหน่อย ๆ เอาจริง ๆ ฉันไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรผิดหรอกนะ ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายคุกคามฉันก่อน ฉันก็มีสิทธิ์จะป้องกันตัวไหม? มันก็วิน ๆ ทั้งสองฝ่ายป่ะ ฉันเสียหายส่วนเขาเสียทรัพย์ “เลือกไปแล้วยังจะเอาอะไร อย่ามากเรื่องได้ป่ะเวฬา” “เลือกก็ส่วนเลือกดิ มันแลกกับการที่เธอไม่โดนฉันตั้ม แต่ไม่ได้เหมารวมเรื่องที่เธอเผาเสื้อฉันนะเว้ย” เหตุผลเขาช่างเอาแต่ใจสิ้นดี! “ทำไม แค่คำขอโทษสั้น ๆ พูดยาก?” เขาถามพร้อมขยับตัวขึ้นเล็กน้อย ฉันอาศัยจังหวะนั้นรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีเพื่อลุกขึ้นผลักร่างสูงออกจากตัวแล้วรีบลงมายืนบนพื้นด้วยความรวดเร็ว พร้อมกับเบนสายตากลับไปมองแรงใส่ผู้ชายบนเตียงอีกครั้งและทิ้งประโยคสุดท้ายเอาไว้ก่อนจะเดินหนีออกมา “พูดไม่ยาก แต่ไม่อยากพูด ชัดมั้ย!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD