คอนโด HK
ออด…
เสียงออดหน้าประตูดังขึ้นหนึ่งครั้งจากปลายนิ้วของฉัน เพียงเวลาไม่ถึงนาทีเจ้าของห้องร่างเล็กก็เดินออกมาเปิดประตูให้ด้วยสีหน้าง่วง ๆ มึน ๆ ปนแปลกใจเล็กน้อย ฉันแทรกตัวเข้าไปภายในห้องโดยไม่พูดอะไรและไม่รอคำเชิญด้วย เพราะมาที่นี่บ่อยจนเหมือนกับบ้านของตัวเองไปแล้ว
“ยัยบี? มาทำไรแต่เช้าเลยเนี่ย” คำถามจากเจ้าของห้องคนเดิมดังขึ้นขณะฉันทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรง ตอนนี้เหนื่อยมากพูดเลย ง่วงมาก ๆ เลยด้วย นี่ฉันถ่างตาขับรถมาคอนโดนี้ได้ก็บุญมากแล้วนะ
“ง่วงอ่ะ ขอนอนก่อนนะ”
“เฮ้ยเดี๋ยว ๆ ตอบก่อนอย่าเพิ่งนอนสิ” แรงฉุดที่แขนไม่ช่วยให้ฉันลุกขึ้นมาตอบคำถามอะไรได้ทั้งสิ้น จนคนฉุดต้องยอมรามือและทิ้งตัวนั่งลงด้านข้างฉันแทน
ยัยนี่ชื่อ อิงฟ้า เป็นเพื่อนรักเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งของฉัน นอกจากยัยเนตรกับน้ำหอมแล้วก็มียัยอิงนี่แหละที่ฉันสนิทและไว้ใจมากที่สุด เราเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงตอนนี้จะจบหมออยู่แล้ว นับคร่าว ๆ ก็เกือบหกปี เราสนิทกันมากถึงขนาดนอนค้างด้วยกันได้อย่างที่เห็นนี่แหละ
จะอะไรยังไงก็ช่าง… ตอนนี้ฉันขอพักก่อนแล้วกันนะ
.
.
.
หลายชั่วโมงต่อมา
“อย่าเสียงดังเด็ดขาดเลยนะ อย่าทำเพื่อนเจ้ตื่นด้วย อ้อแล้วก็… ห้ามม่อเพื่อนเจ้ด้วย เข้าใจไหม?!” เสียงกระซิบกระซาบดังแว่ว ๆ ไม่ไกลจากฉันมากนัก มันแทรกเข้ามาในโสตประสาทการรับรู้ของฉันจนต้องขยับตัวบนโซฟาเล็กน้อย ฉันจำได้ว่านั่นเป็นเสียงของอิงฟ้าซึ่งกำลังคุยกับใครอยู่ไม่รู้ ความง่วงทำให้ฉันเลือกที่จะนอนต่อไปโดยไม่ลืมตาขึ้นมอง
ปึง
หลังจากเสียงกระซิบเงียบไม่นานเสียงปิดประตูห้องก็ดังขึ้น ฉันไม่ได้สนใจอะไรเพราะคิดว่าอิงฟ้าคงจะลงไปซื้อของกินด้านล่างเหมือนเช่นทุกวัน ยัยนั่นเป็นพวกกินเก่ง ง่วงแค่ไหนถ้าลองหิวขึ้นมาก็สามารถแบกร่างตัวเองไปหาของกินได้ตลอด ต่างจากฉันถ้าลองได้ง่วงเมื่อไหร่เอาอะไรมาฉุดก็ไม่ยอมลุกเลยล่ะ
ฟุบ
ความรู้สึกยวบ ๆ บริเวณข้างลำตัวสร้างความขุ่นข้องใจให้ฉันเล็กน้อย คิ้วสวยขมวดเข้าหากันนิด ๆ พลางคิดในใจว่าใครกันมานั่งตรงนี้ ไออุ่นจากร่างกายคนคนนั้นแผ่กระจายเข้ามาจนรู้สึกได้
ยัยอิงเหรอ? เอ๊ะ… หรือว่าเสียงประตูเมื่อกี้ไม่ใช่ฝีมือยัยนั่น?
ฟู่…
“หือ…” ฉันครางฮือเบา ๆ พลางยกมือขึ้นปัดลมบางอย่างที่ถูกเป่ารดใบหน้า เป็นจังหวะเดียวกับฝ่ามือปะทะเข้าข้างแก้มของใครคนหนึ่งอย่างพอดิบพอดี นั่นทำให้ฉันลืมตาโพลงในทันที “อ๊ะ!!”
พลั่ก!!
“s**t! แรงเยอะชะมัด!” ร่างสูงหล่นจากโซฟาด้วยแรงผลักอันมหาศาลนั่น ขณะที่ตัวฉันกระเด้งลุกขึ้นมานั่งพร้อมชูกำปั้นขึ้นอย่างป้องกันตัว สองตาจับจ้องผู้ชายแปลกหน้าที่กำลังนั่งอยู่บนพื้นด้วยความหวาดระแวงที่สุด
“นายเป็นใคร?! เข้ามาในห้องนี้ได้ยังไงกันห๊ะ!!” ปลายนิ้วชี้ไปทางผู้ชายผมสีดำสนิท เจ้าของใบหน้าหล่อสะดุดตาตรงหน้า จะว่าเขาแปลกหน้ามันก็ไม่เชิง เพราะฉันรู้สึกคุ้นหน้าเขานิด ๆ แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นจากที่ไหนมาก่อน
“ผู้หญิงที่หลับบนที่นอนคนอื่นง่าย ๆ แบบนี้มีสิทธิ์ถามคำถามนี้ด้วยเหรอครับ?” เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงยียวน สีหน้ากวนประสาทอย่างที่สุด นั่นทำให้ฉันรู้สึกคุ้นเขามากกว่าเดิมอีก
“ที่นอนคนอื่นอะไร นี่มันโซฟาในห้องของเพื่อนฉันนะ” ฉันโวยวายเสียงดัง จากที่ง่วง ๆ อยู่เมื่อครู่ถึงกับตาสว่างเลย แต่เดี๋ยวนะ… ฉันรีบกวาดตามองรอบห้องอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ “เออ นี่มันก็ห้องยัยอิงนี่นา ฉันไม่ได้เข้าห้องผิดสักหน่อย แล้วนายเป็นใครกันเนี่ย”
“เป็นเจ้าของห้องอีกคนหนึ่งน่ะสิ”
“หะ?? เจ้าของห้อง?”
“ครับ” คำตอบรับเหมือนจะสุภาพ แต่ทำไมฉันฟังแล้วมันขัดหูยังไงก็ไม่รู้ ร่างสูงเดินอ้อมหลังเคาน์เตอร์บาร์เข้าไปเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำขึ้นมาดื่มด้วยท่าทางชิลล์ ๆ ราวกับตนเองเป็นเจ้าของบ้านจริง ๆ ต่างจากฉันที่ยังลำดับเรื่องราวไม่ถูก
“นายเป็นแฟนยัยอิงเหรอ?”
พรวด!
“แค่ก ๆ แฟนบ้าอะไรล่ะครับ! ฟ้าผ่าตายห่าเลยนะนั่น!”
ฉันหน้าเหวอนิด ๆ ตอนเห็นเขาสำลักน้ำออกมา รู้สึกขนกายลุกชันไปหมดเลย
ไอ้เรื่องที่ฉันเคยพูดว่าเป็นโรคกลัวเชื้อโรคน่ะ มันเป็นความจริงนะ ฉันเป็นพวกเสพติดความสะอาดมาก เพราะมีแม่เป็นหมอและคลุกคลีกับโรงพยาบาลมาตั้งแต่เด็ก ๆ แถมยังมีพี่สาวที่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงด้วย ทำให้ชีวิตฉันกลายเป็นเด็กอนามัยโดยไม่รู้ตัว พอเห็นอะไรที่มันสกปรก ๆ หรือบ่งเพาะเชื้อโรคฉันจะรู้สึกขนลุกแบบนี้นี่แหละ แอลกอฮอล์หรือน้ำยาฆ่าเชื้อจึงถือเป็นอวัยวะส่วนที่สามสิบสามของฉันเลย
“ฉัน แอล น้องชายแท้ ๆ ของเจ้อิงฟ้า”
“นะ น้องชาย…” ฉันทวนคำพลางหวนคิดถึงเรื่องที่อิงฟ้าเคยเล่าให้ฟังเกี่ยวกับน้องชายที่พ่อมันรับไปเลี้ยงหลังหย่ากับแม่ตั้งแต่เด็ก ๆ ถ้าจำไม่ผิดอิงฟ้าเคยบอกว่าน้องชายอยู่ที่อเมริกาไม่ใช่เหรอ? แล้วจู่ ๆ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง??
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ เพื่อนพี่สาว”