"ได้สิคะรองผู้บัญชาการหลิว"
เม่ยหลิงตอบรับ
"ฉันยินดีที่จะกลับไป แต่ฉันเชื่อว่าคุณคงจำเงื่อนไขข้อที่สองของฉันได้...การที่ฉันกลับไป... ก็เพื่อรักษาเกียรติยศของคุณในฐานะภรรยาเท่านั้นค่ะ"
หลิวเหว่ยเฉิงพยายามซ่อนความขุ่นเคืองไว้ภายใต้ท่าทีที่เย็นชา เขาใช้โทรศัพท์สาธารณะในโรงแรมสั่งการโอนเงินก้อนแรกตามที่ตกลงกันไว้ทันที
ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงต่อมา ซูเม่ยหลิงก็ได้รับการยืนยันการโอนเงินจำนวนมหาศาล
"คุณซู ยอดเงินนี้..."
เซียวหานที่เข้ามารายงานตัวเพื่อเตรียมการเดินทางในวันรุ่งขึ้นถึงกับตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง
"เพียงพอต่อการซื้อโรงงานที่เราดูไว้แล้วค่ะคุณเซียว"
เม่ยหลิงกล่าวอย่างราบรื่น
"คุณไม่ต้องกังวลเรื่องการกลับไปของฉันนะคะ ธุรกิจของเราจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และฉันจะควบคุมทุกอย่างจากนครหลวงเอง"
เธอหันไปมองเซียวหาน
"และเนื่องจากสถานะของฉันในตอนนี้คือ ภรรยาที่มีอิสระในการใช้ชีวิต ฉันขอให้คุณช่วยทำหน้าที่ ที่เสิ่นเจิ้นแทนฉัน รวมถึงการร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ทางธุรกิจที่สำคัญด้วย"
การกลับไปอย่างง่ายดายของซูเม่ยหลิง... คือการทำให้เขาคิดว่าเขาชนะ แต่ในความเป็นจริง เธอจะใช้ตำแหน่งคุณนายหลิวเป็นเกราะป้องกันและเป็นแหล่งเงินทุนต่างหาก
คฤหาสน์ตระกูลหลิวในเช้าของวันต่อมา
ซูเม่ยหลิงกลับมาครั้งนี้สร้างความแปลกใจให้กับคนในบ้านอย่างมาก โดยเฉพาะป้าแม่บ้านที่รู้สึกว่านายหญิงคนนี้แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
เม่ยหลิงตรงไปที่ห้องนอนของหลิวเหว่ยเฉิงทันทีที่กลับมาถึง และย้ายเสื้อผ้าของตัวเองออกมาทั้งหมด
"คุณนายจะย้ายไปไหนหรือคะ?"
ป้าแม่บ้านถามอย่างตกใจ
"ฉันจะย้ายไปห้องรับแขกค่ะ"
เม่ยหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง ๆ
"ฉันกับรองผู้บัญชาการหลิว เราจะแยกสถานะและห้องนอนกันสักพัก"
หลิวเหว่ยเฉิงยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องโดยไม่ได้พูดอะไร ได้แต่จ้องมองภรรยาที่ครั้งหนึ่งเคยวิ่งตามเขาด้วยความรักอย่างหมดหัวใจ แต่บัดนี้กลับทำเหมือนเขาเป็นเพียง เพื่อนร่วมบ้านที่ไม่มีความสำคัญทางความรู้สึกใด ๆ
หลังการกลับมาครั้งนี้ หลิวเหว่ยเฉิงไม่ได้พบหน้าภรรยาของเขาง่าย ๆ เม่ยหลิงใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในห้องทำงานส่วนตัวของเธอเพื่อติดต่อธุรกิจกับเสิ่นเจิ้น และปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม เว้นแต่จะเป็นงานที่เป็นทางการที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งของเขาจริง ๆ
ความเย็นชาและความห่างเหินของเธอ กลับทำให้ไฟแห่งความต้องการครอบครองตัวของเธอในใจหลิวเหว่ยเฉิงลุกโชนขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
เขาหยิบภาพถ่ายที่ยับยู่ยี่ซึ่งเป็นภาพของซูเม่ยหลิงที่ยิ้มอย่างมีความสุขกับเซียวหานออกมาดูอีกครั้ง
‘ทำไมเธอถึงมีความสุขได้ขนาดนี้เมื่ออยู่กับผู้ชายคนอื่น!’
เขาสั่งให้ จางเฟิงหาข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับเซียวหานและการเคลื่อนไหวของบริษัทซูเม่ยหลิงในเสิ่นเจิ้นอย่างละเอียดถี่ถ้วนที่สุด
"จางเฟิง! รายงานทุกการเคลื่อนไหวของภรรยาฉันมาให้ฉันรับรู้ตลอดเวลา"
หลิวเหว่ยเฉิงไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังติดกับดักที่ซูเม่ยหลิงวางไว้ และไม่รู้ตัวเลยว่า เขากำลังใช้เวลาและอำนาจทั้งหมดของเขาไปกับการจับจ้องผู้หญิงที่เขาไม่เคยต้องการความรักจากเธอเลยในชาติก่อน
หลิวเหว่ยเฉิงทนความหงุดหงิดที่ต้องเห็นซูเม่ยหลิงทำตัวเป็นอิสระอยู่ในคฤหาสน์เดียวกันต่อไปไม่ไหว เขาเดินตามเธอไปยังห้องทำงานส่วนตัวที่เธอจัดไว้ติดกับห้องแขก ก่อนที่เขาจะทันได้เคาะประตู เม่ยหลิงก็เปิดประตูออกมาพอดี
เธอกำลังถือแฟ้มเอกสารในมือ ใบหน้างดงามบ่งบอกถึงความสุขในการทำงานมากกว่าเขาที่เป็นสามี
"อ้าว เหว่ยเฉิง มีอะไรหรือคะ?"
เม่ยหลิงถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นกันเอง แต่สำหรับหลิวเหว่ยเฉิงแล้วมันแฝงความห่างเหินยิ่งกว่าระยะทางเป็นหมื่นเป็นพันลี้
หลิวเหว่ยเฉิงไม่ได้ตอบ เขาจ้องมองไปยังใบหน้าของเธอ พลันสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นกระดาษโน้ตแผ่นเล็ก ๆ ที่หลุดออกมาจากแฟ้มของเธอ เขียนไว้ว่า
'โทรหาคุณเซียวหานเพื่อยืนยันการเซ็นสัญญาที่ดินพรุ่งนี้เช้า'
ความโกรธที่สั่งสมมาหลายวันถึงจุดเดือด เขายื่นมือออกไปคว้ากระดาษโน้ตนั้นมาดูทันที
"นี่มันอะไร!"
หลิวเหว่ยเฉิงตวาด
"ฉันให้เธอทำธุรกิจได้! แต่ไม่ได้อนุญาตให้เธอไปพัวพันกับไอ้พ่อค้าสกปรกคนนั้นอย่างใกล้ชิด!"
เม่ยหลิงไม่แสดงความตกใจเลยแม้แต่น้อย เธอเพียงแค่ยื่นมือออกไปรับกระดาษคืนอย่างใจเย็น
"ก็แค่การยืนยันทางธุรกิจค่ะ รองผู้บัญชาการหลิว ฉันกับคุณเซียวหานเรากำลังร่วมลงทุนกันในการขยายกิจการไปสู่ภาคอุตสาหกรรมในเสิ่นเจิ้น ซึ่งต้องอาศัยการประสานงานอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว"
"ประสานงานอย่างใกล้ชิดจนถึงขั้นต้องพักผ่อนในห้องวีไอพีด้วยกันอย่างนั้นหรือ!"
หลิวเหว่ยเฉิงตะคอก เขาเพิ่งเห็นภาพถ่ายเหล่านั้นอีกครั้งก่อนจะมาหาเธอ
เม่ยหลิงสบตาเขาอย่างไม่หลบเลี่ยง แววตาของเธอแข็งกร้าวและไร้ความรู้สึก
"นั่นมันธุรกิจของฉัน คุณไม่มีสิทธิ์ซักถามตามเงื่อนไขในข้อตกลงที่เราเพิ่งทำกันไปเมื่อคืนนี้ คุณลืมมันไปแล้วหรือคะ?"
เธอเหยียดยิ้มเล็กน้อย
"คุณควรจะสนใจเรื่องที่ว่าคุณควรจะกลับไปที่ห้องนอนของคุณ หรือไปหาคนที่คุณรักจริง ๆ จะดีกว่านะคะ ส่วนเรื่องธุรกิจ... ฉันจะดูแลมันด้วยตัวฉันเอง"
คำพูดที่เย็นชาและไร้ความรักของเม่ยหลิงกลับสร้างความเจ็บปวดให้หลิวเหว่ยเฉิงอย่างประหลาด ความโกรธของเขาไม่ได้มาจากความหึงหวง แต่มาจากความรู้สึกที่ถูกหญิงสาวละเลย จากคนที่เขาเคยเห็นว่าเป็นของตายมาก่อน
เขายืนกำหมัดแน่นอยู่ที่หน้าห้องของเธอ ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปที่ห้องของตัวเองอย่างรวดเร็ว ไม่ได้ประชดประชันแต่เพราะหมดปัญญาที่จะตามเธอกลับมาอยู่ในห้องนอนเดียวกันดังเดิมได้อีก ความรู้สึกอับจนหนทางนี้เป็นสิ่งที่หลิวเหว่ยเฉิงไม่เคยคิดว่าต้องเผชิญมาก่อนในชีวิต
หลิวเหว่ยเฉิงเดินกลับมายังห้องนอนใหญ่ที่ตอนนี้กลายเป็นห้องนอนเดี่ยวของเขาอย่างรวดเร็ว เขาล้มตัวลงนั่งบนขอบเตียงอย่างหมดแรง ไม่มีซูเม่ยหลิงอยู่ตรงนี้กลับทำให้เขาหายใจลำบากเขาหยิบโทรศัพท์สายตรงขึ้นมา แต่ไม่ได้กดหมายเลขใด ๆ มือของเขาสั่นเล็กน้อย ความคิดของเขาเต็มไปด้วยความขัดแย้ง
เขาชนะแล้ว! เขาซื้อเวลาไว้ได้ และสถานะทางการของเขายังมั่นคง ใบหย่าถูกระงับ และเงินที่เสียไปก็แค่การลงทุนเพื่อรักษาชื่อเสียงเท่านั้น
ในขณะเดียวกันความคิดอีกฟากก็ดังขึ้นมาในหัว!
แท้จริงแล้วเขากำลังแพ้ต่างหาก! เขาถูกผู้หญิงที่เคยบอกซ้ำๆว่าไม่ได้รักเธอ บีบบังคับให้ยอมจำนนต่อข้อตกลงที่บ้าบอ และตอนนี้เธอกำลังใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและตื่นเต้นกับผู้ชายคนอื่น โดยไม่สนใจเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
จู่ ๆ หลิวเหว่ยเฉิงก็ลุกขึ้นพรวดพราด เขาเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าของตัวเอง และพบว่าตู้เสื้อผ้าของซูเม่ยหลิงที่อยู่ข้างกันนั้นว่างเปล่าไม่มีชุดราตรี ไม่มีชุดกี่เพ้า ไม่มีกลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ที่เขาเคยชิน... เม่ยหลิงได้เอาทุกสิ่งทุกอย่างที่บ่งบอกถึงสถานะการเป็นภรรยาของเขาออกไปจากห้องนี้หมดแล้ว
ความรู้สึกสูญเสียที่ไม่ใช่ทางกายภาพ แต่เป็นทางจิตใจเข้าโจมตีเขาอย่างหนัก เขาถูกปฏิเสธ โดยคนที่ครั้งหนึ่งเคยยกโลกทั้งใบให้เขา
หลิวเหว่ยเฉิงกำมือแน่นจนเล็บจิกเนื้อ เขาพยายามบอกย้ำตัวเองอีกครั้งว่าเขาไม่ได้รักซูเม่ยหลิง ทว่า กลับถูกความเฉยชาและความสุขที่เธอแสดงออกต่อหน้าคนอื่นตอนไม่มีเขานั้นทำลายฐิติภายในใจอย่างช้า ๆ
"เม่ยหลิง... เธอคิดว่าการหลีกหนีฉัน แล้วเรื่องทุกอย่างจะจบอย่างนั้นหรือ?"
เขาพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบ
"ฉันจะให้เธอมีอิสระ... แต่ฉันจะทำลายความสุขของเธอจนกว่าเธอจะกลับมามองฉันอีกครั้ง"