EP.22 #อย่าละสายตา

1328 Words
บรื้นนนนนนนนนนน!!! ทันทีที่สัญญาณไฟดับลงพร้อมกับผ้าในมือของพริตติ้สาวโบกสะบัด มฤตยูทั้งสองคันต่างพุ่งทะยานราวกับเหาะด้วยความเร็วสูงจนฝุ่นตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ ฉันมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกบรรยายไม่ถูก สายตาที่เวฬาใช้มองมาก่อนหน้านี้มันทำให้หัวใจฉันว้าวุ่นแปลก ๆ ทำไมกัน… ทำไมอยู่ ๆ ท่าทางของเขาถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้กันนะ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยแสดงอาการอะไรออกมาให้เห็นเลย ทั้งที่พวกเรารู้จักกันมาตั้งนานแท้ ๆ สิบกว่าปีแล้วที่เราได้พบกัน ถ้าพูดให้ถูกก็คือตลอดหลายปีมานี้เวฬาแทบจะไม่มองหน้าฉันตรง ๆ ด้วยซ้ำไป ถึงเขาจะชอบกวนประสาทและปากหมาแทบทุกครั้งที่เจอกัน แต่ฉันสังเกตเห็นนะว่าเขาไม่เคยสบตากับฉันเลย แล้วทำไมอยู่ ๆ ตอนนี้เขาถึงเปลี่ยนไป? ความจริงหลังจากเกิดเรื่องคืนนั้นขึ้นระหว่างเรา อะไรหลาย ๆ อย่างมันก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะความรู้สึกด้านลบของฉันที่มีต่อเขา ยิ่งตอนที่ได้รู้ว่าเราสองคนจะต้องแต่งงานกัน ฉันก็ยิ่งเกลียดความผิดพลาดบ้า ๆ นั่นมากกว่าเดิม จากตอนแรกคิดว่าจะลืม ๆ มันไป กลับกลายเป็นจำฝังใจไม่เคยลืมเลือน ความผิดพลาดที่มีเขาคนนั้นเป็นตัวแปรสำคัญ… นึกมาถึงตอนนี้สายตาฉันก็ละไปจากการแข่งขันในสนามที่กำลังดุเดือดเพื่อกลับมาจับจ้องผู้ชายร่างสูงข้างกายแทน เขาจ้องมองไปทางสนาม แต่สายตาดูเหม่อลอยแปลก ๆ เหมือนไม่ได้จดจ่ออยู่กับการแข่งขันสักเท่าไหร่ สีหน้าของนาฑีเหมือนคนกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ ไม่รู้ว่าฉันจ้องมองนาฑีนานแค่ไหน ไม่รู้ด้วยว่าการแข่งขันดำเนินไปถึงไหนแล้ว ประสาทการรับฟังของฉันมันมืดดับไปหมดจนไม่ได้ยินเสียงประกาศอะไรเลย และมันมักจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งยามที่ฉันจ้องมองใบหน้าของเขา… หน้าของผู้ชายที่เป็นรักแรกของฉัน และใช่… นาฑีคือรักแรกของฉัน… รักที่แสนยาวนานมาสิบกว่าปี รักที่ไม่เคยสมหวัง… “ฑีขาาาา” ภวังค์ความคิดของฉันหลุดลอยไปพร้อมกับร่างของผู้หญิงคนหนึ่งที่จู่ ๆ แทรกกลางเข้ามาแล้วกระโดดกอดนาฑีโดยไม่อายสายตาใคร ฉันถอยหลังออกห่างคนทั้งคู่สองสามก้าว สายตาจับจ้องด้วยความรู้สึกปวดหนึบหัวใจ วูบหนึ่งเหมือนเห็นดวงตาคมเหลือบมองกันก่อนจะละไปหาเธอคนนั้นแล้วเผยรอยยิ้มมุมปาก “ไงซินดี้ มาตั้งแต่เมื่อไหร่” นาฑีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น แววตาที่เขาใช้มองเธอมันช่างบาดลึกหัวใจฉันเหลือเกิน ยิ่งได้เห็นมือหนาโอบกอดร่างบางราวกับนางแบบ ขอบตามันก็ร้อนขึ้นมาทันที ไม่นะ… อย่าปล่อยมันออกมาเด็ดขาดเลยบีลีฟ… เธอไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะร้องไห้ได้ยินมั้ย! “ซินดี้ได้ข่าวว่าวันนี้ฑีมาสนามด้วยก็เลยตามมาน่ะสิ แหม! เดี๋ยวนี้มาไม่บอกกันเลยนะ ซินดี้ไม่สำคัญแล้วใช่ไหม” เธอ… ไม่สิ ซินดี้ผละแขนที่คล้องรอบคอเขาออกแล้วเปลี่ยนมากอดอกอย่างไม่พอใจ เธอช้อนสายตามองเขานิด ๆ เหมือนรอให้ง้อ ซึ่งนาฑีก็ง้อด้วยการคว้าเธอเข้าไปบดจูบอย่างเร่าร้อนต่อหน้าต่อตาฉันเลย อย่ามองนะ… หยุดมองเดี๋ยวนี้บีลีฟ! เธอจะมองภาพนั้นให้มันเจ็บปวดทำไม! ทำไมไม่ยอมละสายตาหรือเดินหนีไปจากตรงนี้ซะเลย… ทำไม… ฉันเม้มริมฝีปากแน่น พยายามจะละสายตาไปจากภาพตรงหน้า ฉันพยายามแล้วแต่ไม่รู้ทำไมถึงทำแบบนั้นไม่ได้ กลับกัน… สายตาของฉันมันกลับจ้องมองอยู่อย่างนั้น… มองเขาจูบกับผู้หญิงคนอื่น… มองเขากอดกับผู้หญิงคนอื่น… มองเขาที่ฉันเคยคิดว่าดี ทำเรื่องบ้าบอต่อไป… ทำไมกันนะ… ทำไมที่ผ่านมาฉันถึงไม่เคยรู้เลยว่าเขาคนนี้แท้จริงแล้วมีด้านมืดอะไรแอบแฝงไว้บ้าง ทำไมฉันถึงมองว่าเขาคือผู้ชายที่แสนดีและเพอร์เฟคในทุก ๆ ด้าน ผู้ชายที่ทั้งเรียนเก่ง สุภาพ อ่อนโยน และอบอุ่นกับฉันเสมอ… ผู้ชายที่ฉันหลงรักคนนั้นเขาหายไปไหนแล้ว… คนคนนี้ตรงหน้าฉัน… เขาไม่ใช่ผู้ชายคนนั้นจริง ๆ ใช่ไหม… ไม่ใช่… เขาไม่ใช่นาฑี… ไม่ใช่เด็ดขาด! “อื้มม… ฑีเนี่ย ยังร้อนแรงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ จะไม่ให้ซินดี้หลงรักได้ยังไงล่ะ” เสียงหวานกระซิบบอกหลังจากเขาผละริมฝีปากออก นาฑียกยิ้มขณะเลื่อนสายตามาสบกับฉัน ทำให้เธอในอ้อมแขนเขาหันมาสนใจฉันเช่นกัน ก่อนจะทำหน้าตาตกใจราวกับว่าเพิ่งรับรู้ถึงการมีตัวตนของฉัน “อุ๊ย นี่ใครเหรอคะฑี” “…” ไม่มีคำตอบใด ๆ หลุดจากปากของฉันกับเขา รู้สึกได้ถึงบรรยากาศรอบตัวที่ยังอื้ออึงไม่หยุด แสดงว่าการแข่งขันมันยังไม่จบสินะ “หรือว่าเธอเป็นเด็กของฑี?” เธอหันกลับไปหานาฑีด้วยท่าทางไม่พอใจ “ไม่ใช่” ฉันกัดริมฝีปากตัวเองแน่นจนรับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวเลือด หัวใจมันเต้นช้าลงราวกับจะหยุดเต้น ประสาทการได้ยินเหมือนถูกตัดขาดไปชั่วขณะยามนาฑีพูดประโยคต่อมา “ผู้หญิงคนนี้เป็น… น้องสะใภ้ของฉัน” นะ น้องสะใภ้… อย่างนั้นเหรอ… ไม่รู้ทำไมร่างกายของฉันมันชาไปหมดแบบนี้ อยากจะเดินหนีก็ทำไม่ได้ อยากจะขยับปากพูดก็ยากเย็นเหลือเกิน ทำไมร่างกายไม่ฟังเสียงของสมองบ้างเลย ทำไมมันต้องฟังแต่เสียงของหัวใจที่กำลังพังของฉันด้วย เอี๊ยดดดดดดดดด!! ฉันจะทำยังไงดี… ถ้ายังยืนอยู่ตรงนี้ฉันอาจจะหมดแรงต่อหน้าเขา ถ้ายังยืนอยู่ฉันคงจะร้องไห้ต่อหน้าเขา ถ้ายังอยู่ตรงนี้… ฉันอาจจะยอมแพ้แล้วปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างในใจออกมา ตึก ตึก ตึก ไม่ได้นะ… ฉันจะทำแบบนั้นไม่ได้ ใครก็ได้… ใครก็ได้ช่วยฉัน… ช่วยพาฉันไปจากตรงนี้ที ก่อนที่น้ำตาหยดแรกจะไหลออกมา… พรึ่บ! “อ๊ะ!” ขณะที่น้ำตาของฉันกำลังจะไหล จู่ ๆ ก็ถูกฝ่ามืออบอุ่นของใครคนหนึ่งเข้ามาประคองสองข้างแก้มเอาไว้ เขาใช้ตัวเองบดบังสองคนนั้นก่อนจะจับหน้าฉันให้เงยขึ้น ส่งผลให้หยาดน้ำใส ๆ ที่กำลังเอ่อคลอไหลลงทันที ดวงตาคมกริบจ้องมาด้วยสายตาดุดัน หากทว่ามันกลับอ่อนโยนอย่างบอกไม่ถูก ปลายนิ้วโป้งปาดน้ำตาของฉันออกแผ่วเบา “บอกแล้วไงว่าอย่าละสายตาไปจากฉัน” “…” “บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ามองผู้ชายคนอื่นต่อหน้าฉัน” หัวสมองของฉันอื้ออึงไปหมด มันไม่รับรู้และไม่รับฟังอะไรทั้งสิ้นนอกจากสิ่งที่ผู้ชายตรงหน้ากำลังพูด ฉันไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงดึงความสนใจของฉันไปจากผู้ชายคนนั้นได้ “ฉันบอกเธอแล้วว่าถ้าแข่งชนะ… ฉันจะกลับมาขอจูบเร่าร้อนจากเธอเป็นรางวัล” นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึก… ขอบคุณเวฬาที่เข้ามาขัดจังหวะได้อย่างถูกเวลา แม้ว่าจะไม่ชอบ… แต่ก็รู้สึกขอบคุณจริง ๆ “ฉันชนะแล้ว… เพราะฉะนั้นเรามาจูบกันเถอะ” “…” “จูบกันให้ร้อนแรง”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD