“คุณพ่ออย่าเป็นอะไรนะคะ คุณพ่อต้องอยู่กับหนูนะคะ คุณพ่อ…” เสียงร้องไห้ปานจะขาดใจของเด็กสาววัยมอปลายตัวเล็กๆ ที่วิ่งตามเตียงรถเข็นโรงพยาบาลอยู่ไม่ห่าง ร่างสูงใหญ่ที่นอนอยู่บนเตียงนั้นอาบไปด้วยเลือดสีแดงสดส่งกลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่ว
“ญาติรอข้างนอกนะคะ” พยาบาลคนหนึ่งเอ่ยกับเด็กสาว
“คุณพยาบาลคะ คุณต้องช่วยพ่อหนูให้ได้นะคะ อย่าให้ท่านเป็นอะไรนะคะ ช่วยพ่อหนูด้วยนะคะ ฮือๆ” พูดไปร้องไห้ไป
“ทางเราจะช่วยอย่างสุดความสามารถค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”
พยาบาลสาวรีบตามเข้าไปสมทบกับทีมแพทย์ที่เดินเข้าห้องผ่าตัดไปก่อนหน้านี้
ทิ้งให้ร่างเล็กทรุดตัวนั่งลงกับเก้าอี้เพียงลำพัง
“ฮึก คุณพ่อ ฮือๆ คุณพ่อ”
เด็กน้อยก้มหน้าร้องไห้กับฝ่ามือของตัวเอง ทุกอย่างมืดแปดด้านไปหมด กลัวที่สุดว่าบิดาที่เคารพรักจะจากตนไป เธอไม่อยากเสียท่านไปเหมือนกับที่เสียมารดาตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กๆ
ร่างสูงที่เพิ่งมาถึงหยุดมองเด็กสาวในชุดมอปลายด้วยความเวทนา ใบหน้าคมคร้ามเคร่งเครียดจนสันกรามขึ้น ตัดสินใจย่างกรายเข้าไปใกล้ร่างเล็กที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ไม่ต้องร้อง…”
มือหนาลูบศีรษะทุยอย่างปลอบโยน คนที่เอาแต่ร้องไห้รีบเงยหน้าขึ้นสบตากับผู้มาใหม่ เพียงเท่านั้นเด็กสาวก็ปล่อยโฮลั่น
“คุณอา” ร่างเล็กโผเข้ากอดหนุ่มใหญ่ทันที ซบใบหน้าที่แปดเปื้อนไปด้วยน้ำตากับอกแกร่ง “คุณพ่อ คุณพ่อ…”
“อารู้… ไม่ต้องกลัวนะ พ่อเราจะต้องปลอดภัย เชื่ออา”
เสียงเข้มที่ปลอบคนไม่ค่อยจะเป็น โดยเฉพาะปลอบผู้หญิงที่กำลังร้องไห้พยายามเป็นที่พึ่งให้กับหลานสาว
“หนูกลัวค่ะคุณอา หนูกลัวคุณพ่อจะ…”
“ไม่เอาสิ พ่อเราถึงมือหมอแล้วต้องไม่เป็นอะไร อย่าเพิ่งหมดกำลังใจสิ”
“แต่เลือดค่ะคุณอา ละ เลือดคุณพ่อ เลือดคุณพ่อเต็มไปหมดเลย ฮือๆ” เด็กสาวเอาแต่ร้องไห้ท่าเดียว
หัวใจดวงน้อยกำลังหวาดกลัว กลัวว่าประวัติศาสตร์มันจะซ้ำรอยเหมือนเมื่อแปดปีก่อน ตอนที่มารดาเสีย
เธอไม่อยากพบเจอเหตุการณ์อันเลวร้ายแบบนั้นอีกแล้ว มันทรมานจนแทบไม่อยากหายใจ ถ้าเกิดบิดาทิ้งเธอไปตอนนี้แล้วเธอจะทำอย่างไร จะอยู่ยังไง ในเมื่อเธอไม่เหลือใครอีกแล้วนอกจากท่าน ท่านคนเดียว…
คุณพ่อที่เธอรักสุดหัวใจ
พลั่ก!
เหมือนประตูสวรรค์เปิด เมื่อคุณหมอท่านหนึ่งเปิดประตูเดินออกมาจากห้องผ่าตัด บรรดาพยาบาลสามสี่คนเดินรั้งท้าย
“หมอคะ พ่อหนูเป็นยังไงบ้างคะหมอ คุณพ่อปลอดภัยดีใช่ไหมคะ ใช่ไหมคะหมอ” คนพูดเขย่าแขนคนตรงหน้า จนผู้เป็นอาต้องมาห้ามปราม
“ใจเย็นๆ นะ ปล่อยคุณหมอเขาก่อน” ชายหนุ่มเข้ามากอดร่างเล็กเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยถามอีกครา
“คนไข้เป็นยังไงบ้างครับคุณหมอ?”
บุคคลที่สวมใส่ชุดกาวน์ถอนหายใจอย่างอ่อนล้า…
“หมอเสียใจด้วยนะครับ เราทำดีที่สุดแล้ว แต่ว่า…”
“แต่อะไรคะหมอ แต่อะไร” เด็กสาวใจเต้นแรง
ขอให้คำตอบที่เธอจะได้รับมันไม่ใช่แบบนั้น
“คนไข้ทนพิษบาดแผลไม่ไหว สิ้นใจแล้วครับ”
เหมือนฟ้าผ่าลงกลางศีรษะ
ร่างเล็กทรุดตัวลงกับพื้น โดยมือฝ่ามือหนาของชายหนุ่มคอยประคองไว้ไม่ห่าง ดวงตาคมเข้มสงสารเด็กสาวในอ้อมกอดที่สุด
“ไม่จริง ไม่จริง ไม่จริง…” ส่ายหน้าทั้งน้ำตา เม้มริมฝีปากแน่น “คุณพ่อยังอยู่ คุณพ่อยังไม่ตาย คุณพ่อยังไม่ตาย คุณพ่อยังไม่ตาย!” เด็กสาวตะโกนลั่น
“หมอโกหก คุณพ่อยังไม่ตาย ท่านยังอยู่ หมอโกหก หมอโกหก ฮือ หมอโกหก โกหก!” มือเล็กทุบตีไปตามร่างกายนายแพทย์
“พอแล้วอย่าทำแบบนี้ พ่อเราเขาไปสบายแล้ว อย่าทำแบบนี้” ชายหนุ่มรั้งร่างบางเข้าสู่อ้อมกอดอีกครั้ง
“ไม่จริง! ไม่เชื่อ! ต้องไม่เป็นแบบนี้ กรี๊ด! คุณพ่อยังอยู่ ท่านยังอยู่ ม่าย!”
และแล้วสติของคนใจสลายก็ดับวูบลงอย่างน่าเวทนา
อากาศยามเช้าอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความสดชื่น… และสว่างจ้าไปด้วยแสงแดดอันแรงกล้า เสียงนกร้องประสานกันอย่างเพราะพริ้งปลุกคนที่กำลังหลับไหลให้ลืมตาตื่นขึ้นมาราวกับเวทย์มนต์สั่งได้ ร่างบางกวาดมองไปทั่วห้องเหมือนทุกครั้ง ก่อนจะบิดไล่ความเมื่อยล้าต่างๆ นานาให้หลุดพ้นไปจากตัว แล้วลุกขึ้นนั่งพิงหลังกับหัวเตียง
มัทนา สดชื่นทุกครั้งที่ได้ตื่นขึ้นมารับแสงอรุณยามเช้า…
“เฮ้อ…” เสียงหวานถอนหายใจเมื่อสมองประมวลได้ว่าวันนี้ก็จะเหมือนทุกๆ วัน ที่ตื่นเช้ามาก็อาบน้ำแต่งตัวล้างหน้าแปรงฟัน ลงไปทานข้าวแล้วก็ปิดท้ายด้วยการนอน
ไม่ใช่เพราะเธอเกียจคร้านหรืออย่างไร แต่เป็นเพราะเธอไม่ได้มีหน้าที่อันใดให้ทำเสียมากกว่า ครั้นจะไปช่วยบรรดาแม่บ้านหยิบจับงานในครัวก็ถูกห้ามเสียยกใหญ่ นั่นเป็นเพราะทุกคนกลัวว่าจะโดนตำหนิจากผู้เป็นเจ้าของบ้าน ที่ทั้งเนี๊ยบและดุยิ่งกว่าเสือ
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้งตามมารยาท
“ใครคะ” ร่างบางตะโกนถาม
“อาเอง” เสียงเข้มที่ฟังแวบเดียวก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มกำลัง รีบลุกขึ้นยืนสำรวจตัวเองตรงหน้ากระจกเงาบานใหญ่ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องต้อนรับผู้มาเยือน
“เพิ่งตื่นเหรอ”
ถามพลางกับมองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ค่ะคุณอา”
“รู้ใช่ไหมว่าอาจะมาพูดกับเราเรื่องอะไร”
เสียงเข้มเริ่มจริงจัง
“ทราบค่ะ” ร่างบางก้มหน้าลงเล็กน้อย
“อาบอกหลายครั้งแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปยุ่งวุ่นวายงานในครัว และไม่ว่าจะงานอะไรก็แล้วแต่ ปล่อยให้มันเป็นหน้าที่ของพวกแม่บ้านและคนงานคนสวนเขาทำกันไป เราเป็นหลานอา เป็นเจ้าของบ้านคนหนึ่งเหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องไปทำอะไรแบบนั้น เข้าใจหรือเปล่า” ชายหนุ่มร่างสูงร่ายยาวเหยียด
ชินภัทร์ จำไม่ได้แล้วว่าดุร่างบางในเรื่องนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่
“แต่คุณอาคะ หนูเบื่อค่ะ ปิดเทอมตั้งหลายเดือนอยู่บ้านเฉยๆ มันจะง่อยรับประทานเอานะคะ” เสียงหวานพูดติดตลก
แต่คนตรงหน้ากลับไม่ขำเสียนี่
“ขอโทษค่ะคุณอา…” ยกมือไหว้ตามระเบียบ