บทที่4 คนไข้ของคุณหมอ#4

2007 Words
{สวัสดีค่ะ มีเรื่องรบกวนสอบถามหน่อยค่ะ} [ยินดีให้บริการค่ะ คุณผู้หญิงจะสอบถามด้านใดคะ] {ค่าใช้จ่ายคนไข้ห้อง 201 ชื่อไอรดา ธนากิจโรจน์ ทั้งหมดกี่บาทคะ} [ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงเป็นอะไรกับคนไข้คะ] {เป็นเพื่อนค่ะ กำลังจะเข้าไปจ่ายค่าโรงพยาบาลให้เพื่อนเลยอยากรู้ว่ายอดตอนนี้ทั้งหมดเท่าไหร่จะได้เตรียมเงินไปถูกค่ะ” [สักครู่นะคะ ดิฉันขอเช็กยอดสักครู่ค่ะ] [ยอดทั้งหมด สี่แสนสามหมื่นบาทค่ะ] {สี่แสนสามหมื่นบาท นอนโรงพยาบาลแค่คืนเดียวเนี่ยนะคะ} “สี่แสนสามหมื่นบาท” ทุกคนในห้องต่างอุทานขึ้นเสียงดังหลังจากได้ยินยอดดังกล่าว [ค่ะ แต่เคสนี้ผู้อำนวยการเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งหมดนะคะ] เจ้าหน้าที่รีบแจ้งรายละเอียดทันที {ทำไมถึงแพงขนาดนี้ล่ะคะ มีค่าอะไรบ้างเพื่อนหนูนอนโรงพยาบาลแค่คืนเดียวเองนะคะ} [มีค่าห้องคืนละสามแสนบาท ค่าเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ห้าหมื่นบาท ค่าห้องฉุกเฉิน และค่ายาค่ะเพราะคนไข้ใช้ยาที่สั่งจากเมืองนอกทาแผลให้คนไข้ค่ะ ยาตัวนี้แพงมากนะคะเพราะทาแล้วแผลหายเร็วและไม่เป็นแผลเป็นด้วยค่ะ] {ขอบคุณมากค่ะ สวัสดีค่ะ} หลังจากที่วางสายทุกคนต่างมองหน้ากัน “ฉันไม่อยากจะคิด ถ้าผู้อำนวยการอะไรนั่นไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้รดา พวกเราจะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย” “รดา เมื่อไหร่หมอจะให้แกออกจากโรงพยาบาล ดูๆ แล้วแกก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนี่” เชอรี่ถามออกไปด้วยความสงสัย เพราะดูแล้วเพื่อนตนเดินเหินได้สะดวกไม่ได้นอนเจ็บอยู่บนเตียง “คุณหมอบอกว่าพรุ่งนี้เพราะแผลที่หัวยังบวมอยู่” “แกนอนอีกคืนรวมๆ แล้วคงต้องจ่ายเป็นล้าน” “อะนี่เสื้อผ้าแกชะนี ถ้าออกโรงพยาบาลตอนเช้าพวกฉันไม่ได้มารับนะ แต่ถ้าออกตอนบ่ายก็รอหน่อยจะรีบมารับเพื่อนสาวไม่เกินบ่ายโมง” ถุงใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ของรดาที่เพื่อนเอามาให้เพราะชุดเดิมที่ใส่วันเกิดเหตุขาดไม่สามารถใส่ต่อได้อีก บ่ายสามโมงเย็น ก๊อก ก๊อก ก๊อก “ขออนุญาตค่ะ อาหารว่างตอนบ่ายค่ะ” ผลไม้ ขนม และเครื่องดื่มถูกยกมาเสิร์ฟเต็มโต๊ะทุกคนต่างแปลกใจรวมทั้งรดาเองด้วย “ขอบคุณค่ะ ที่นี่มีของว่างสำหรับญาติคนไข้ด้วยเหรอคะ” อิงเอยสงสัยจึงเอ่ยถามแม่บ้านออกไป ปกติที่โรงพยาบาลจะไม่มีของว่างเสิร์ฟช่วงบ่ายแต่ที่นี่เสิร์ฟชานมไข่มุกพร้อมขนมเค้ก “คุณหมอเป็นคนสั่งให้ป้านำมาเสิร์ฟให้คุณๆ น่ะค่ะ ส่วนของคุณไอรดา คุณหมอกำชับว่าทานได้แค่ผลไม้กับนมเท่านั้นค่ะ ป้าขอตัวก่อนนะคะ” ใบหน้าเปื้อนยิ้มในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งด้วยความไม่พอใจ “เป็นอะไรชะนี ทำไมทำหน้าอย่างนั้น” เชอรี่เอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนสาวเอาแต่นั่งหน้าบึ้งไม่ยอมทานอะไร “ของฉันมีแต่ผลไม้กับนม ดูของพวกแกสิ เค้กใบเตยกับชานมไข่มุก ลำเอียงชัดๆ” “ตบปากตัวเองสิบทีค่ะชะนี เบิกตาดูของตัวเองค่ะผลไม้จานเท่าฝาบ้าน แอปเปิล สตอเบอรี่ เชอรี่ บลูเบอรี่ กีวี่ เมล่อน ส้ม ผลไม้นานาชนิดทั่วโลกมารวมกองอยู่ตรงหน้า ใช่ค่ะลำเอียง ของพวกฉันแค่เค้กคนละชิ้น แต่ของหล่อนทุกสรรพสิ่งบนโลกมากองรวมอยู่ตรงนี้หมดแล้ว กินเข้าไปชะนีอย่างี่เง่า” “รดา ถ้าแกไม่รีบออกจากโรงพยาบาล ฉันว่าน้ำหนักแกขึ้นแน่ ขุนซะขนาดนี้” กิ่งแก้วเอ่ยขึ้นเพราะดูจากพฤติกรรมการดูแลคนไข้ของที่นี่แล้วเลี้ยงดีกว่าที่บ้านของตนซะอีก หลังจากที่เพื่อนๆ กลับไปกันหมดรดาก็ได้แต่นั่งเหงาอยู่ในห้องคนเดียว ร่างบางนอนเกลือกกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงพักใหญ่จนเผลอหลับไปในช่วงเกือบ5โมงเย็น กองทัพที่เคลียร์งานเสร็จพอดีลุกจากเก้าอี้เพื่อยืดเส้นยืดสายหลังจากนั่งทำงานต่อกันหลายชั่วโมง แต่เหมือนนึกอะไรออกชายหนุ่มสาวเท้าเดินออกจากห้องโดยเร็วจุดหมายคงหนีไม่พ้นห้องพักคนไข้VIPห้องข้างๆ เมื่อเปิดประตูเข้าไปเจอห้องรับแขกที่ว่างเปล่าเพราะเพื่อนๆ ที่มาเยี่ยมน่าจะกลับกันหมดแล้ว เมื่อไม่เจอคนตัวเล็กจึงเปิดเข้าไปยังห้องนอนก็เจอกับร่างบางที่นอนหลับอยู่บนเตียง สายตาเหลือบไปมองนาฬิกาปรากฏว่าตอนนี้เป็นเวลา5โมงเย็น ซึ่งไม่ควรนอนเวลานี้เพราะจะทำให้ตอนกลางคืนนอนไม่หลับและจะทำให้ปวดหัวได้ “รดา” สะโพกสอบนั่งลงกับเตียงคนไข้ มือหนาเอื้อมไปสะกิดหัวไหล่บางที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมา “รดา ตื่นได้แล้ว นอนตอนนี้จะปวดหัวเอา” ร่างบางยังไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัวด้วยความที่เป็นคนหลับลึก และตอนนี้พึ่งหลับใหม่ๆ จึงไม่รู้สึกตัวว่ามีคนเข้ามาในห้อง “รดา รดาครับ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกอีกครั้ง ใบหน้าคมเข้มไร้หนวดเคราก้มลงไปเรียกใกล้ๆ ใบหู “อะ! คุณทำอะไรคะ” รดาร้องเสียงหลงเมื่อลืมตาขึ้นมาเจอเข้ากับใบหน้าของชายหนุ่มในระยะประชิด ห่างกันไม่ถึง10เซนติเมตร “ตื่นได้แล้ว เวลานี้ไม่ใช่เวลานอน” กองทัพตอบกลับเสียงเรียบปนดุ ร่างสูงรีบลุกจากที่นอนเบือนหน้าหนีไปอีกทาง “ก็หนูไม่รู้จะทำอะไร กะว่านอนเล่นๆ ก็เลยเผลอหลับไป” รดาตอบกลับทำหน้าทำตาดูบ้องแบ๊วเหมือนลูกแมวเวลาอ้อน แค่นอนไม่เต็มอิ่มจำเป็นต้องทำหน้าตาน่ารักแบบนี้ด้วยเหรอวะ กองทัพได้แต่คิดในใจ “ลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาผมจะดูแผลที่หัวหน่อยว่ายุบลงหรือยัง” กองทัพเดินออกไปรอเด็กสาวด้านนอกเพราะเจอรดาเวอร์ชันนี้แล้วเหมือนจะควบคุมสติไม่อยู่ พานให้นึกถึงเสียงอ้อนของเด็กสาวเมื่อ5ปีก่อน “มานั่งตรงนี้” กองทัพสั่งออกไปน้ำเสียงจริงจัง จึงต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ คนตัวเล็กในชุดคนไข้ตัวโคร่งกระแทกสะโพกลงนั่งข้างๆ คุณหมอหนุ่มซึ่งเว้นระยะห่างพอสมควร “เมื่อกี้แผลโดนน้ำหรือเปล่า” “พันไว้ยิ่งกว่ามัมมี่ ขนาดตักน้ำราดไม่รู้จะซึมเข้าได้หรือเปล่า” รดาตอบกลับด้วยน้ำเสียงประชดเพราะหงุดหงิดไม่พอใจที่โดนปลุกให้ตื่นขณะกำลังนอนหลับสบาย “หึ! งอนเก่ง” “แผลโอเคแล้ว ทายานิดหน่อยก็หาย ถ้าแผลตกสะเก็ดห้ามแกะเด็ดขาด ปล่อยให้มันหลุดออกไปเอง” “…….” “เข้าใจไหมครับ คนไข้” เสียงทุ้มถามย้ำอีกครั้งเมื่อรดาสาวเอาแต่นั่งเงียบ “เข้าใจค่ะคุณหมอ” ร่างบางลุกไปนั่งโซฟาอีกฝั่งเมื่อกองทัพทายาให้เสร็จ ร่างบางมองซ้ายมองขวาเพื่อหารีโมตทีวีสายตาไปสะดุดเจอวางอยู่ข้างๆ กองทัพ มือเรียวเล็กก้มตัวเอื้อมไปหยิบแต่เสียการทรงตัวจึงล้มพับเข้าที่ตักแกร่ง “อะ!” กลิ่นหอมอ่อนๆ ของแป้งเด็กบวกกับกลิ่นเฉพาะตัวของหญิงสาวทำให้อดไม่ได้ที่จะสูดดมเข้าไปฟอดใหญ่ แขนแกร่งทั้งสองข้างโอบรัดร่างบางไว้เพราะกลัวจะร่วงหล่นลงพื้น “ขอโทษค่ะ” ร่างบางรีบผละออกและดีดตัวลุกขึ้นทันที มือเล็กคว้าเอารีโมตกดเปิดทีวีทันที ภาพที่กำลังฉายอยู่บนจอเป็นฉากที่นางเอกนั่งอยู่บนตักพระเอกซึ่งทั้งคู่นั้นกำลังจูบกันอย่างดูดดื่ม พรึบ! รดาคว้ารีโมตกดปิดแทบไม่ทัน “ไม่ดูแล้วเหรอ” “คุณอยากดูก็เปิดเองสิคะ” รีโมตทีวีถูกวางลงตรงหน้าชายหนุ่ม ร่างบางรีบลุกขึ้นจากโซฟาเดินดุ่มๆ เข้าห้องนอนทันที “หึ เด็กอะไรน่ารักชะมัด” กองทัพได้แต่นั่งยิ้มอยู่คนเดียว เช้าวันต่อมา รดาตื่นแต่เช้าเพราะวันนี้เป็นวันที่เธอจะได้ออกจากโรงพยาบาลกลับไปใช้ชีวิตปกติตามเดิม ส่วนเรื่องขับไรเดอร์เธอคงต้องพักไปก่อนเพราะรถที่พังก็ยังไม่ได้เอาไปซ่อม และช่วงนี้เธอก็กำลังจะฝึกงานคงไม่มีเวลาว่างพอไปวิ่งส่งอาหารแบบนั้นอีก “ทานข้าว ทานยาหรือยัง” กองทัพเดินกลับมาอีกครั้งในชุดสูทสีน้ำเงินเข้ม ในมือถือหนังสือเล่มหนาที่รดาอ่านค้างไว้เมื่อวาน “ทานแล้วค่ะ หนูจะกลับบ้านได้หรือยังคะ” รดาในชุดเดรสกระโปรงสีฟ้าที่วัยรุ่นชอบใส่กัน ดูขัดกับลุคไรเดอร์สาวที่เจอตอนแรก “นั่งลงก่อน ได้กลับแน่ๆ วันนี้” “ซองนี้เป็นยาแก้อักเสบทานติดต่อกันทุกวันจนหมด และนี่เป็นยาทาให้ทาจนกว่าแผลจะหาย ส่วนนี่เป็นยาทาเพื่อไม่ให้เป็นรอยแผลเป็นทาหลังจากแผลเริ่มตกสะเก็ด” “ค่ะ คุณหมอ” “เก็บของครบหมดแล้วใช่ไหม” “ครบแล้วค่ะ หนูกลับได้หรือยังคะ” “รดา นี่หนังสือที่คุณอ่านค้างไม่เมื่อวาน ผมอนุญาตให้คุณเอากลับไปอ่านต่อที่บ้านได้ อ่านเสร็จแล้วค่อยเอามาคืน” “ขอบคุณค่ะ สวัสดีค่ะ” รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นบนใบหน้า รดายกมือไหว้คุณหมออย่างมีมารยาทก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องตรงไปยังลิฟต์เพื่อลงไปยังชั้นล่าง ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าเดินตามหลังมาติดๆ “คุณหมอจะลงไปข้างล่างเหรอคะ” รดาเอ่ยถามชายหนุ่มเมื่อเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ เธอ “ครับ วันนี้ผมต้องเข้าบริษัท เมื่อวานก็ทิ้งงานมาเฝ้าเด็กดื้อทั้งวันแล้ว” กองทัพพูดขึ้นก่อนจะเดินแทรกตัวเข้าไปในลิฟต์เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก “คุณหมอเป็นหมอ ทำไมมีหนังสือพวกนี้ล่ะคะ” รดาเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย “ตอนผมไปเรียนต่อ Fellow(แพทย์เฉพาะทาง) ที่อเมริกาผมก็เรียนบริหารควบคู่ไปด้วย เลยหยิบหนังสือพวกนี้ติดมือกลับมาด้วยที่บ้านผมยังมีอีกหลายเล่มถ้าคุณสนใจ อ่านเล่มนี้จบค่อยมาเอาเล่มใหม่ไปอ่าน” รอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นมุมปาก ความเฉลียวฉลาดที่มีติดตัวมากองทัพเริ่มเอามาใช้ในทางที่ผิด “คุณหมอเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลทุกวันหรือเปล่าคะ เห็นเมื่อกี้คุณหมอบอกว่ากำลังจะเข้าไปทำงานที่บริษัท” “ผมเข้ามาเคลียร์งานที่โรงพยาบาลวันจันทร์ และวันศุกร์ ส่วนวันอังคาร วันพุธและวันพฤหัสผมจะเข้าไปเคลียร์งานที่บริษัท” “ถ้างั้นวันศุกร์เดี๋ยวหนูเอาหนังสือมาคืนนะคะ คุณหมอเลิกงานงานกี่โมงคะ” “จะเข้ามาตอนไหนก็บอก เผื่อบางวันผมเคลียร์งานเสร็จเร็วผมก็กลับเร็ว” “แล้วอย่างนี้ หนูจะรู้ได้ยังไงคะว่าคุณหมอจะกลับกี่โมง” “เอาโทรศัพท์มา” “คะ?” “นี่ค่ะ” “เบอร์โทรออกล่าสุดเป็นเบอร์ผม จะเข้ามาก็โทรหาผมก่อนจะได้ไม่มาเสียเที่ยว” ติ๊ง เสียงสัญญาณลิฟต์ดังขึ้นก่อนประตูลิฟต์จะเปิดออก ร่างบางก้าวเท้าออกจากลิฟต์และเดินตรงไปหน้าประตูทางเข้าโรงพยาบาล “รดา” เท้าเล็กหยุดชะงักทันทีเมื่อเสียงทุ้มตะโกนเรียกเสียงดัง ร่างบางเอี้ยวตัวหันกลับมาเล็กน้อย “คะ” คิ้วเรียวเล็กได้รูปเลิ่กขึ้นเป็นคำถาม “คุณกลับยังไง เพื่อนมารับหรือเปล่า” “เปล่าค่ะ ช่วงเช้าเพื่อนติดเรียนเดี๋ยวหนูขึ้นรถเมล์กลับเองค่ะ” “เดี๋ยวผมไปส่ง ตามมา”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD