บทที่ 2.1 - เคลือบแคลง (แต่งแล้วค่อยหย่า)

1482 Words
ระหว่างทางที่นั่งรถมาด้วยกันต่างคนต่างเงียบ บรรยกาศน่าอึดอัดเสียจนมะลิลาไม่กล้าชำเลืองสายตามองสารถีหนุ่ม หญิงสาวได้แต่นั่งก้มหน้ากุมมือสองข้างถูกันไปมา เม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรงขณะใช้ความคิดไตร่ตรองเรื่องราวที่เกิดขึ้น “รบกวนจอดรถตรงนี้สักครู่ได้ไหมคะ” “จอดทำไม” น้ำเสียงเข้มห้วนจัด ธนาคิมถอนหายใจเหนื่อยหน่าย ถึงรำคาญแต่เขาก็จอดรถให้ตามคำขอของเธอ “มะลิจะซื้อของค่ะ” ยิ่งได้ฟังเหตุผลของหล่อนเขาก็เหยียดยิ้มออกมา “คิดว่าฉันเป็นคนขับรถประจับตัวเธอหรือไง” ตวัดหางตามองอย่างเคืองๆ มะลิลารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง เกรงว่าเขาจะเข้าใจผิด “ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ มะลิแค่จะแวะร้านขายยา” ชี้นิ้วไปที่ร้านขายยาแห่งหนึ่ง ดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อย “เธอเป็นอะไร ไม่สบายเหรอ” รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่ได้ห่วงใยแต่คำถามของเขาก็ทำให้เธออุ่นซ่านไปทั้งหัวใจ “เปล่าค่ะ” “เปล่าแล้วจะแวะร้านขายยาทำไม” คนถูกจี้ถามนิ่งเงียบ… “นี่มะลิ เธอหยุดทำตัวน่ารำคาญสักทีได้ไหม ฉันถามก็ตอบสิ จะนั่งนิ่งให้มันได้อะไรขึ้นมา” ธนาคิมเริ่มหงุดหงิด ที่ผ่านมาเขาคิดมาตลอดว่าตัวเองเป็นคนใจเย็น เจอสถานการณ์ยากลำบากแค่ไหนก็พร้อมรับมือได้ไม่ยาก แต่มะลิลาลบภาพลักษณ์หนุ่มมาดขรึมของเขาหมดสิ้น ทุกครั้งที่เห็นหน้าหรือพูดคุย หล่อนมักทำให้เขาหงุดหงิดงุ่นง่านได้เสมอ “มะลิ…” กลัวเขาก็กลัว แต่ก็ไม่กล้าพูดออกไปอยู่ดี “น่ารำคาญ!” กำปั้นหนักทุบพวงมาลัยรถระบายอารมณ์ มะลิลาชำเลืองหางตาหวาดหวั่นมองเขา “เธอนี่มันน่า…” “มะลิจะซื้อยาคุมค่ะ” สุดท้ายเธอก็ยอมพูดออกไป… “…” บรรยกาศภายในรถกลับมาเงียบงันอีกครั้ง เขาและเธอต่างจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิด กลิ่นไอมาคุจางหายไป เหลือทิ้งไว้เพียงความสับสนที่มาพร้อมกับความรู้สึกผิดท่วมท้นหัวใจ “เมื่อคืนคุณคิมไม่ได้ป้องกัน มะลิกลัวตัวเองจะท้อง มะลิเลยจะซื้อยาคุมกินกันไว้ค่ะ” เสียงหวานสะอื้น ความกดดันขับเคลื่อนออกมาเป็นหยาดน้ำตา “คุณคิมกลับไปก่อนได้เลยนะคะ เดี๋ยวมะลิจะกลับเอง” มะลิลาเช็ดน้ำตาปอยๆ เหมือนเด็กน้อย เงยหน้าบอกเขาทั้งที่จมูกแดงก่ำ “นั่งรอในรถ เดี๋ยวลงไปซื้อเอง” “แต่มะลิ…” ไม่รอฟังคำคัดค้านใดๆ ทั้งสิ้น ธนาคิมเปิดประตูลงจากรถได้ก็รีบเดินเข้าไปในร้านขายยาอย่างไว ไม่นานเขาก็เดินกลับออกมา “ฉันให้คนขายเขียนบอกรายละเอียดมาให้แล้ว” เปิดประตูรถเข้ามานั่งได้เขาก็โยนถุงยาสีขาวลงบนตักของเธอ “มีอะไรสงสัยหรือเปล่า ถ้ามีจะได้ลงไปถามให้” “ไม่มีค่ะ” มะลิลาอ่านแล้วเข้าใจทุกอย่าง กำลังจะเก็บถุงยาเข้ากระเป๋าผ้า ธนาคิมก็ยื่นขวดน้ำดื่มมาให้ “กินเลยจะได้ทันการ” เขาบอกเสียงนิ่ง “ค่ะ” มะลิลาทำตามอย่างว่าง่าย ไม่มีการอิดออดหรือเล่นแง่แต่อย่างใด “ขอบคุณนะคะ” “ไม่จำเป็น” “…” “ฉันก็แค่รับผิดชอบในสิ่งที่ทำพลาดไป” คำพูดเยือกเย็นไร้หัวใจ มะลิลาเจ็บจุกจนพูดไม่ออก ได้แต่กล้ำกลืนความชอกช้ำไว้กับตัว “ส่วนเรื่องการแต่งงาน…” “มะลิจะไม่แต่งงานกับคุณค่ะ” ร่างบางพูดแทรกขึ้น ช้อนดวงตาสั่นไหวมองชายหนุ่มอย่างตัดพ้อ “มะลิรู้ดีว่าคุณคิมเกลียดมะลิ เรื่องที่เกิดขึ้นมะลิเองก็ผิด มันก็แค่ความผิดพลาดอย่างที่คุณคิมว่า เราไม่จำเป็นต้องใส่ใจ ก็แค่ปล่อยให้มันผ่านไป” มะลิลายอมรับความจริง คนไม่รักก็คือไม่รัก ต่อให้ตกกระไดพลอยโจนมาแต่งงานกัน ชีวิตคู่ย่อมไม่มีความสุขอยู่ดี ฝืนกันไปรังแต่จะทำให้ความเกลียดชังที่อีกฝ่ายมีให้เพิ่มมากขึ้น “พ่อฉันเป็นคนรักษาคำพูด ถ้าลองได้ลั่นวาจาออกไปแล้วไม่ว่าใครหน้าไหนก็ขัดท่านไม่ได้หรอก” ธนาคิมรู้จักนิสัยของบิดาดีกว่าใคร “มะลิจะอธิบายให้คุณลุงเข้าใจเองค่ะ” “อธิบายยังไงไม่ทราบ” น้ำเสียงห้วนไม่สบอารมณ์ ดูเหมือนคนที่มีปัญหากับการแต่งงานจะไม่ใช่เขาอีกต่อไป “อธิบายว่าเธอยอมไม่แต่งงานกับฉันเพราะกลัวฉันไม่พอใจงั้นสิ” คนถูกย้อนถามเงียบ ที่เขาพูดมาถูกทุกอย่าง เธอไม่อยากผูกมัดเขาด้วยการแต่งงาน แค่นี้ความเกลียดชังที่เขามอบให้ก็กัดกินหัวใจของเธอไม่มีชิ้นดี ถ้าต้องถูกชิงชังเพิ่มอีก เห็นทีหัวใจดวงนี้จะรับไม่ไหว มะลิลาคิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว การปฏิเสธงานแต่งเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เธอวางแผนเตรียมคำพูดเพื่อไม่ให้กระทบถึงตัวเขา ธนาคิมช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย เขาไม่มีวันรู้ว่าผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างเขาตอนนี้ห่วงความรู้สึกของเขามากกว่าสิ่งใด “ถ้าเป็นแบบนั้นอย่าพูดอะไรออกมาให้เปลืองน้ำลายดีกว่า พ่อฉันไม่มีทางยอมแน่นอน” ธนาคิมแสยะยิ้ม ประเมินท่าทีของมะลิลาแล้วพานคิดไกลว่าหล่อนอาจแสร้งทำเป็นไม่เรียกร้องเพื่อตีหน้าเศร้าเรียกคะแนนสงสารจากบิดาของเขา เมื่อคิดลบเช่นนั้น ความรู้สึกผิดที่มีก่อนหน้าจึงถูกแทนที่ด้วยความเย็นชา “แต่งๆ ให้มันจบๆ ไปนั่นแหละ” “คุณคิม” มะลิลามองเขาอย่างไม่เข้าใจ เธอคาดเดาอารมณ์ของผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลย “อยู่ด้วยกันสักเดือนนึงแล้วค่อยหย่า ถึงตอนนั้นพ่อก็ว่าอะไรฉันไม่ได้” แต่งแล้วหย่าเขาก็มีข้ออ้างบอกกับบิดาได้ว่าที่หย่าเพราะอะไร แต่ถ้าดึงดันไม่แต่งตอนนี้ เขาไม่มีสิทธิ์พูดอะไรได้เลยในเมื่อเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเขาเป็นฝ่ายผิด มะลิลาจิกเล็บลงบนฝ่ามือแน่น ขนาดยังไม่แต่งแค่ได้ยินคำว่าหย่าหัวใจของเธอก็ปวดหนึบ ขอบตาซึมร้อนผ่าว “ระหว่างนี้ก็อย่าทำตัวน่ารำคาญให้ฉันหงุดหงิดใจก็พอ” มะลิลายืนมองจนกระทั่งรถของธนาคิมขับเคลื่อนออกไปจากคลองสายตา น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ไหลพรั่งพรูอาบแก้ม ริมฝีปากซีดเซียวสั่นระริก ก่อนเปิดประตูรั้วเดินเข้าบ้านมะลิลารีบปาดน้ำตาแห่งความอ่อนแอทิ้ง เพราะรู้ว่าต้องเจอกับบิดาที่รอเค้นถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน “คิมกลับไปแล้วเหรอ” น้ำเสียงแหบแห้งตามประสาคนมีอายุเอ่ยถาม กลิ่นบุหรี่คละคลุ้งภายในห้องโถงที่เปิดหน้าต่างทุกบานรับแสงแดดและสายลมธรรมชาติจากภายนอก มะลิลาถอนหายใจอย่างปลงตก “คุณพ่อไม่ควรสูบบุหรี่นะคะ ยิ่งตอนนี้ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง” บอกออกไปด้วยความเป็นห่วง ทว่าชายกลางคนกลับแสยะยิ้มออกมา “แกรู้ว่าฉันร่างกายไม่แข็งแรง แต่แกก็ยังสร้างเรื่องให้ฉันต้องปวดหัว” ตวัดสายตาขุ่นมองบุตรสาวอย่างตำหนิ มะลิลาก้มหน้ายอมรับผิด “หนูขอโทษค่ะ” หล่อนยกมือไหว้ น้ำตาที่เพิ่งเช็ดออกไปทำทีจะไหลออกมาอีกครา มะลิลาพยายามสะกดกลั้นเอาไว้ “คุณพ่อจะต่อว่าหรือทุบตีหนูก็ได้ หนูยอมรับผิดทุกอย่าง” เรื่องที่เกิดขึ้นหนักหนาที่สุดในชีวิต หากคนเป็นพ่อจะโกรธจนลงไม้ลงมือกับเธอ เธอก็ยอมรับผลแห่งการกระทำ “ต่อให้ฉันอยากฆ่าแกให้ตาย ฉันก็ทำไม่ได้อยู่ดี” เกรียงไกรเค้นเสียงพูด คว้าไม้เท้าค้ำร่างหยัดหยืนทุลักทุเล มะลิลาปรี่เข้าไปช่วยเหลือแต่ก็ถูกสลัดแขนทิ้งอย่างไร้เยื่อใย หญิงสาวน้ำตาร่วงเผาะ เจ็บปวดไปทั้งหัวใจเมื่อรู้ว่าทำดีแค่ไหนพ่อก็ไม่เคยรัก ไม่เคยเห็นลูกคนนี้อยู่ในสายตา “เตรียมตัวเป็นเจ้าสาวของธนาคิมให้ดี อย่าทำให้ฉันต้องขายหน้าใครเขาอีก ดีแค่ไหนแล้วที่ไอ้วัฒน์ให้ลูกมันรับผิดชอบแก ไปอยู่เป็นสะใภ้ตระกูลเขาก็ทำตัวให้มันสมกับที่เขาเวทนาแก” พูดจบก็เดินเข้าบ้านไป ทิ้งคนที่ทำพลาดพลั้งให้มองตามด้วยความช้ำใจ มะลิลาทรุดร่างนั่งร้องไห้ซบฝ่ามือ ความเข้มแข็งที่เพียรสร้างพังทลายลง ก่อนหน้านั้นคำพูดของธนาคิมว่าเจ็บแล้ว แต่ความเจ็บที่ได้รับจากผู้ชายคนนั้นยังไม่ได้ครึ่งเศษเสี้ยวของสายตาเกลียดชังที่คนเป็นพ่อมอบให้ “ฮึก… หนูขอโทษ หนูขอโทษ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD