บทที่8 งานสำคัญ

2222 Words
“พรุ่งนี้มีแข่ง มึงจะไปสนามกี่โมง” น่านฟ้าเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่ทุกคนต่างนั่งเงียบกันสักพัก “เย็น เสร็จธุระเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น” กองทัพตอบกลับอย่างไม่ยี่หระ “พรุ่งนี้วันหยุดมึง แล้วเสือกจะทำงานอะไรอีก” “งานสำคัญ” “มึงไม่คิดจะเข้าไปเตรียมรถก่อนแข่งบ้างหรือไง” “นั่นหน้าที่มึง กูมีหน้าที่ขับรถไม่ใช่เตรียมรถ” “ไอ้ดิน ไอ้นที มึงดูเพื่อนรักมึง” น่านฟ้าหันไปหาตัวช่วยแต่ถูกเพื่อนรักทั้งสองปฏิเสธอย่างไม่ไยดี “ของเดิมพันคือสนามแข่งมึงไม่ใช่ของกู งานนี้กูเป็นแค่คนดู” ดินปฏิเสธเสียงเรียบ “good audience (ผู้ชมที่ดี)” นทีไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ กองทัพนอกจากมันสมองระดับเทพแล้ว ฝีมือด้านความเร็วก็เช่นกัน การันตีด้วยถ้วยแชมป์เกือบทุกสนามของอเมริกาและยังเป็นเจ้าพ่อสนามเถื่อนที่เมืองไทย ของเดิมพันขั้นต่ำมูลค่าหลายสิบล้านที่มาพร้อมกับการแข่งขันที่ไร้กฎกติกา นั่นหมายถึงการแข่งขันที่มีความเสี่ยงสูงนอกจากจะเสี่ยงหมดตัวแล้วชีวิตยังเสี่ยงอันตรายจากการเล่นไม่ซื่อด้วย “กูกลับก่อน” ร่างสูงหุ่นนายแบบกระชากตัวลุกขึ้นและสาวเท้าเดินออกจากห้องทันทีท่ามกลางความงุนงงของกลุ่มเพื่อน “เฮ้..เฮ้ อะไรของมึงไอ้กองทัพนี่พึ่งจะเที่ยงคืน” “เราควรนอนให้ครบ 6-8 ชั่วโมงต่อวัน และไม่ควรนอนดึกเกินเที่ยงคืน” ร่างสูงหยุดชะงักและเอี้ยวตัวหันกลับเล็กน้อยตอบกลับน้ำเสียงราบเรียบก่อนจะสาวเท้าเดินออกทางด้านหลังผับ เช้าวันเสาร์ ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด เสียงแจ้งเตือนข้อความโทรศัพท์รดาดังขึ้น {เอก รออยู่ด้านล่าง} เป็นข้อความจากกองทัพ รดาที่นอนเขี่ยโทรศัพท์เล่นอยู่บนเตียงผุดลุกขึ้นกระโดดลงจากเตียงคว้ากระเป๋าสะพายใบเล็กวิ่งแจ้นออกจากห้องไปโดยเร็ว รถเบนซ์คันหรูสีดำจอดรออยู่ด้านหน้าคอนโด ชายวัยกลางคนในชุดสุภาพยืนอยู่ด้านข้างฝั่งประตูคนขับ รดาจำได้ว่าคือเลขาคนสนิทของกองทัพ “คุณเอก สวัสดีค่ะ” รดายกมือขึ้นไหว้อย่างมีมารยาท “สวัสดีครับ เชิญขึ้นรถเลยครับ” ประตูด้านหลังถูกเปิดออกทำให้รดาที่ยืนอยู่ต้องก้าวขาขึ้นนั่งเบาะด้านหลังอย่างเลี่ยงไม่ได้ “ความจริงหนูนั่งด้านหน้าก็ได้ค่ะ” “ต้องไปรับเพื่อนๆ อีกไม่ใช่เหรอครับ ด้านหน้าให้คุณเชอรี่นั่งจะดีกว่าครับ ช่วยกดเส้นทางให้หน่อยครับ” “ค่ะ เสร็จแล้วค่ะ” รดาส่งโทรศัพท์กลับให้เลขาหนุ่มที่ทำหน้าเป็นพลขับจำเป็นมารับเธอวันนี้ รถเคลื่อนตัวออกทันทีเมื่อถูกตั้งจุดหมายปลายทางเรียบร้อยแล้ว “คุณเอกทำงานกับคุณหมอนานหรือยังคะ” รดาชวนคุณทำลายความเงียบภายใน “ประมาณปีเศษๆ ครับตั้งแต่คุณหมอกลับมาจากอเมริกา” “ปกติคุณหมอดุไหมคะ” “ไม่ครับ แค่คุณหมอเป็นคนเจ้าระเบียบ” “เป็นคนเจ้าระเบียบ แสดงว่าต้องเป๊ะทุกอย่างสินะคะ” “ประมาณนั้นครับ กิน นอนค่อนข้างตรงเวลา แต่ก็ไม่ได้อยู่ในกรอบทุกอย่างครับ บางอย่างก็ออกนอกกรอบไปเยอะเหมือนกัน” คิ้วเรียวเล็กขมวดเข้าหากันอย่างไม่ค่อยเข้าใจ เจ้าระเบียบแต่ก็ทำอะไรนอกกรอบ รดาได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจไม่กล้าถามมากไปกว่านี้เพราะจะดูเป็นการเสียมารยาท “อีก10นาที น่าจะถึงที่พักของเพื่อนคุณรดานะครับ” “อ้อค่ะ เดี๋ยวรดาโทรบอกเพื่อนให้ลงมารอข้างล่างค่ะ” มือบางล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมากดส่งข้อความหากลุ่มเพื่อน “ชะนีมีรถหรูขนาดนี้มารับพวกเราเลยเหรอ” เสียงเจื้อยแจ้วของเชอรี่ถามขึ้นเสียงดังเมื่อรดาก้าวขาลงจากรถเมื่อรถจอดสนิท “เสียงดังยัยเชอ เกรงใจคุณเอกเขาด้วย” รดาเอ็ดเพื่อนออกไปเบาๆ นิ้วเรียวเล็กหยิกเข้าที่แขนเชิงห้ามปราม “นี่คุณเอก เลขาของคุณหมอ” รดาแนะนำเอกให้เพื่อนๆ รู้จัก “สวัสดีค่ะ” ทั้งหมดยกมือไหว้อย่างมีมารยาท เลขาหนุ่มรับไหว้สีหน้าเรียบนิ่งสุภาพแบบผู้ใหญ่ก่อนจะเดินอ้อมตัวรถมาอีกฝั่งเพื่อเปิดประตูให้อย่างเคยทำ “ไม่เป็นไร พวกหนูเปิดเองดีกว่า ขอบคุณคุณเอกมากค่ะ” เชอรี่รีบเอ่ยห้ามขึ้นเมื่อชายหนุ่มกำลังจะเอื้อมมาเปิดประตูด้านหน้าให้ “ครับ” ตอบกลับเสียงเรียบก่อนจะเดินอ้อมกลับไปด้านหน้าฝั่งคนขับ เปิดประตูขึ้นนั่งประจำตำแหน่งคนขับและเคลื่อนตัวออกไปจุดหมายปลายทางคือคอนโดหรูใจกลางเมืองที่เจ้านายหนุ่มเป็นเจ้าของ คอนโดหรูใจกลางเมือง “ถึงแล้วครับ ห้องคุณกองทัพอยู่ชั้น 50 ห้อง 501 แจ้งเจ้าหน้าที่หน้าเคาน์เตอร์ได้เลยครับ” เมื่อรถเคลื่อนตัวมาจอดด้านหน้าคอนโดเพื่อส่งให้รดาและกลุ่มเพื่อนลงก่อนที่เอกจะเอารถไปเก็บที่โรงจอดรถชั้นใต้ดิน ทุกคนต่างตกใจไม่คิดว่าคอนโดที่คุณหมอหนุ่มพักอยู่นั้นจะหรูหราราคาแพงขนาดนี้เพราะแต่ละชั้นมีอยู่เพียง 5 ห้องเท่านั้นเพราะต้องการให้ความเป็นส่วนตัวแก่เจ้าของห้อง รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกไม่ว่าจะเป็นฟิตเนส สระว่ายน้ำและโซนพักผ่อนที่มีอยู่ทุกชั้น รวมทั้งพื้นที่ด้านบนดาดฟ้าที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ยกสวนสาธารณะมาไว้ด้านบน “ขอบคุณค่ะ” ทุกคนยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ “ไม่รวยจริงซื้อที่นี่ไม่ได้นะคะ” เชอรี่พูดขึ้น “เข้าไปด้านในเถอะ ให้คุณหมอรอนานไม่ดี” รดาพูดขึ้นเรียกสติเพื่อน เท้าเล็กบนรองเท้าผ้าใบสีขาวก้าวเดินฉับๆ ตรงเข้าไปด้านใน “สวัสดีค่ะ มาพบคุณกองทัพค่ะ” “เชิญที่ลิฟต์ตัวที่หนึ่งได้เลยค่ะ” เจ้าหน้าที่ต้อนรับเดินนำไปยังลิฟต์ที่จอดเรียงรายกว่า 10 ตัวที่เปิดรออยู่ “ห้อง 501 ออกจากลิฟต์จะอยู่ด้านซ้ายนะคะ” “ขอบคุณค่ะ” ภายในลิฟต์แสดงแผนผังโซนต่างๆ ของคอนโดแห่งนี้โดยรอบ มีระบบอำนวยความสะดวกโดยสั่งงานด้วยเสียงเพิ่มความสะดวกสบายแทบทุกอย่าง {ถึงแล้วค่ะ จุดหมายของคุณอยู่ด้านซ้าย} เมื่อลิฟต์ขึ้นมาถึงจุดหมายชั้นที่ 50 ระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติดังขึ้นก่อนที่ประตูลิฟต์จะเปิดออก “สุดยอดไปเลยแก เหมือนอยู่ในโลกอนาคตเลย ต้องมีเงินแค่ไหนถึงจะซื้อที่นี่ได้” เชอรี่พูดขึ้นน้ำเสียงตื่นเต้นที่เจอกับความหรูหราของคอนโดหรู “ฟิตเนส สระว่ายน้ำ ห้องสปาส่วนตัว ที่มันคอนโดหรือสวรรค์กันแน่” ทุกคนต่างตะลึงเมื่อเดินออกมาเจอห้องต่างๆ ระหว่างทางก่อนถึงห้องของคุณหมอหนุ่ม รดาเดินมาหยุดตรงหน้าห้องที่มีติดป้าย 501 ติดไว้ มือเรียวเล็กยื่นไปกดกริ่งด้านหน้าประตู แกร๊ก! เสียงระบบความปลอดภัยถูกปลดล็อกอัตโนมัติผ่านระบบสแกนใบหน้า พร้อมกับเสียงระบบเอไอดังขึ้นผ่านอุปกรณ์สื่อสารที่ติดอยู่ที่หน้าประตู {สแกนใบหน้าสำเร็จ คุณรดาเชิญเข้าไปด้านในได้ครับ} “เชี่ย ทำไมประตูถึงสแกนใบหน้าแกได้รดา แกเคยมาที่นี่เหรอ” ทุกคนต่างงงกันใหญ่รวมทั้งรดาเองก็ด้วย ทั้งๆ ที่เธอพึ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรกทำไมห้องชายหนุ่มถึงมีข้อมูลอัตลักษณ์เธอในระบบรักษาความปลอดภัยของห้องได้ “ฉันก็มาพร้อมพวกแกเป็นครั้งแรกนั่นแหละ” เมื่อตั้งสติได้ก็รีบปฏิเสธทันทีก่อนที่เพื่อนๆ จะเข้าใจผิดมากไปกว่านี้ {เชิญรอที่ห้องรับแขกก่อนครับ เจ้านายจะลงมาพบในอีก 5 นาทีครับ} เสียงระบบเอไอดังขึ้นอีกรอบเมื่อทุกคนเดินเข้ามาด้านในห้อง “นี่เราอยู่ในยุค 2022 จริงๆ เหรอ” กิ่งแก้วพูดขึ้นเพราะที่นี่ช่างต่างจากโลกปัจจุบันที่พวกเธอใช้ชีวิตอยู่ ถึงจะรู้ว่าเทคโนโลยีระบบเอไอถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก แต่สำหรับเมืองไทยระบบพวกนี้ยังไม่ค่อยถูกนำมาใช้เพราะค่าใช้จ่ายในการติดตั้งค่อนข้างสูงซึ่งปัจจุบันมีเพียงคนบางกลุ่มที่ซื้อเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ “บ้านฉันยังใช้กุญแจไขอยู่เลย” อิงเอยพูดขึ้นเมื่อทุกคนต่างใช้สายตาสำรวจบริเวณรอบๆ ห้อง ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้ากำลังเดินลงบันไดจากชั้นสอง “ทานข้าวเช้ามากันหรือยัง” กองทัพในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงสแลคในลุคอยู่บ้านสบายๆ ทรงผมที่ปล่อยธรรมชาติไม่ได้ผ่านการเซตให้เป็นทรงแต่อย่างใด เดินเข้ามายังห้องรับแขกที่รดาและกลุ่มเพื่อนนั่งรออยู่ ทุกสายตาจับจ้องไปที่บุคคลที่พึ่งเดินเข้ามาใหม่และจ้องอยู่อย่างนั้นอนึ่งเจอหนุ่มหล่อที่หลุดออกมาจากนวนิยาย “คะ..คุณหมอ สวัสดีค่ะ” ทุกคนรีบยกมือไหว้อย่างลนลาน “สรุปว่าทานข้าวมากันหรือยัง” กองทัพถามย้ำอีกครั้งสายตามองไปทางรดาเมื่อยังไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการ “เรียบร้อยแล้วค่ะ” รดาตอบกลับเสียงอ่อยเหมือนคนละเมอเพราะตอนนี้ยังเรียกสติกลับมาได้ไม่เต็มร้อย “เริ่มกันเลยไหม ผมขอดูหัวข้อสัมภาษณ์วันนี้หน่อย” ขายาวตวัดขึ้นไข่วห้างอย่างใจเย็น พิงแผ่นหลังกับพนักโซฟาในท่าทีผ่อนคลาย โดยไม่รู้ตัวเลยว่าเด็กสาวที่นั่งฝั่งตรงข้ามแอบชำเลืองมองเป็นระยะ “อ้อ..นี่ค่ะ” เชอรี่ส่งสคริปต์ที่จะสัมภาษณ์วันนี้ให้กองทัพ “รดา มาช่วยผมหยิบหนังสือในห้องหน่อย” ร่างบางลุกขึ้นเดินตามเข้าไปอีกห้องอย่างงงๆ เมื่อรดาก้าวขาพ้นขอบประตูเข้ามาประตูก็ถูกล็อกอัตโนมัติ “หนังสือเล่มไหนบ้างคะ” รดาถามขึ้นเมื่อกองทัพเอาแต่ยืนจ้องหน้าเธอตั้งแต่ทั้งสองเดินเข้ามา “วันนี้เป็นอะไรทำไมดูไม่ค่อยมีสมาธิ มีอะไรในตัวผมที่ผิดปกติไปหรือเปล่า” “เปล่าค่ะ หนูแค่กำลังนึกถึงใครคนหนึ่งน่ะค่ะ” ไหนๆ ก็มีโอกาสได้คุยกันเป็นการส่วนตัวแล้ว รดาก็ไม่ลังเลที่จะเอ่ยถามถึงเรื่องที่กำลังสงสัยอยู่ในหัว “นึกถึงใคร” กองทัพถามกลับเสียงแข็ง หน้าตึงขึ้นเล็กน้อย “คนใจดีเมื่อ 5 ปีก่อน ที่ติวภาษาอังกฤษให้หนูน่ะค่ะ” คิ้วดกที่ขมวดเข้าหากันก่อนหน้าคลายออกทันทีที่สิ้นคำพูดของเด็กสาว เผลอรอยยิ้มเล็กขึ้นมุมปาก “ทำไมไม่ติดต่อเขาไปล่ะ” ความคิดร้ายผุดขึ้นมาในหัว “หนูไม่มีช่องทางที่สามารถติดต่อเขาไปเลยค่ะ ตอนนั้นก็มีแต่อีเมลที่ใช้ติดต่อกัน แต่ตอนนี้เหมือนบัญชีเขาจะปิดไปแล้ว” รดาตอบกลับเสียงอ่อยเหมือนคนสิ้นหวังหมดหนทาง “เดี๋ยวก็ได้เจอ หรืออาจจะเจอกันแล้วก็ได้..แต่เธอจำไม่ได้” กองทัพพูดจบก็เดินไปที่ชั้นหนังสือหยิบติดมือมา3-4เล่มก่อนจะเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้รดายืนงงกับคำพูดของเขาอยู่คนเดียว “แล้วรดาล่ะคะ” เชอรี่ถามขึ้นเมื่อเห็นคุณหมอหนุ่มเดินกลับเข้ามาแค่คนเดียว “เข้าห้องน้ำอยู่เดี๋ยวตามมา เราเริ่มสัมภาษณ์กันเลยไหมครับ” “รอรดาก่อนนะคะ รดาจะเป็นคนสัมภาษณ์คุณหมอค่ะ ส่วนพวกหนูจะเป็นคนเก็บรวบรวมข้อมูล นั่นไงรดามาพอดี” รดาเดินกลับเข้ามาพอดี ร่างอรชรหย่อนสะโพกมนลงบนเก้าอี้ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่และสูดอากาศกลับเข้าปอด “เริ่มกันเลยนะคะ” “คุณกองทัพ เริ่มทำธุรกิจตั้งแต่อายุเท่าไหร่คะถึงได้ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยขนาดนี้” “ตั้งแต่ตอนอายุ 18 ครับ” “ตอนนั้นคุณกองทัพยังเรียน ม.ปลายอยู่ไม่ใช่เหรอคะ” “เปล่าครับ ตอนนั้นผมเรียนแพทย์ปี 2 อยู่ที่โปแลนด์ครับ” คำตอบของกองทัพทุกคนต่างตกใจ “แล้วทำไมถึงเลือกทำธุรกิจนำเข้ารถหรูล่ะค่ะ ทั้งๆ ที่คุณเรียนหมอ” “ผมเรียนหมอเพื่อมาดูแลบริหารโรงพยาบาลของที่บ้าน แต่การนำเข้ารถเป็นสิ่งที่ผมและพี่ชายชอบ” “ปี17 คุณหมอยังเรียนแพทย์อยู่ที่โปแลนด์อยู่ใช่ไหมคะ” “ครับกำลังเรียนแพทย์ปี 6” “แล้วตอนนั้นคุณหมอทำอะไรบ้างคะ” เพื่อนๆ ต่างงงที่รดาถามคำถามนอกสคริปที่เตรียมกันไว้ “ตอนนั้นก็เรียนหนักครับ เพราะเรียนแพทย์ปีสุดท้ายค่อนข้างเหนื่อยและหนักมาก” “ไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นเลยเหรอคะ อย่างเช่น สอนพิเศษ” รดาจ้องหน้าชายหนุ่มเพื่อรอฟังคำตอบ จนอิงเอยที่นั่งอยู่ใกล้ๆ สะกิดเข้าที่แขน “มีครับ มันขึ้นอยู่กับว่าผมอยากทำมันหรือเปล่า ถ้าเป็นสิ่งที่ผมอยากทำต่อให้ยุ่งแค่ไหนก็ปลีกเวลาไปได้ครับ และผมเป็นคนใจดีครับมีคนเคยบอกผมอย่างนั้น”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD