Rrr…
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ฉุดรั้งใบหน้าที่กำลังก้มต่ำของผมเพียงเล็กน้อย สายตาหยุดนิ่งสบกับดวงตาคมเฉี่ยว บีลีฟเบือนสายตาไปทางอื่นริมฝีปากบางขบเม้มนิด ๆ เหมือนกำลังลุ้นให้ผมรับสาย
เหอะ! คิดว่าโทรศัพท์เข้าแค่นี้จะหยุดผมได้หรือไง?
“เออว่าไง” ผมใช้มือข้างหนึ่งล้วงหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงขึ้นมากดรับ มืออีกข้างยังคงล็อกข้อมือเล็กทั้งสองเอาไว้แน่น ผู้หญิงอย่างบีลีฟไว้ใจไม่ได้หรอก การจะทำให้เธออยู่เฉยได้มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยนะเว้ย! ผมไม่ปล่อยให้โอกาสนี้มันหลุดมือไปหรอก
[มึงอยู่ไหนวะ?] คำถามห้วน ๆ จากปลายสายทำผมหมดอารมณ์นิด ๆ พอได้ยินเสียงมัน ภาพในหัวก็มโนสีหน้ามันขึ้นมาทันที ไอ้เวรนี่ชื่อ เรย์ เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของผม ตัวสูง ๆ หน้าโหด ๆ นั่นแหละมันเลย
“อยู่ห้อง” ผมตอบทั้งที่สายตายังจับจ้องใบหน้าสวยอยู่ สีหน้าบีลีฟดูเหนื่อย ๆ เพลีย ๆ อย่างเห็นได้ชัด เธอคงจะเหนื่อยจริง ๆ นั่นแหละ ไม่อย่างนั้นคงสะบัดตัวหลุดจากการจับกุมของผมไปแล้ว พอเห็นแบบนี้แล้วรู้สึกใจอ่อนนิด ๆ นะ แต่ก็แค่นิดเดียวแหละ
[ห้องไหน? คอนโดมึงอะนะ ไปทำไรวะ]
“กำลังตั้มเมีย มีไรค่อยคุย”
[เฮ้ยเดี๋ยว! ตั้มเมียอะไรวะ?] มันยังเซ้าซี้ต่อ ก่อนจะพูดปัดด้วยน้ำเสียงรำคาญ [เออ ๆ ช่างมึง กูแค่จะโทรมาถามว่าคืนนี้ลงสนามไหวไหม? นัดสำคัญนะโว้ย มึงจะลงเปล่า?]
ผมขมวดคิ้วพลางคิดตามคำถามของมัน จริงสิ… คืนนี้ผมมีแข่ง แถมยังเป็นนัดสำคัญอีกด้วย แต่ประเด็นคือรถพัง แถมยังเจ็บแผลอยู่นิดหน่อย ไม่รู้ว่าถ้าฝืนลงแข่งแล้วจะปวดมากกว่าเดิมไหม
“เออลง แต่รถคงต้องใช้อีกคัน” ถึงจะคิดงั้น แต่ปากก็รับคำมันไป ไม่เป็นไร เรื่องรถแก้ปัญหาได้ ผมยังมีรถคู่ใจอยู่อีกคัน ส่วนเรื่องแผลเหมือนจะคิดอะไรดี ๆ ออกล่ะ
[มึงไหวเหรอ เมื่อคืนเพิ่งวัดพื้นมานิ] ไอ้เรย์ถามเชิงเป็นห่วง ฟังแล้วขนลุกพิลึก
“ไหวดิ” ริมฝีปากผมบิดยิ้มนิด ๆ ขณะดวงตาคมเฉี่ยวลากกลับมาสบกันพอดี
“…”
“เดี๋ยวกูพกหมอประจำตัวไปด้วย รับรองหายห่วง”
.
.
.
[บทบรรยาย บีลีฟ]
หลังจากเวฬาคุยสายเสร็จเขาก็กดวางสายพร้อมกับปิดเครื่องแล้วโยนโทรศัพท์ลงบนที่นอน ไม่รู้หรอกว่าเขาคุยกับใคร ไม่อยากสนใจ แค่อยากให้ปล่อยกันก็พอ ฉันเหนื่อยจริง ๆ นะ อึดอัดด้วย
“ฉันมีข้อเสนอให้เธอเลือก สนไหม?” ใบหน้าหล่อแสนร้ายก้มต่ำลงมากระชั้นชิด แววตาเจ้าเล่ห์เหมือนกำลังคิดเรื่องชั่ว ๆ อยู่ในหัวทำฉันหวาดระแวง
“ไม่สน แล้วก็ปล่อยด้วย”
“แน่ใจนะว่าจะปฏิเสธน่ะ ตัวเธอในตอนนี้มันไม่มีทางเลือกแล้วนะบีลีฟ” พูดจบก็โฉบหน้าลงมาใกล้จนปลายจมูกแทบจะชิดข้างแก้มฉัน เขาหยุดมันไว้แค่นั้นพร้อมแสยะยิ้มชั่วร้าย
ให้ตาย… ฉันเกลียดรอยยิ้มหมอนี่ชะมัด อยากจะควักลูกตาเขาออกมาให้กากินจริง ๆ!
“เลือกเอาว่าคืนนี้เธอจะไปกับฉัน หรือเราจะตั้มกันตอนนี้?”
นั่นมันทางเลือกเหรอ?? ทางเลือกบ้าบออะไรของเขากัน!
“คิดดี ๆ นะบีลีฟ เธอติดหนี้ฉันอยู่” เวฬาข่มขู่ฉันด้วยสีหน้าเหนือกว่า ดูเขามีความสุขและสนุกมากกับการปั่นประสาทฉัน เราจ้องหน้ากันอยู่อย่างนั้นโดยไม่พูดอะไรอีก และฉันกำลังคิดหนัก… ไม่หรอก ทางเลือกบ้าบอนั่นมันแทบไม่ต้องคิดอะไรมากเลยดีกว่า!
“ยังไงพูด เลือกมา” เขาซักไซ้พลางเป่าลมร้อน ๆ รดข้างแก้ม กระตุ้นเลือดลมในกายฉันให้เดือดพล่านทีละนิด ซึ่งมันไม่ดีมาก ๆ และฉันจะปล่อยให้เขาทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้วด้วย
“ฉันจะไปกับนาย”
และแน่นอนว่าฉันเลือกทางแรก เพราะมันเป็นทางที่ฉันปลอดภัยมากที่สุด แม้จะไม่เต็มใจ แต่อย่างที่บอก ยกนี้มันไม่ใช่ทางของเรา แข็งเกินไปก็มีแต่จะเสียเปรียบเปล่า ๆ ยอมลงให้เขาบ้างคงไม่ตายหรอกจริงไหม? วันพระมันไม่ได้มีหนเดียวสักหน่อย
“ว๊า ทำไมเลือกเร็วจัง ฉันแอบผิดหวังนะเนี่ย”
เวฬาทำหน้าเศร้าได้น่าตบมาก ถ้าเป็นผู้หญิงฉันคงด่าตอแหลไปแล้ว และเพราะฉันเลือกแล้วแต่เวฬาไม่ยอมขยับ ฉันเลยต้องเตือนสติเขาด้วยการหลุบตามองร่างกายของเราสองคนที่ยังทาบทับกันอยู่แล้วพูดขึ้น
“จะปล่อยได้ยัง?”
“ปล่อยแล้วไง” เขาปล่อย แต่ปล่อยแค่ข้อมือฉันนะ ไม่ได้ถอยตัวออกไป กวนประสาทได้โล่จริง ๆ
“ถอยออกไปด้วย” ฉันเลยยกมือขึ้นทาบหน้าอกแกร่งแล้วออกแรงผลักดัน ยอมรับว่ามือสั่นนิด ๆ เป็นเพราะฉันเหนื่อยและเพลียหรอก ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเลย
“พูดก่อนสิ เดี๋ยวลุกเลย”
“พูดอะไรอีก! ก็เลือกไปแล้วไง จะเอาไรนัก” ฉันขึงตาใส่ ไม่เข้าใจว่าเวฬาต้องการอะไรจากฉันกันแน่ เมื่อกี้ที่เขารุกฉันแบบนั้น ฉันยังไม่สะสางเลยนะ
“ขอโทษไง คำง่าย ๆ ทำไมไม่พูด”
อ้อ ที่แท้ก็อยากได้คำขอโทษจากฉันนี่เอง
“แล้วทำไมต้องพูด?”
“เธอทำผิดนะเว้ย เรื่องแค่นี้ต้องให้สอน?” เวฬาขมวดคิ้วใส่นิด ๆ ดูจะหงุดหงิดหน่อย ๆ เอาจริง ๆ ฉันไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรผิดหรอกนะ ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายคุกคามฉันก่อน ฉันก็มีสิทธิ์จะป้องกันตัวไหม? มันก็วิน ๆ ทั้งสองฝ่ายป่ะ ฉันเสียหายส่วนเขาเสียทรัพย์
“เลือกไปแล้วยังจะเอาอะไร อย่ามากเรื่องได้ป่ะเวฬา”
“เลือกก็ส่วนเลือกดิ มันแลกกับการที่เธอไม่โดนฉันตั้ม แต่ไม่ได้เหมารวมเรื่องที่เธอเผาเสื้อฉันนะเว้ย”
เหตุผลเขาช่างเอาแต่ใจสิ้นดี!
“ทำไม แค่คำขอโทษสั้น ๆ พูดยาก?” เขาถามพร้อมขยับตัวขึ้นเล็กน้อย ฉันอาศัยจังหวะนั้นรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีเพื่อลุกขึ้นผลักร่างสูงออกจากตัวแล้วรีบลงมายืนบนพื้นด้วยความรวดเร็ว พร้อมกับเบนสายตากลับไปมองแรงใส่ผู้ชายบนเตียงอีกครั้งและทิ้งประโยคสุดท้ายเอาไว้ก่อนจะเดินหนีออกมา
“พูดไม่ยาก แต่ไม่อยากพูด ชัดมั้ย!”