"เป็นไปไม่ได้!"
เสียงของท่านนายพลซูดังมาตามสายด้วยความโกรธทันทีที่ได้รับทราบรายละเอียดจากผู้เป็นบุตรีอันเป็นที่รักเพียงคนเดียว
"ใครกล้ามาแตะต้องธุรกิจของลูกสาวฉัน! ฉันจะจัดการให้เด็ดขาด!"
"ลูกต้องการให้พ่อใช้อำนาจที่มีอยู่ทั้งหมด เพื่อออกคำสั่งให้ยกเลิกการระงับสินค้าในทันทีค่ะ"
เม่ยหลิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน
"ลูกเชื่อว่าการโจมตีครั้งนี้ไม่ได้หวังผลแค่เรื่องธุรกิจ แต่เป็นการ ลองเชิงอำนาจของคุณพ่อด้วยค่ะ"
ประโยคสุดท้ายของเม่ยหลิงกระตุ้นความรู้สึกในฐานะผู้นำของบิดาได้อย่างตรงจุดที่สุด ท่านนายพลซูผู้ไม่เคยยอมให้ใครหน้าไหนมาท้าทายอำนาจ เม่ยหลิงรู้นิสัยข้อนี้ของบิดาเป็นอย่างดี หลิวเหว่ยเฉิงคงลืมไปว่าเธอเป็นบุตรสาวของใคร
"ลูกไม่ต้องกังวลเม่ยหลิง พ่อจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยก่อนเที่ยงวันนี้! และพ่อจะส่งคนสนิทไปดูแลการขนส่งของลูกเอง"
ในเวลาเดียวกันนั้น หลิวเหว่ยเฉิงกำลังนั่งอยู่ในค่ายทหารอย่างพึงพอใจ เขาแน่ใจว่าซูเม่ยหลิงกำลังวุ่นวายและจะต้องโทรมาขอร้องให้เขาช่วยอย่างแน่นอน
แต่ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงของภรรยา เสียงโทรศัพท์สายตรงจากสำนักงานใหญ่ของกองทัพกลับดังขึ้น
"ท่านรองผู้บัญชาการหลิว! มีคำสั่งด่วนที่สุดจากท่านนายพลซู ให้ยกเลิกคำสั่งระงับสินค้าที่ด่านศุลกากรทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับบริษัทนำเข้าของบุตรสาวท่านอย่างไม่มีเงื่อนไข!"
"อะไรนะ!"
หลิวเหว่ยเฉิงลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ
"และท่านนายพลซูได้เน้นย้ำมาด้วยว่า ไม่ให้ใครหน้าไหนก็ตามที่เกี่ยวข้องกับกองทัพ เข้ามาแทรกแซงกิจการทางเศรษฐกิจของพลเรือนที่ถูกต้องตามกฎหมายอีก' "
ใบหน้าของหลิวเหว่ยเฉิงซีดเผือด การโจมตีของเขาถูกตอบโต้กลับอย่างรวดเร็วและรุนแรงที่สุด โดยผู้มีอำนาจที่สูงกว่าเขามากนัก และเป็นการตอบโต้ที่ทำลายความชอบธรรมในการใช้อำนาจของเขาอย่างสิ้นเชิง!
หลิวเหว่ยเฉิงเข้าใจทันทีว่า ซูเม่ยหลิงไม่ได้โทรมาขอความช่วยเหลือจากเขาแต่ไปขอความช่วยเหลือจากท่านนายพลซูบิดาของเธอแทน ซึ่งมีอำนาจเหนือกว่าเขาหลายเท่าตัว ถ้าเขาทำอะไรไปมากกว่านี้มีสิทธิ์หลุดจากตำแหน่งได้
เธอไม่ได้โง่! เธอฉลาดหลักแหลมกว่าที่ฉันคิดไว้มากนัก!
เกมนี้ซูเม่ยหลิงเป็นผู้ชนะอย่างงดงาม หลิวเหว่ยเฉิงกำกรามแน่นจนสันเป็นนูนด้วยความขุ่นเคืองที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ความรู้สึกพ่ายแพ้และถูกลดทอนอำนาจเป็นครั้งแรกนี้หนักหนาสาหัสกว่าการสูญเสียใด ๆ ทั้งสิ้น
เขากำลังทำให้เธอหลุดลอยห่างไกลไปมากกว่าเดิม
"เพราะอะไรกัน!?"
เขาคำรามออกมาก่อนจะกวาดทุกอย่างบนโต๊ะกระแทกลงไปบนพื้นด้านล่างจนเกิดเสียงดังกระทบสนั่นไปทั่วห้อง ความคับแค้นและความปรารถนาที่จะครอบครองซูเม่ยหลิงให้ได้ลุกโชนขึ้นมาภายในใจอย่างแรงกล้าและบ้าคลั่งมากกว่าเดิม
เม่ยหลิงเดินเข้ามาในห้องด้วยชุดนอนผ้าไหมสีพื้น ใบหน้าของเธอสงบนิ่ง เรื่องวันนี้เธอไม่ได้โกรธหหรือคับแค้นอะไรใครทั้งนั้น เธอเพียงต้องการดำเนินธุรกิจของเธอต่อไป
หญิงสาวเดินตรงไปยังโทรศัพท์ที่มุมห้อง เพื่อโทรศัพท์ทางไกลไปยังเสิ่นเจิ้น
"คุณเซียวหานคะ"
เสียงของเม่ยหลิงอ่อนโยนนุ่มนวล น้ำเสียงทุกครั้งที่เอื้อนเอ่ยสดใสมีชีวิตชีวาอย่างที่หลิวเหว่ยเฉิงไม่เคยได้ยินเธอพูดกับเขามาก่อน
"สินค้าออกจากด่านแล้วใช่ไหมคะ? ดีมากค่ะ... ส่วนเรื่องที่ดินนั้น ฉันเชื่อว่าคุณจะจัดการได้เรียบร้อย คุณเซียวคะพักผ่อนบ้างนะคะ คุณทำงานหนักมากค่ะ"
บทสนทนา ที่เต็มไปด้วยความใส่ใจและความไว้ใจที่มอบให้ เซียวหาน ประหนึ่งมีดที่กรีดลงมาบนหัวใจของหลิวเหว่ยเฉิง
เมื่อเม่ยหลิงวางสายลง เธอหันกลับมาเผชิญหน้ากับหลิวเหว่ยเฉิง สีหน้าหล่อเหลาของเขายังคงดูไม่จืด เต็มไปด้วยความตึงที่มาจากความขุ่นเคือง หึงหวงขั้นสุดแต่ทำอะไรไม่ได้
"เธอมีความสุขมากใช่ไหม?ที่ใช้พ่อของเธอมาทำลายอำนาจของฉัน "
เม่ยหลิงเดินเข้าไปใกล้เขาช้า ๆ จนหยุดยืนอยู่ห่างจากเขาเพียงไม่กี่ก้าว เธอช้อนตามองเขาอย่างอ่อนโยนจนน่าประหลาดใจ
"คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ เหว่ยเฉิง"
เสียงของเธอนุ่มนวลแผ่วเบาราวกับสายลม แต่แฝงไปด้วยมีดที่คมกริบมองเขาอย่างท้าทาย
"ฉันไม่ได้มีความสุขกับการทำลายอำนาจของคุณเลยแม้แต่น้อย แต่ฉันมีความสุขที่ได้ปกป้องสิ่งที่ฉันสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง"
"สิ่งที่สร้างขึ้นมา?"
หลิวเหว่ยเฉิงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน
"มันคือเงินของฉัน! เงินที่คุณบีบบังคับฉันมา! เพื่อค้าขายกับไอ้พ่อค้าสกปรกคนนั้น!"
"เงินของคุณ... ที่ฉันได้มาอย่างถูกต้องภายใต้ข้อตกลงของเราค่ะ" เม่ยหลิงตอบ
"และคุณเซียวหานคือหุ้นส่วนทางธุรกิจที่ซื่อสัตย์ ไม่ใช่ผู้ชายที่มีผู้หญิงคนอื่นอยู่ในชีวิตสมรสที่ถูกต้องของเขา"
เธอเน้นย้ำคำว่า ชีวิตสมรสที่ถูกต้องอย่างเจ็บแสบ
"เธอ... เธอไม่ต้องมาตัดสินฉันเรื่อง เยว่เยว่!"
หลิวเหว่ยเฉิงลุกขึ้นยืน การเผชิญหน้ากันทำให้เขาต้องมองลงไปในดวงตาของเธอ
"ฉันรักเธอ! และเธอเองก็รู้ดี!"
"รัก?"
เม่ยหลิงยิ้มด้วยความสมเพชอย่างสุดซึ้ง รอยยิ้มนั้นงดงามแต่เต็มไปด้วยความว่างเปล่า
"ความรักของคุณคือการให้ฉันทนอยู่กับความเย็นชานานห้าปี จนต้องตรอมใจตายในชาติที่แล้วอย่างนั้นหรือคะ เหว่ยเฉิง"
หลิวเหว่ยเฉิงชะงักกับคำพูดประโยคนั้นของเม่ยหลิง สีหน้าของเขาสับสนอย่างงงงวยด้วยความไม่เข้าใจ
"เธอพูดเรื่องอะไร? เรื่องชาติที่แล้ว? เธอเสียสติไปแล้วหรือซูเม่ยหลิง!"
"ฉันไม่ได้เสียสติ"
เม่ยหลิงส่ายหน้าอย่างช้า ๆ น้ำเสียงของเธอกลับมาเป็นปกติ
"ฉันแค่ถามคุณคำถามที่ฉันเคยถามตัวเองมาตลอดชีวิตที่อยู่ร่วมกับคุณค่ะ คุณคาดหวังอะไรจากภรรยาที่ไม่ได้รักเลยแม้แต่น้อยอย่างฉัน?"
หลิวเหว่ยเฉิงชะงักไปอีกครั้ง เขาถูกคำถามประโยคนี้โจมตีเข้ามากลางใจอย่างหนักหน่วง ก่อนจะเดินไปที่หน้าต่างพยายามสงบสติอารมณ์ เขายอมรับไม่ได้ว่าซูเม่ยหลิงที่เคยวิ่งตามเขาอย่างโง่งมได้หายไปแล้ว
"ฉันไม่ต้องการอะไร... ฉันแค่อยากให้เธอทำตัวเป็นภรรยาที่ดี! เป็นคุณนายหลิวที่มีเกียรติ! ไม่ใช่แม่ค้าที่วิ่งไปมาอยู่กับผู้ชายคนอื่น!"
หลิวเหว่ยเฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความต้องการของตัวเอง
เม่ยหลิงเดินตามเขาไปช้า ๆ แสงจันทร์ส่องกระทบใบหน้าของเธอ ความงดงามของใบหน้านั้นทำให้เหว่ยเฉิงเผลอมองนิ่งไปชั่วครู่ หัวใจของเขาสั่นน้อย ๆ พร้อมตั้งคำถามบางอย่างกับตัวเอง
"คุณไม่ได้ต้องการให้ฉันเป็นภรรยาที่ดีหรอกค่ะ"
เม่ยหลิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง แต่กลับบาดลึกยิ่งกว่าเดิม "คุณแค่ต้องการให้ฉันเป็นเพียงไม้ประดับที่ถูกเก็บไว้ในแจกันจนลืมไปว่า ไม้ประดับมันก็มีชีวิตมีจิตใจเช่นกัน ไม่ใช่สิ่งของที่มีไว้เพื่อเสริมบารมีของใคร"
“เม่ยหลิง..ฉัน..”
หลิวเหว่ยเฉิงหลับตาลงอย่างช้า ๆ เขาลืมคิดถึงข้อนี้ไป แต่ก่อนเพียงเห็นเธออยู่เคียงข้าง คอยแย้มยิ้มรอเขากลับบ้าน มีตำแหน่ง มีเงินทองให้ใช้ ถูกยกย่องเชิดชูมีหน้ามีตาเพียงแค่นั้นก็พอแล้ว เขาเลยเอาเวลาทั้งหมดไปทุ่มให้กับอีกคนเพื่อชดเชยให้กับเธอ
ชีวิตซูเย่วน่าสงสาร แท้จริงเธอเป็นบุตรสาวนอกสมรสของท่านนายพลซูที่ไม่เคยถูกยอมรับ และซูเย่วเคยช่วยชีวิตเขาไว้ในช่วงวัยเด็ก เขาเลยตามใจเธอทุกเรื่อง กระทั่งสัญญาว่าเขาจะรับเธอมาเป็นภรรยาอีกคน
"ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ตอนนี้... ฉันไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นของตายอีกแล้ว คุณไปใช้ชีวิตกับคนที่คุณรักเถอะ ฉันยังอยู่ในตำแหน่งนี้จนกว่าคุณจะพร้อมหย่า เพื่อไปแต่งงานกับน้องสาวของฉันได้ตามใจ"
เม่ยหลิงช้อนตามองเขา เธอพร้อมยอมเปิดใจให้เขาเรื่องนี้แล้ว เหลือเพียงเขาที่พร้อมจะปล่อยเธอไปได้หรือยัง
“ฉันไม่เคยคิดจะหย่ากับเธอเพื่อไปแต่งงานกับเย่วเย่ว”หลิวเหว่ยเฉิงปฏิเสธ
“คุณเห็นแก่ตัวเกินกว่าที่ฉันคิดอีกนะคะ “
ซูเม่ยหลิงเอ่ยขึ้นอย่างสิ้นหวังในตัวเขาอีกครั้ง สายตาของเขาที่มองมายามนี้เกือบทำให้เธอเผลอตัวใจอ่อนอีกครั้ง แต่คำตอบของเขาเรียกสติของเธอได้ครั้ง เขายังคงเป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัวเหมือนเดิม!
“เธอไม่เข้าใจ ก็อย่าตัดสินฉันเลยเม่ยหลิง เธอยังต้องการอะไรอีก บอกฉันมา ฉันยินดีทำทุกอย่างเพื่อให้เธอคนเดิมกลับมา”
“ไม่ต้องทำอะไรหรอกค่ะ เพียงแต่คุณต้องเข้าใจก่อนว่า ชีวิตคู่มันต้องเริ่มจากความซื่อสัตย์ ความรักเดียวใจเดียว ชื่อเสียงเงินทองของคุณฉันไม่ต้องการ”