ซูเม่ยหลิงตื่นเช้ากว่าปกติ เธอเดินลงมาในห้องอาหารด้วยท่าทีที่สง่างาม ถึงกระนั้นประสบการณ์ในชีวิตที่ผ่านมาเจ็บปวดปวดพอที่จะทำให้แฝงไปด้วยความเยือกเย็น
เธอสวมชุดกี่เพ้าผ้าไหมจีนที่ดูมีสไตล์ทันสมัยตามแบบฉบับเซี่ยงไฮ้ยุค 80s และที่แตกต่างออกไปคือ... เธอไม่ได้เข้าไปในครัวเพื่อดูแลความเรียบร้อยของอาหารเช้าด้วยตัวเองเหมือนเคย
หลิวเหว่ยเฉิงเดินเข้ามาในห้องอาหารด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมตามปกติ ในชุดเครื่องแบบทหารที่เนี้ยบกริบ เขายังคงเป็นรองผู้บัญชาการที่กำลังไต่เต้าอย่างรวดเร็ว โดยมีแรงสนับสนุนสำคัญจาก ท่านนายพลซูพ่อตาของเขา
เขามองไปยังที่นั่งของภรรยาด้วยความแปลกใจเล็กน้อย ปกติเม่ยหลิงจะรอเขาก่อนและจะยิ้มต้อนรับอย่างอ่อนโยนเสมอ แต่เช้านี้ เธอกำลังนั่งจิบชาและอ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจฉบับล่าสุดอย่างตั้งใจ โดยไม่มีแม้แต่เงยหน้าขึ้นมามองเขา
"อรุณสวัสดิ์"
หลิวเหว่ยเฉิงกล่าวทักทายอย่างเป็นทางการ
"อรุณสวัสดิ์ค่ะ รองผู้บัญชาการหลิว"
เม่ยหลิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้ความรู้สึกแต่ก็สุภาพตามมารยาท
เธอยังคงอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ ไม่ได้วางตะเกียบหรือรินชาให้เขาเหมือนที่เคยทำมาตลอดหลายปี หลิวเหว่ยเฉิงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่เลือกที่จะนั่งลงและรับประทานอาหารเงียบ ๆ
เมื่ออาหารเกือบจะหมดจาน เม่ยหลิงก็วางหนังสือพิมพ์ลง เธอมองตรงไปยังหลิวเหว่ยเฉิง ดวงตาของเธอไม่ได้มีแววแห่งความรักหรือความอ้อนวอนอีกต่อไปแล้ว นอกจากความเย็นชาและเฉยเมย
"ฉันมีเรื่องสำคัญต้องคุยกับคุณค่ะเหว่ยเฉิง" เธอใช้ชื่อเขาตรง ๆ ด้วยน้ำเสียงที่เป็นกันเองแต่ห่างเหินแบบชัดเจนมาก
หลิวเหว่ยเฉิงเลิกคิ้วเล็กน้อย
"ว่ามา"
"เรื่องเงินค่ะ" เม่ยหลิงเกริ่นอย่างตรงไปตรงมาเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาอันมีค่าของเขา
"ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป บัญชีการเงินส่วนตัวของเราจะแยกออกจากกัน"
เขาชะงักตะเกียบ
" นี่เธอพูดอะไรไม่เข้าท่า?"
"เข้าท่าสิคะ"
เม่ยหลิงยิ้มบางเบา เป็นรอยยิ้มที่เขาไม่คุ้นเคยและรับรู้ได้ว่าเช้านี้เธอไม่เหมือนเดิม เพราะปกติเม่ยหลิงไม่เคยมีความคิดอะไรแบบนี้ ยิ่งเรื่องที่จะแยกอะไรออกจากกันยิ่งเป็นไปได้ยากมาก
"คุณมีชีวิตส่วนตัวของคุณ ฉันก็ควรจะมีชีวิตส่วนตัวของฉันเช่นกัน ทรัพย์สินและค่าใช้จ่ายของคฤหาสน์นี้ ตลอดจนการดูแลตระกูลหลิว ยังคงเป็นความรับผิดชอบของฉันในฐานะบุตรสาวท่านนายพล แต่เงินเดือนและรายได้อื่น ๆ ของคุณ และเงินส่วนตัวของฉัน จะถูกแยกออกจากกันอย่างชัดเจน"
เธอหยิบบัญชีธนาคารสองเล่มวางบนโต๊ะ
"นี่คือบัญชีที่คุณต้องโอนเงินส่วนตัวของคุณออกจากบัญชีร่วมเดิมนะคะ คุณจะได้ไม่ต้องกังวลว่าเงินของคุณจะถูกนำไปใช้อย่างไร และฉันเองก็ไม่ต้องการให้เงินส่วนตัวของฉันถูกนำไปใช้ในเรื่องที่คุณไม่ต้องการ... หรือกับใครที่คุณต้องการ"
ประโยคสุดท้าย เม่ยหลิงจงใจตอกย้ำ หลิวเหว่ยเฉิงหน้าตึงขึ้นทันที สีหน้าของเขาแสดงชัดถึงความไม่พอใจ
"เธอไม่ไว้ใจฉันเหรอเม่ยหลิง?" เขาพยายามใช้เสียงที่แสดงถึงอำนาจ
"ฉันไว้ใจคุณค่ะ รองผู้บัญชาการหลิว ฉันแค่เชื่อว่าความเป็นอิสระทางการเงินจะนำมาซึ่งความสงบสุขในการอยู่ร่วมกันของเรา เมื่อเราไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับเงินของกันและกัน ก็จะไม่มีคำถามเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว... คุณจะได้มีอิสระอย่างแท้จริงที่จะไปทำธุระส่วนตัวของคุณอย่างสบายใจ"
เหตุผลตรงไปตรงมาแต่แฝงความหมายบางอย่างที่รู้ทันแต่ไม่พูดออกมาตรงๆของซูเม่ยหลิงทำให้เขายอมจำนน เพราะเหว่ยเฉิงเองก็ไม่อยากให้เธอรู้เรื่องการใช้เงินกับซูเยว่เช่นกัน
"ถ้าเธอต้องการแบบนั้นก็ตามใจเถอะ"
เขาตอบอย่างเย็นชาก่อนจะลุกขึ้นยืน
"แต่เธอต้องไม่ทำให้ตระกูลหลิวเสียชื่อเสียง!"
"แน่นอนค่ะ ฉันเป็นถึงบุตรสาวของท่านนายพลซู ฉันย่อมรู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ"
หลิวเหว่ยเฉิงเดินออกจากห้องไปด้วยความรู้สึกหงุดหงิดและความสับสนอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนกับภรรยาคนนี้ เม่ยหลิงเปลี่ยนไป... เหมือนผู้หญิงอีกคนที่เขาไม่รู้จักกันเลย
หลังจากนั้น ซูเม่ยหลิงก็เริ่มหาช่องทางเดินชีวิตใหม่ในชาตินี้ของเธอทันที เธอจะไม่ได้เสียเวลาไปกับสามีที่ไม่รักอีกแล้ว เธอจะใช้ทรัพย์สมบัติมหาศาลของเธอเอง เริ่มต้นทำธุรกิจนำเข้าส่งออกขนาดเล็กอย่างรวดเร็ว
เธอรู้ว่าในยุค 80s ที่จีนเพิ่งเปิดประเทศ มีช่องทางมากมายในการทำเงิน เธอมุ่งเน้นไปที่การนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยและทันสมัยจากฮ่องกงและต่างประเทศ เช่น เสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องสำอาง และเครื่องใช้ไฟฟ้าเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คนรวยและชนชั้นสูงกระหายอยากได้
เม่ยหลิงติดต่อไปยังทนายความที่ไว้ใจได้ และเริ่มมองหาเช่าอาคารสำนักงานในย่านการค้าสำคัญ เธอใช้เครือข่ายความสัมพันธ์ของบิดาในการจัดการเรื่องเอกสารและใบอนุญาตแน่นอนว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น
ในสายตาของคนนอก เธอยังคงเป็น คุณนายหลิวภรรยาของรองผู้บัญชาการทหารที่มีอนาคตไกล แต่ในโลกธุรกิจ เธอคือคุณซูนักธุรกิจหญิงผู้เด็ดขาดและเฉลียวฉลาด
"คุณซู เงินชุดแรกถูกนำไปลงทุนในเครื่องสำอางจากฝรั่งเศสทั้งหมดเลยเหรอคะ? มันแพงมากนะคะ"
ผู้ช่วยสาวคนใหม่ถามอย่างกังวล
เม่ยหลิงยิ้มอย่างมั่นใจ
"คุณไม่ต้องกังวลค่ะ ลงทุนสูงก็หมายถึงกำไรที่สูงขึ้นเช่นกัน สินค้าพวกนี้จะไปถึงมือภรรยาและบุตรสาวของบรรดาผู้นำและนักธุรกิจใหญ่ ๆ ในนครหลวง พวกเธอและเขาต้องการสินค้าเหล่านี้เพื่อแสดงสถานะทางสังคมค่ะ"
เม่ยหลิงมีความรู้เรื่องจิตวิทยาการตลาดในยุคที่กำลังเปลี่ยนผ่านนี้อย่างลึกซึ้ง เธอรู้ว่าอะไรจะดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคที่เริ่มมีกำลังซื้อ
ในชาติก่อนเพราะความโง่งมกับเรื่องความรักจึงปิดบังความสามารถที่ไม่เคยได้นำมาใช้จริง ๆของเธอเลยสักครั้ง ช่างน่าสมเพชตัวเองเหลือเกิน
เมื่อธุรกิจเริ่มขยับขยาย ปัญหาที่ตามมาคือเรื่องการขนส่งและเส้นสายที่จำเป็นในการผ่านด่านศุลกากรอย่างรวดเร็วและราบรื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากมากในยุคนี้
เม่ยหลิงจึงตัดสินใจติดต่อ เซียวหาน
เซียวหาน เป็นชายหนุ่มที่รู้จักกันในวงสังคมสีเทา เขาเป็นที่รู้กันดีว่ามี เส้นสาย ที่ยอดเยี่ยมในการจัดการกับสินค้าที่นำเข้าจากทางใต้ เขาเป็นคนฉลาด มีไหวพริบ และมีเครือข่ายที่แข็งแกร่ง แม้ว่าหลายคนจะมองว่าเขาเป็นคนเจ้าชู้ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับเม่ยหลิง
หญิงสาวติดต่อนัดพบเซียวหานที่ร้านน้ำชาเก่าแก่แห่งหนึ่งในมุมเมือง เธอสวมชุดที่ดูสุภาพแต่ความมั่นใจเต็มเปี่ยม
เซียวหานมาถึงในชุดเสื้อนอกหนังสีดำที่ดูทันสมัยเกินไปสำหรับยุคสมัย เขามีรอยยิ้มกว้าง ๆ และดวงตาที่เต็มไปด้วยประกายของความเจ้าเล่ห์
"ไม่คิดเลยว่า คุณนายหลิวจะให้เกียรติมาพบผมถึงที่นี่"
เซียวหานกล่าวอย่างสุภาพแต่มีความเจ้าเล่ห์แอบแฝงอยู่ในสายตานั้นตลอดเวลา
"ฉันมาในฐานะนักธุรกิจค่ะคุณเซียว ฉันรู้ว่าคุณมีความสามารถในการจัดการเรื่องขนส่งสินค้าเข้า-ออกประเทศอย่างไม่มีใครเทียบได้ ฉันอยากให้คุณเป็นหุ้นส่วนของฉันในส่วนนี้"
เซียวหานหัวเราะเบา ๆ
"ผมสนใจในข้อเสนอนะครับ คุณซู แต่ผมสนใจคุณมากกว่า"
เขามองเธออย่างเปิดเผย
"คุณสวย สง่างาม และเก่งกาจในเรื่องธุรกิจ แต่เมื่อก่อนผมไม่เคยเห็นมุมนี้ของคุณเลย เหตุใดคุณถึงดูเปลี่ยนไป?"
"ชีวิตสอนให้คนเราเติบโตค่ะ"
เม่ยหลิงกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้านต่อสายตาอันเร่าร้อนของเขา "คุณเซียวไม่ต้องสนใจชีวิตส่วนตัวของฉัน สนใจแค่ผลกำไรที่จะเกิดขึ้นจากการร่วมมือของเราก็พอ"
"แน่นอนครับ" เซียวหานยิ้มอย่างพึงพอใจ
"ผมจะรับรองว่าสินค้าของคุณจะมาถึงตามกำหนดและไร้ปัญหาใด ๆ... ส่วนเรื่องผลกำไร คุณไม่ต้องกังวล ผมรับรองว่ามากพอที่จะทำให้ตระกูลหลิวถึงกับต้องตกใจเลยทีเดียว"
การพบกันครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่น ซูเม่ยหลิงได้ "เซียวหาน" มาร่วมมือในการทำธุรกิจ เซียวหานเป็นคนที่มีเสน่ห์ แต่..สำหรับเธอ เสน่ห์เหล่านั้นไม่เป็นผลกับหัวใจที่เคยบอบช้ำจนมันสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเป็นดี สิ่งที่เธอต้องการคือทางเดินชีวิตที่ดีขึ้นและ ผู้ชายอย่างหลิวเหว่ยเฉิงจะต้องมาอยู่แทบเท้าของเธอเองโดยที่เธอไม่ต้องร้องขอ
เขาจะต้องเสียใจและชดใช้ที่เคยละเลยฉันในชาติก่อน!