ตอนที่6 แม่ครัวคนใหม่

2423 Words
ตอนที่6 แม่ครัวคนใหม่ “ตั้งโต๊ะเสร็จแล้วพลอยขอตัวก่อนนะคะ” พลอยใสพูดขึ้นเมื่อจัดเตรียมมื้อเย็นสำหรับเจ้าของบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว “จ้ะ กลับไปพักผ่อนเถอะลูกทางนี้ป้าจัดการต่อเอง” เด็กสาวที่รู้หน้าที่ของตัวเองดีจึงไม่อยู่รบกวนเวลาส่วนตัวของเจ้าของบ้าน ทั้งที่เธออยากเจอหน้าผู้ปกครองของเธอมากก็ตาม “แขขึ้นไปเชิญคุณวีมาทานข้าว” เท้าเล็กที่กำลังเดินพ้นขอบประตูบ้านหยุดชะงักลงเมื่อได้ยินเสียงป้าณีสั่งแม่บ้านอีกคนให้ไปตามชายหนุ่มลงมาทานข้าว และนั่นจะเป็นโอกาสที่เธอจะได้เจอมาเฟียหนุ่ม ถ้าเธอหาเรื่องประวิงเวลาเพื่ออยู่ที่นี่ต่อ “~” เด็กสาวยืนคิดอยู่สักพักก็ตัดสินใจก้าวเท้าเดินออกจากบ้านใหญ่ไปโดยไม่หันหลังกลับมามองอีกเลย หลังจากทานมื้อเย็นกับเพื่อน ๆ แล้วเสร็จพลอยใสก็หยิบกีตาร์ตัวโปรดมานั่งแกะโน๊ตต่อจากที่ค้างไว้เมื่อช่วงเย็น เสียงใสของคอร์ดอีไมเนอร์ที่อยู่ในท่อนสุดท้ายช่วยส่งอารมณ์เพลงให้จบลงอย่างสมบูรณ์ “เฮ้อ! เสร็จสักที ปวดนิ้วไปหมดแล้ว” นิ้วเรียวเล็กที่ตอนนี้เต็มไปด้วยรอยกดของสายกีตาร์ถูกยกขึ้นสำรวจอีกครั้งหลังจากที่ถูกใช้งานไปอย่างหนักตลอดทั้งวัน ชาร์วีที่กำลังนั่งดูภาพเคลื่อนไหวพร้อมเสียงผ่านหน้าจอมือถือ เมื่อสิ้นสุดเสียงของคนในภาพนั้นชายหนุ่มก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดต่อสายทันที “ธาราของใช้จำเป็นสำหรับเด็กสามคนนั้นมีเพียงพอหรือเปล่า มึงจัดการครบหมดหรือยัง” เสียงเรียบยิงคำถามทันทีที่อีกฝ่ายกดรับสาย “ก็จัดการซื้อมาให้ครบหมดแล้ว มีอะไรอยู่ ๆ ถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมา” ธาราที่กำลังนั่งทำงานต่อในห้องทำงานหลังจากทานมื้อเย็นเสร็จถามกลับเสียงเรียบ “ช่วงนี้มึงทำแต่งานได้เดินไปถามพวกเขาหรือบ้างหรือเปล่า” “มึงก็ขายกิจการที่มีอยู่ออกไปสักครึ่งหนึ่งสิ กูจะได้ทำงานและใช้ชีวิตเหมือนคนปกติเขาบ้าง” “อย่าพูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เดินมาหากูที่ห้องด้วยตอนนี้” ชาร์วีพูดจบก็กดตัดสายทันที “สั่งเหมือนกูเป็นเมียมึงเลยนะไอ้ห่า” ธาราด่าให้กับโทรศัพท์เมื่อโดนเจ้าของบ้านออกคำสั่งแล้วตัดสายทันทีแบบนี้ แอ๊ด.. “มีอะไร” บอดี้การ์ดหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำเปิดกระดุมเม็ดบนสามเม็ดโชว์หน้าอกแกร่งเดินล้วงกระเป๋าเข้ามาเอ่ยถามน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย ปั่ก! กระปุกวาสลีนและปลอกสวมนิ้วซิลิโคนที่บรรจุในซองขนาดเล็กสามสี่ซองถูกโยนไปตรงหน้าบอดี้การ์ดหนุ่ม “อะไร กูไม่ใช้ของพวกนี้” ธาราถามขึ้น คิ้วหนาดกดำขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นสิ่งที่ชาร์วีโยนมาตรงหน้า “กูไม่ได้ให้มึงเอาไปใช้” ชาร์วีพูดขึ้นเสียงแข็ง “แล้วโยนมาให้กูทำไม จะให้กูเอาไปทิ้งเหรอถังขยะอยู่ตรงโน้นเอาไปทิ้งเอง” ธาราตอบกลับหัวเสียกำลังหันหลังเดินกลับออกไป “เอาไปให้พลอยใส” เสียงเรียบสั่งออกไป ธาราเอี้ยวตัวหันกลับมองสิ่งของบนโต๊ะอีกครั้งว่ามันคืออะไร “ใส่ใจเด็กมันตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงรู้ว่าเด็กมันต้องการของพวกนี้” ธาราย้อนถามมาเฟียหนุ่ม “อย่าถามมาก กูสั่งให้เอาไปให้ก็เอาไปแค่นั้น ออกไปได้แล้วกูจะทำงาน” ชาร์วีตัดบทเช่นเคยก่อนจะหยิบแฟ้มเอกสารที่วางอยู่มุมโต๊ะขึ้นมาเซ็น “พูดเหมือนมึงมีงานคนเดียวนะ” ธาราสบถด่าออกไปก่อนจะคว้าของบนโต๊ะสาวเท้าเดินออกไป ปั้ง! ตามมาด้วยเสียงปิดประตูที่บ่งบอกอารมณ์คนปิดได้เป็นอย่างดี บอดี้การ์ดหนุ่มเดินมาหยุดที่หน้าประตูบ้านหลังเล็กที่ไม่ได้แวะเข้ามาเกือบหนึ่งเดือน ก๊อก ก๊อก ก๊อก “อ้าวพี่ธารา มีอะไรหรือเปล่าคะ” พลอยใสลุกมาเปิดประตูก็ต้องตกใจและเอ่ยถามขึ้น “พี่เอานี่มาให้..ทาซะ แล้วก็วันหลังจะเล่นกีตาร์ก็ใส่ซิลิโคนที่นิ้วด้วย ถ้ากดมาก ๆ เล่นไปนาน ๆ นิ้วจะเป็นแผลหรือด้านเอาได้” สายตาคมเหลือบมองนิ้วด้านซ้ายของเด็กสาวก็พอจะรู้สาเหตุที่เขาต้องมาที่นี่ “ขอบคุณค่ะ” “พี่กลับไปทำงานต่อก่อนนะ ล็อกประตูบ้านดี ๆ ด้วยล่ะ” “ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ พี่ธาราอย่านอนดึกมากนะคะรักษาสุขภาพด้วย” เช้าวันถัดมา พลอยใสในชุดนักเรียนสะพายกระเป๋าเป้ใบน่ารักพร้อมกับสะพายกระเป๋ากีตาร์ตัวโปรดที่เธอจะใช้สอบในวันนี้เดินไปขึ้นรถที่จอดรออยู่บริเวณหน้าบ้าน “พี่ธาราสวัสดีค่ะ วันนี้ไม่เข้าบริษัทเหรอคะ” ดวงตากลมสวยแหงะไปเห็นบอดี้การ์ดหนุ่มที่คุ้นเคยเดินออกมาพอดีจึงกล่าวทักทายพร้อมรอยยิ้มสดใส “เข้าครับ รอนายประชุมกับสาขาต่างประเทศอยู่สักพักก็จะออกไปแล้ว วันนี้เอากีตาร์ไปด้วยมีสอบเหรอเรา” “ค่ะ วันนี้มีสอบวิชาดนตรี” “พลอยไปก่อนนะคะ พี่ธาราทำงานก็สู้ ๆ นะคะ” เด็กสาวชูสองนิ้วเพื่อให้กำลังใจบอดี้การ์ดหนุ่มก่อนจะวิ่งขึ้นรถตู้ไป “ถึงขั้นต้องมาส่งกันขึ้นรถแล้วเหรอเดี๋ยวนี้” เสียงเรียบถามขึ้นอย่างประชด “ผมออกมาสั่งงานลูกน้องแล้วบังเอิญเจอเด็ก ๆ พอดีครับ เลยทักทายกันปกติแค่นั้นเอง” ธาราตอบกลับน้ำเสียงราบเรียบไม่ได้สนใจถ้อยคำประชดของเจ้านาย แค่เพียงอธิบายเพื่อไม่ให้เข้าใจเด็กสาวผิดแค่นั้น “ทักทายกันธรรมดาด้วยการชูสองนิ้วสินะ” พูดจบก็เดินเลี่ยงเพื่อจะไปขึ้นรถอีกคันที่เปิดประตูรออยู่ “กูแบ่งให้มึงก็ได้นะนิ้วหนึ่ง ถ้าอยากได้” นิ้วกลางชี้ไปตรงหน้ามาเฟียหนุ่มขณะกำลังเดินผ่านหน้าธาราไป ท่ามกลางสายตาขอบอดี้การ์ดที่เห็นภาพสองคนนี้ทะเลาะกันจนชินตา “ไอ้ห่า เก็บไว้เองเหอะกูไม่ได้อยากได้” “ก็นึกว่าอยากได้เห็นสายตาขี้อิจฉามองมาแต่ไกล” ธาราผู้ที่ได้รับฉายาบอดี้การ์ดฝีปากกล้ายังคงรักษามาตรฐานอย่างต่อเนื่อง “พี่ไม่กลัวนายควักปืนยิงแสกหน้าเข้าสักวันเหรอครับ” เนทบอดี้การ์ดรุ่นน้องอีกคนที่ติดตามธาราและชาร์วีไปด้วยตลอดถามขึ้น ทั้งที่เห็นเหตุการณ์แบบนี้อยู่บ่อย ๆ “ถ้าเป็นมึงจะยืนเฉย ๆ ให้นายยิงกระบาลมึงไหมล่ะ” พลอยใสกลับมาจากโรงเรียนเธอก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะไปช่วยงานที่บ้านใหญ่เหมือนเช่นทุกวัน “ลูกมือมาแล้วค่ะ” เมื่อเข้ามายังห้องครัวเด็กสาวก็พูดทักทายและรายงานกับแม่บ้านจนตอนนี้ทุกคนที่อยู่ในครัวแทบจะไม่ต้องหันไปมองว่าเป็นใคร เพราะเสียงใส ๆ ที่ดังขึ้นในช่วงเวลานี้ของทุกวันก็มีเพียงเด็กสาวเท่านั้น “เดี๋ยวนี้ไม่ต้องเป็นลูกมือแล้วมั้งเริ่มลงกระทะเก่งแล้ว วันนี้ป้าจะให้โชว์ฝีมือทำอาหารให้พนักงานและบอดี้การ์ดทาน” ป้าณีบอกกับพลอยใสในขณะที่มือก็วุ่นอยู่กับการเตรียมอาหารให้เจ้านาย “จริงเหรอคะถ้าอย่างนั้นมาเลยค่ะ เมนูอะไรคะที่ป้าณีจะให้พลอยทำ พลอยสัญญาค่ะว่าจะทำอย่างสุดฝีมือ” พลอยใสดีใจ ในที่สุดฝีมือที่เธอฝึกฝนมาตลอด4ปีก็กำลังจะได้โชว์ฝีมือเป็นครั้งแรก “เย็นนี้เมนูพนักงานมีแกงมัสมั่นไก่กับผัดผักรวมกุ้งจะเลือกทำอันไหนก็ได้เอาที่ถนัดและคิดว่าทำอร่อย” ป้าณีละจากหน้าเตาหันมาบอกเด็กสาวยิ้ม ๆ “ได้เลยค่ะ งั้นพลอยขอเป็นคนทำเมนูแกงมัสมั่นนะคะ จะได้ให้ป้าณีชิมว่าครูพักลักจำที่พลอยเอามาจากป้าณีลูกศิษย์คนนี้จะสอบผ่านหรือเปล่า” เด็กสาวบอกกับหญิงสูงวัยพร้อมกับยิ้มแป้นจนบรรดาแม่บ้านที่อยู่ในครัวต่างยิ้มตาม “หวังว่าพนักงานคงไม่ท้องเสียจนเสียชื่อคนสอนอย่างป้าล่ะ” ป้าณีหยอกเด็กสาว “พลอยสัญญาเลยค่ะว่าจะไม่ทำให้ป้าณีเสียชื่อแน่นอน” เด็กสาวตกปากรับคำอย่างมั่นใจก่อนจะเริ่มลงมือทำเมนูที่เธอเลือกอย่างตั้งอกตั้งใจ แกงมัสมั่นไก่หน้าตาน่ารับประทานส่งกลิ่นหอมของเครื่องแกงโชยไปทั่วห้องครัว น่องไก่ชิ้นใหญ่ที่ถูกตุ๋นจนเปื่อยน้ำแกงซึมเข้าเนื้อทั่วทั้งชิ้นยั่วน้ำลายมากขึ้นเมื่อตักแบ่งใส่ถ้วยสีใส “ตักเพิ่มอีกถ้วยจัดขึ้นโต๊ะให้คุณวีด้วย” ป้าณีบอกกับพลอยใสที่กำลังเลือกชิ้นไก่อีกชิ้นใส่ถ้วยที่ตั้งใจตักแบ่งให้ธารา “รสชาติไม่อร่อยเท่าป้าณี คุณวีจะทานได้เหรอคะ” ใบหน้าสดใสฉายแววความกังวลขึ้น เมื่ออาหารฝีมือเธอจะถูกตักไปให้ประมุขของบ้านทาน “ทานได้สิรสชาตินี้อร่อยที่สุดแล้ว คุณวีชอบทานมัสมั่นไก่มาก” พลอยใสจำต้องตักแบ่งอาหารฝีมือเธอเพิ่มอีกหนึ่งถ้วยสำหรับประมุขของบ้าน เมื่อเสร็จจากการช่วยงานในครัวพลอยใสก็มานั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ประจำของเธอซึ่งก็คือโต๊ะม้าหินอ่อนตรงสวนหย่อม ในขณะที่กำลังทบทวนตำราเรียนอยู่นั้นก็บังเอิญเห็นชายหนุ่มที่ไม่คุ้นหน้าก้าวเท้าลงจากรถ แต่ด้วยระยะไกลและมีบอดี้การ์ดบังมุมสายตาของเธออยู่จึงไม่สามารถมองเห็นใบหน้าชัดเจนได้ เห็นเพียงใบหน้าด้านข้างและแผ่นหลังของชายคนนั้นในระยะไกล ๆ “จะใช่คุณวีหรือเปล่านะ ต้องใช่แน่ ๆ” เสียงเล็กพึมพำอยู่คนเดียว แม้จะเห็นแค่ระยะไกลแต่ความรู้สึกและสัญชาตญาณของเธอก็รับรู้ได้ว่าชายหนุ่มคนนั้นคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “คุณวี” ผู้มีพระคุณของเธอ เพราะตลอดทางที่ชายหนุ่มเดินเข้าไปในบ้านบอดี้การ์ดทุกคนต่างก้มหัวให้ “ลุคค์กำลังจะเข้าไปที่ผับมันฝากถามว่าวันนี้นายจะเข้าไปหรือเปล่าจะได้เตรียมห้องครับ” ธาราที่เดินตามเจ้านายเข้ามายังห้องทำงานหลังจากพึ่งกลับจากบริษัทเอ่ยถามขึ้น “เข้า คืนนี้กูนัดกับพวกไอ้เหมันต์ไว้” ชาร์วีตอบกลับเสียงเรียบ “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมแจ้งลุคค์ให้เตรียมห้องไว้เลยนะครับ” “อืม บอกมันเตรียมเด็กไว้ดูแลไอ้มังกร ไอ้อเล็กซ์ และ ไอ้ฉลามด้วยส่วนของกูกับไอ้เหมันต์ไม่ต้อง” มาเฟียหนุ่มผู้ไร้ความรู้สึกคำนี้ยังใช้ได้กับชาร์วีเสมอ “ได้ครับ” ธารากำลังจะเดินออกไปถ่ายทอดคำสั่งของเจ้านายให้กับลุคค์มือซ้ายของชาร์วีที่คอยดูแลงานที่ผับ แต่เสียงของชาร์วีก็ดังขึ้นก่อนที่ธาราจะก้าวพ้นขอบประตู “เด็ก ๆ เป็นยังไงบ้างช่วงนี้” “ก็ปกตินะครับ เมื่อคืนผมเอาของไปให้พลอยใสก็ไม่เห็นมีใครว่าอะไรนี่ครับ แต่ถ้ามีพลอยใสก็คงจะโทรแจ้งผมแล้ว” “ดูท่าทางเด็กที่ชื่อพลอยใสจะสนิทกับมึงดีนะมีอะไรก็คอยบอกคอยถามกันตลอด” “ประชดหรือว่าอิจฉาครับ ถ้านายอิจฉาผมจะได้บอกกับพลอยใสว่าต่อไปนี้ถ้ามีอะไรให้โทรหานายโดยตรงได้เลย เห็นพักหลังมานี้ให้ความสนใจกับเด็กในการปกครองกว่าเมื่อก่อน” “มึงอย่ามายอกย้อนกูให้มากไอ้ธารา ออกไปจัดการงานที่กูสั่งได้แล้วก่อนที่ตีนกูจะลอยไปปิดปากมึง” ชาร์วีด่ากลับอย่างหัวเสียเมื่อโดนมือขวาคนสนิทยอกย้อนใส่ทุกครั้งเมื่อถามถึงเด็กสาว ชาร์วีเปิดดูงานจากอีเมลอีกนิดหน่อยก่อนจะเดินไปห้องส่วนตัวเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงไปทานมื้อเย็นก่อนจะเอาแอลกอฮอล์เข้าร่างกาย “แกงมัสสั่นรสชาติเป็นไงบ้างคะ ถูกปากไหม” ป้าณีเอ่ยถามเมื่อชาร์วีตักเนื้อไก่และน้ำแกงในถ้วยราดข้าวและตักเข้าปากต่อเนื่องสองสามคำ “ก็อร่อยเหมือนเดิมครับ แต่วันนี้รู้สึกว่าจะกลิ่นพริกแกงจะเข้มกว่าครั้งก่อนแต่ก็อร่อยดีครับ” ชาร์วีที่ทานรสมือป้าณีมาตั้งแต่เด็กไม่มีสักครั้งที่มาเฟียหนุ่มจะบ่นเรื่องรสชาติสักครั้งเพราะอาหารทุกจานที่ถูกจัดขึ้นโต๊ะนั้นถูกปากชาร์วีทุกอย่าง “รสชาติผมชอบนะครับจัดจ้านดี รู้สึกว่าเจริญอาหารกว่าทุกวัน ทำบ่อย ๆ นะครับ” ธาราเสริมขึ้นเมื่อตักแกงในถ้วยทานไปกว่าครึ่งพร้อมกับข้าวสวยในจานที่พร่องไปเกือบหมดจานเช่นกัน “แกงมัสมั่นป้าไม่ได้เป็นคนทำนะคะ วันนี้ป้าให้พลอยใสแสดงฝีมือ ถ้าคุณวีกับคุณธาราชอบวันหลังป้าจะให้เธอทำให้ทานอีกค่ะ” “ป้าว่าใครทำนะครับ” ชาร์วีละจากอาหารในจานเงยหน้าขึ้นถามแม่ครัวคนโปรดอีกครั้ง “พลอยใสค่ะ พลอยใสเป็นคนทำ” “พลอยใสเก่งนะครับทั้งการเรียน ทั้งงานบ้านงานเรือน ต่อไปคงเป็นแม่บ้านที่ดีคนหนึ่ง” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เผยขึ้นมุมปาก สายตาแฝงความเจ้าเล่ห์มองหน้าชาร์วีขณะที่พูดถึงเด็กสาว “ป้าก็คิดอย่างนั้นค่ะ ถ้าไม่นับชาติกำเนิด พลอยใสคือผู้หญิงที่เพียบพร้อมคนหนึ่ง” หญิงสูงวัยพูดขึ้นแสดงแววตาชื่นชม “เธอเก่งก็ดีแล้วครับ อนาคตข้างหน้าจะได้ดูแลตัวเองได้” ชาร์วีพูดขึ้นและก้มลงสนใจอาหารตรงหน้าต่อ ใช้เวลาเพียงยี่สิบนาทีมื้อเย็นก็จบลง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD