เสียงกริ่งด้านหน้าบ้านเรียกให้หญิงสาวในชุดนอนผ้าซาตินสวมทับด้วยผ้ากันเปื้อนที่กำลังง่วนอยู่กับการไล่จับยัยหนูฝาแฝดที่วิ่งไปวิ่งมาต้องขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ สงสัยและหงุดหงิดในใจขึ้นมาเล็กน้อย
ใครกันมาขัดจังหวะตอนนี้?
“ไคมา”
“น๊านจิ ไค”
เด็ก ๆ หยุดวิ่งทันทีที่ได้ยินเสียง ทั้งยังทำหน้างงใส่ผู้เป็นแม่อย่างน่าเอ็นดู ยัยหนูคนพี่เอียงคอไปทางซ้ายด้วยหน้างง ๆ ส่วนยัยหนูคนน้องเอียงไปทางขวา ภาพนั้นทำให้ใจคนเป็นแม่แทบจะละลายแต่ก็ต้องสนใจคนด้านนอกก่อน
“ยี่หวา ยาหยี ไม่ซนแล้วนะคะ ไปนั่งที่โซฟารอแม่จ๋านะ เดี๋ยวแม่จ๋าไปเปิดประตูแป๊บนึง”
“คร่า/คร่า” เด็ก ๆ ตอบรับอย่างว่าง่าย ทั้งที่จริง ๆ แล้วเป็นตัวแสบของคนเป็นแม่ก่อนจะจูงมือกันวิ่งไปนั่งที่โซฟา หญิงสาวหยุดสายตาที่มองตามเด็ก ๆ จนลับตาก่อนจะตรงไปที่ประตูทันทีโดยไม่รอช้า ด้วยคิดว่าอาจจะเป็นแม่บุญธรรมหรือเพื่อนบ้านที่บางครั้งก็มีกับข้าวหรือขนมมาเผื่อแผ่
ทว่าทันทีที่เปิดประตูเธอก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตื่นตกใจจนต้องรีบปิดประตูโดยไม่สนว่าจะกระแทกหน้าอีกฝ่ายหรือไม่
ทำไมกัน?
ทำไมพ่อของลูกที่ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกถึงได้มาอยู่ตรงหน้าแบบนี้ล่ะ?
เขากับเธอไม่น่าจะมาพบเจอกันอีกด้วยซ้ำไป...แล้วเขามาได้ยังไง!!!
Rrrr.
เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ในกระเป๋าทำให้คนตื่นตกใจอยู่แล้วยิ่งสะดุ้ง หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสายในทันทีเมื่อเห็นว่าปลายสายเป็นแม่บุญธรรมที่แสนดี “ฮัลโหลค่ะแม่ทิพย์”
“ณิช แม่ให้พี่ธีร์เอาขนมไปให้น่ะ ได้ขนมหรือยัง”
“พี่ธีร์?” ชื่อนี้เธอจำได้ แม่บุญธรรมพูดถึงบ่อย ๆ แต่เธอไม่เคยได้เจอเจอะตลอดสี่ปีที่มาอยู่ที่นี่ ท่านจะบอกว่าคนที่อยู่หน้าบ้านนั่นคือคนที่ชื่อธีร์อย่างนั้นเหรอ?
“ใช่จ้ะ พี่ธีร์” ปลายสายตอบมาอย่างชัดถ้อยชัดคำก่อนจะบอกเล่าต่อ “ความจริงแม่จะให้ธาราเอาไป แต่ยัยธาราน่ะติดนิสัยชอบโยนให้ตาธีร์ทำ ณิชไม่ต้องกลัวพี่เขานะ เห็นหน้านิ่ง ๆ แบบนั้นน่ะ เก๊กไปงั้นแหละ...”
แม่บุญธรรมพูดอะไร เธอแทบฟังไม่รู้เรื่องแล้ว หูมันอื้อไปหมด ในหัวมีแต่คำคำนึงวนเวียนอยู่
ผู้ชายคนนั้น...เป็นลูกชายแท้ ๆ ของแม่บุญธรรม และเป็นเจ้าของบ้านที่เธอเช่าอยู่
นี่เธออยู่บ้านพ่อของลูกมาตลอดสี่ปีเลยเหรอเนี่ย!!!
โชคชะตาเล่นตลกอะไรกับชีวิตเธอกันเนี่ย!!!