“แกไม่ต้องห่วง ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง”
น้ำเสียงราบเรียบของธนวัฒน์ อดีตนักธุรกิจรุ่นใหญ่วัยห้าสิบหกปีเอ่ยขึ้น ดวงตาน่าเกรงขามมองตรงไปยังที่เกิดเหตุ เดาไม่ออกเลยว่าชายกลางคนผู้นี้กำลังคิดสิ่งใดอยู่ในหัว
“จัดการยังไง” คำถามเคร่งเครียดเป็นของเกรียงไกรเพื่อนสนิท ทั้งสองรู้จักสนิทสนมกันมากว่าครึ่งค่อนชีวิต เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนตายที่พร้อมอยู่เคียงข้างกันทุกเวลา
“ใครเป็นคนก่อเรื่อง คนนั้นก็ต้องรับผิดชอบ” วาจาที่ส่อไปทางบังคับให้อีกฝ่ายยอมรับต่อสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“พ่อ” คนถูกมองด้วยสายตาชิงชังร้อนรน ประสานนิ้วมือกุมท้ายทอยเดินวนรอบห้อง “ผมไม่ได้ตั้งใจ”
ก็แค่พลาดพลั้งเพราะฤทธิ์สุรา เขาไม่คิดอยากรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น นอกจากให้เงินแล้วจบกันไป
“ฉันไม่สนว่าแกจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ฉันมองที่ผลลัพธ์ของมัน”
ซึ่งผลแห่งการกระทำก็นั่งร้องไห้ตัวสั่นอยู่บนเตียง สิ่งที่บุตรชายของเขาได้กระทำลงไปนั้นผิดมหันต์ เขาไม่สามารถปล่อยปละละเลยความผิดพลาดตรงส่วนนี้ได้
“แกต้องแต่งงานกับหนูมะลิ” ธนวัฒน์ยื่นคำขาด
“พ่อ”
ธนาคิมเสียงสั่นทำตัวไม่ถูก เขายอมรับว่าเขาพลาดที่ลากเธอขึ้นเตียงโดยไม่มองให้ชัดๆ ว่าใครเป็นใคร เขาร่วมรักกับเธออย่างสาสมใจ ฤทธิ์สุราทำให้สายตาของเขาพร่าเลือนจนไม่รู้ว่าผู้หญิงที่เขากำลังขย้ำเนื้อหวานอย่างเป็นเอาตายคือคนที่เขาเกลียดเข้าไส้
“ผมไม่แต่ง” คนก่อเรื่องยืนกรานเสียงหนักแน่น ถ้อยคำปฏิเสธไร้เยื่อใยกรีดหัวใจหญิงสาวผู้สูญสิ้นทุกอย่าง มะลิลารู้สึกไม่ต่างอะไรจากดอกไม้ไร้ค่าที่เขาเด็ดดมแล้วเหวี่ยงทิ้ง เธอก้มหน้าซ่อนหยดน้ำตาเพราะอับอายต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
ลึกลงไปในใจก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับผู้หญิงคนนั้น ธนาคิมจะยืนกรานปฏิเสธเสียงแข็งหรือไม่
“เป็นลูกผู้ชายหน่อยคิม ได้เขาแล้วก็ต้องรับผิดชอบ พ่อไม่เคยสอนให้แกเอาเปรียบผู้หญิง”
คนเป็นพ่อปรามนิ่ง แค่ต้องมารับรู้ว่าบุตรชายทำพฤติกรรมเลวทรามเขาก็หน้าชาไปทั้งแถบ อยากเอาหน้ามุดแผ่นดินแทรกหนีให้รู้แล้วรู้รอด ดีแค่ไหนที่ผู้เสียหายเป็นบุตรสาวของเพื่อนรัก เรื่องที่ว่าหนักก็ยังพอคุยกันได้หน่อย อีกทั้งลึกๆ แล้วธนวัฒน์ก็ชื่นชมมะลิลาอยู่ไม่น้อย อยากได้ผู้หญิงเรียบร้อยมาเป็นลูกสะไภ้ แอบหมายตาจองให้ลูกชายหน้ามึนไว้เนิ่นนาน เพียงแต่ธนาคิมไม่เคยรับรู้
“ลุงจะจัดงานให้หนูอย่างสมฐานะ”
เอ่ยกับคนร้องไห้จมูกแดง เกรียงไกรมองหน้าบุตรสาวนิ่ง ก่อนเอ่ยคำพูดราบเรียบแบบไม่ทุกข์ร้อนอันใด
“ไม่ต้องจัดอะไรใหญ่โตหรอก แค่ผูกข้อไม้ข้อมือก็พอ”
“พูดอะไรแบบนั้นไอ้ไกร จะตบแต่งเข้ามาเป็นสะใภ้ของตระกูลฉันทั้งทีก็ต้องให้มันสมเกียรติ สมฐานะ คนอื่นจะได้ครหาหนูมะลิไม่ได้” ธนวัฒน์ไม่เห็นด้วยกับความคิดของเพื่อน
“งั้นก็แล้วแต่แก” พูดจบก็เดินออกจากห้องไป ไม่สนบุตรสาวที่นั่งร้องไห้อยู่บนเตียงเลยสักนิด
“หนูมะลิ เดี๋ยวลุงจะให้เด็กมันเอาเสื้อผ้ามาให้นะ” น้ำเสียงห่วงใยของชายกลางคนช่วยปลอบประโลมหัวใจอันบอบช้ำ
“ขอบคุณค่ะคุณลุง” มะลิลายกมือสั่นเทาไหว้ทั้งน้ำตา
“หนูอยากนอนพักไหม ถ้าอยากพัก แต่งตัวเสร็จลุงจะให้เด็กพาไปนอนอีกห้อง” ธนวัฒน์คิดอย่างเอาใจเขามาใส่ใจเรา มะลิลาคงไม่ต้องการอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยความทรงจำเลวร้าย
“หนูอยากกลับบ้านค่ะ” น้ำเสียงขาดห้วงเพราะแรงสะอื้น
“คิม”
ธนาคิมเหมือนรู้ว่าคนเป็นพ่อต้องการจะพูดอะไร เขาพูดเสียงห้วนก่อนปิดประตูกระแทกเสียงดัง
“อยากกลับก็รีบแต่งตัว จะลงไปรอข้างล่าง!”
บรรยกาศงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายที่บ้านของเขา ไม่มีการเชิญแขกเหรื่อในแวดวงธุรกิจของครอบครัว มีเพียงสองเพื่อนซี้ที่มานั่งดื่มอย่างเป็นกันเองที่ริมสระน้ำ
“แฮปปีเบิร์ดเดย์ไอ้คิม แก่ขึ้นอีกปีแล้วนะมึง”
ปริญชูแก้วเหล้าออกไปตรงหน้า ภูเบศและธนาคิมยกแก้วของตัวเองออกมาชน “รีบๆ ตายนะ นรกรอมึงอยู่”
“ไอ้… ปากหมานะมึง”
สวนสัตว์กำลังจะออกมาเผ่นพ่านแต่เขายับยั้งไว้ได้ทัน วันเกิดทั้งทีไม่อยากพูดคำหยาบให้ระคายหู แต่ไอ้เพื่อนเวรก็ยังไม่วายยั่วบาทา
“อย่างพวกเราสามคน นรกไม่เปิดประตูต้อนรับหรอกเชื่อกู” ภูเบศพูดแล้วหัวเราะ
“เพราะพวกเราเป็นคนดี” ปริญยักคิ้ว
“เราแม่งชั่วเกิน นรกไม่ต้อนรับคนเห้ๆ แบบเราหรอก” ทั้งสามหนุ่มระเบิดเสียงหัวเราะลั่น
“พวกมึงสองคนอาจจะใช่ แต่กูคนดี กูรอด”
ธนาคิม ไม่ยอมรับความชั่วที่เพื่อนๆ พากันยัดเยียดให้ เขามั่นใจว่าอย่างน้อยๆ เขาก็ดีกว่าไอ้สองตัวนี้
“มึงอะตัวดีเลย เสือซ่อนเล็บ” ปริญชี้หน้า เหยียดขาพาดเก้าอี้เอนหลังพิงพนักโซฟาแล้วพ่นควันสีเทาเข้มลอยคลุ้งกลางอากาศ
“ทำเป็นกบจำศีลแต่เปลี่ยนคู่ควงเป็นว่าเล่น”
“กูก็เรียนรู้มาจากมึงไงไอ้นัย” ธนาคิมว่า
“เห้ยๆ มึงถอนคำพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ ตอนนี้กูไม่เหมือนก่อนแล้วโว้ย กูเป็นผู้ชายรักเดียวใจเดียว เอื้องฟ้าเท่านั้นที่กูจะควงไปตลอดชีวิต”
ปริญยิ้มเพ้อเมื่อนึกถึงเมียรักที่กำลังจะเข้าประตูวิวาห์ด้วยในอีกไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้า
“แหงล่ะ ทำเลวจนเขาหอบผ้าหอบผ่อนหนี กว่าจะง้อกลับมาได้ ถ้ามึงยังไม่เลิกสันดานเดิมเมียมึงคงตัดหางปล่อยวัดตลอดชีวิต” ภูเบศเยาะหยัน
“มึงก็ใช่ย่อย” เจ้าของวันเกิดหันมาเล่นเพื่อนตัวดี “ถึงวีรกรรมไม่เท่าไอ้นัยแต่อย่าลืมว่ามึงก็เจ้าเล่ห์จนได้ตัวน้องลีมาครอบครอง”
“แน่นอนอยู่แล้ว กูรักของกูนี่หว่า”
ภูเบศยกไหล่อย่างถือดี เขาน้อมรับความเจ้าเล่ห์เพราะมันทำให้เขาได้ครองรักกับผู้หญิงที่เขาปรารถนาสุดหัวใจ
“จะว่าไปพวกมึงก็สมหวังกันทุกคนเลยเนอะ”
น้ำเสียงผู้พูดเริ่มเปลี่ยนไป นัยน์ตาแดงก่ำไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์สุราหรือเพราะความเจ็บปวดในอดีต
“เห้ย อย่าคิดมากน่า” ปริญดีดตัวลุกนั่งอย่างไว เอื้อมมือไปตบบ่าเพื่อนอย่างให้กำลังใจ
“เปล่าเลย กูไม่ได้คิดอะไรเลย” ธนาคิมยิ้ม เขาเสยผมที่ปรกหน้าออกลวกๆ หยิบบุหรี่ขึ้นจุดสูบหน้าตาเฉย
“เออๆ ไม่คิดอะไรก็ดีแล้ว”
ภูเบศแสร้งว่าไปอย่างนั้นเอง แท้จริงแล้วเขากับปริญรู้ดีว่าธนาคิมยังคงไม่ลืมอดีต