“ไปทำอะไรมาหน้าแดง” เกลเอ่ยถามเมื่อฉันกลับมานั่งที่เดิม
“แดงเหรอ” ฉันยกมือประกบสองแก้มของตัวเองเพื่อเช็กดู
“อืม” เกลตอบออกมาเพียงเท่านั้น ก่อนจะไปทำหน้าที่ชงเครื่องดื่มให้ลูกค้าคนอื่น ๆ
และเมื่อชงเสร็จก็กลับมายืนอยู่ตรงหน้าฉันอีกครั้ง
“เขาเจ้าชู้ใช่ไหม” เมื่อได้จังหวะที่เกลว่าง ฉันก็โพล่งถามออกไปในสิ่งที่อยากรู้
“ใคร” แต่เพื่อนสาวนี่สิ
“แกนี่ เราคุยถึงเรื่องใครค้างไว้ล่ะ”
“อ้อ...” พอดุไปทีก็จำได้ขึ้นมาเชียว
“...โอเค ๆ ก็ตามประสาคนโสดที่เป็นที่หมายปองของสาว ๆ นั่นแหละ” แสดงว่าเจ้าชู้หรือเปล่า
แต่ถ้าโสด เอ๊ะ โสดสินะ
“ทำไม ติดใจงั้นสิ” คำพูดของเพื่อนทำให้ฉันคิดหนัก ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าฉันติดใจเขาอย่างที่เกลพูดออกมา
“ไม่ได้หรอก เขาคือหนึ่งในคนที่มาขอเทกโอเวอร์บริษัทฉัน แกก็รู้ว่าฉันเกลียดพวกฉวยโอกาสมากแค่ไหน” และสุดท้ายฉันก็ตีกับตัวเอง
“เรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวควรแยกกันสิ” เกลคงเห็นฉันคิดหนักจึงเอ่ยฉันแบบนั้น
“แยกไม่ได้หรอก” เรื่องแบบนี้มันคงจะแยกกันได้หรอก เพราะงานคือทั้งชีวิตของฉัน
ฉันเป็นเจ้าของบริษัทนี่นา
“แน่ใจนะว่าจะไม่เสียดาย”
“ก็ไม่ได้เด็ดอะไรขนาดนั้น” ปากพูดบอกออกไปแบบนั้น แต่จริง ๆ แล้วฉันเสียดายเอามาก ๆ เลยละ
“แต่หน้าแดงนะ”
“แกผสมเหล้าให้ฉันเยอะหรือเปล่า” อันนี้ไม่ได้ปากไม่ตรงกับใจ แต่ฉันรู้สึกมึนหัวขึ้นมามากกว่าเดิม
“ใส่นิดเดียวแกก็เมาเนอะ” ฉันเท้าแขนกับเคาน์เตอร์บาร์ มือพลางกุมขมับเอาไว้ แทบอยากจะฟุบลงไปนอน
“พูดถึงเขา เขาก็มองแกอยู่ตลอดนะ” สิ้นประโยคของเกล ฉันก็เงยหน้ามองเพื่อนสาวในทันที สายตาของเพื่อนสาวกำลังจ้องมองเลยบ่าของฉันไป เมื่อมองตามยังด้านหลังก็พบกับเขาคนนั้นจริง ๆ
“แกเห็นเขาตั้งแต่เมื่อไร” ฉันหันกลับมาถามเพื่อนสาว
“เขามาก่อนแกอีกนะ”
“จริงดิ” ฉันถามออกไปอย่างตกใจ เพราะก่อนหน้านี้ดันไปกล่าวหาเขาว่าจงใจตามฉันมา
โอ๊ย ทำตัวน่าขายหน้าจริง ๆ ยัยลลิน
และประโยคถัดมาก็ยิ่งตอกย้ำความปากพล่อยของตัวเอง เกิดมาทั้งชีวิตวันนี้เป็นวันที่ขายหน้าที่สุด
“ที่นี่ก็เป็นผับของเขา” พูดจบเพื่อนรักก็เดินจากไป ทิ้งให้ฉันนอนฟุบปิดหน้าตัวเองอยู่ลำพัง
ฉันพยายามตั้งสติ ไม่ยกแก้วเครื่องดื่มตรงหน้าขึ้นจิบอีกเลย
...
เพียงครู่ใหญ่เพื่อนรักก็กลับมาหาฉันอีกครั้ง
“ถ้าคืนนี้เขาชวนฉันอีก ฉันควรไปไหม” ฉันนั่งครุ่นคิดกับแววตาของเขาเมื่อตอนไปเข้าห้องน้ำ
“ติดใจล่ะสิ”
“จะว่าใช่ก็ใช่” เป็นฉันคนเดียวหรือที่คิดแบบนั้น?
แววตาที่เขาสื่อออกมา ถ้าฉันมองไม่ผิดเขาก็คิดแบบเดียวกันอยู่แน่ ๆ
“คิดแค่ว่าแก้เครียดแล้วกัน...”
“...มันก็ดีกว่านอนปวดหัวอยู่ที่ห้องคนเดียวไม่ใช่เหรอ”
เพื่อนสาวแนะนำมาจากประสบการณ์ของตัวเองล้วน ๆ เมื่อได้คำปรึกษามาอย่างนั้น ฉันก็เอี้ยวตัวไปมองยังโต๊ะที่เขานั่งอยู่อีกครั้ง แล้วก็พบสายตาคู่คมที่กำลังมองฉันอยู่ก่อนแล้ว
เราสบตากัน...
สายตาที่จ้องมองมาทำฉันอ่อนระทวย หัวใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก
“ฉันกลับแล้วดีกว่า” ฉันบอกเพื่อนสาว แต่ก่อนจะไปฉันคิดยังไงไม่รู้ มือหยิบเครื่องดื่มตรงหน้ากระดกลงคอรวดเดียวจนหมดแก้ว
ฉันมอมตัวเองอีกแล้ว
จากนั้นจึงเดินออกมานอกผับ ถ้าเขาตามมาแสดงว่าคิดแบบเดียวกัน
แต่ถ้าไม่...
หมับ จู่ ๆ ก็มีมือหนาเอื้อมมารั้งข้อมือฉันไว้
“ให้ผมไปส่งไหม”
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นหูเอ่ยถาม ก็รู้ได้ในทันทีว่าเป็นเขา...
“ฉันมาคิดดูแล้ว เรื่องที่คุณเสนอมาก็น่าสนใจดีนะคะ” ฉันหันมาสบตากับเขา
“ถ้าคุณสนใจ ไปคุยรายละเอียดที่ห้องผมไหม”
....
ปัง!
เมื่อฉันและเขาเข้ามาในห้อง เท้าของอีกฝ่ายก็ยันประตูปิดอย่างแรง
“อ๊ะ” ก่อนที่มือหนาจะกระชากตัวฉันเข้าหาอกแกร่ง และผลักจนแผ่นหลังฉันติดกับกำแพง
“อ๊ะ อื้อ” แค่เพียงเสี้ยวที่เราหันหน้าเข้าหากัน ริมฝีปากหนาก็ประกบจูบเข้ามาในทันที
ลิ้นร้อนแทรกเข้าโพรงปากอย่างถือวิสาสะ พร้อมตวัดหยอกเย้าทำเอาฉันเคลิบเคลิ้มไป เผลอเผยอปากให้เขาได้ทำตามต้องการ
จ๊วบ
เมื่อเราดูดริมฝีปากเสียงอันน่าอายก็ดังระงม เรียวลิ้นหยอกล้อกันไปมาอย่างคนเข้ากันได้เป็นอย่างดี
มือหนาคอยเคล้นคลึงที่เอวคอดกิ่ว ไล่เลื่อนมายังอกอวบจนฉันหายใจติดขัด รู้สึกเสียวซ่านจากสัมผัสที่เขากำลังมอบให้
“อ๊า” ฉันเชิดหน้าร้องครางกระเส่า เมื่อริมฝีปากของเราผละออก เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ริมฝีปากเปียกชื้นไล้จูบลงบนซอกคอฉันสลับไปมาซ้ายขวา
ตาย ฉันตายได้อย่างไม่คิดเสียดายชีวิต
“หอม คุณหอมมาก” คำพูดเอ่ยชมของเขาบวกกับสายตาที่กำลังช้อนมองขึ้นมากระชากฉันเข้าสู่กองไฟราคะที่กำลังลุกโชนพร้อมแผดเผา
“อ๊ะ อือ” ใบหน้าหล่อซุกลงตรงทรวงอก ก่อนจะจูบเบา ๆ พร้อมกับลากลิ้นสัมผัส ฉันกำชายเสื้อของเขาไว้แน่นอย่างต้องการหาที่ยึด
เขาเล่นงานฉันจนแทบจะยืนไม่อยู่
เขาเก่งมาก
และในตอนนั้นเอง
พรึบ
“อ๊ะ” แขนแกร่งช้อนอุ้มฉันขึ้นในท่าเจ้าสาว ฉันก็ตวัดแขนโอบเข้าที่ลำคอแกร่งในทันที
“อื้อ” ใจคอไม่คิดจะปล่อยให้แม้แต่วินาทีเสียเปล่าเลยหรืออย่างไร เขาก้มประกบริมฝีปากฉันทันทีพร้อมกับพาเข้าไปในห้องนอน
จ๊วบ
เราสองคนจูบกันดูดดื่ม เมื่อถึงเตียงนุ่มเขาก็วางฉันลงอย่างแผ่วเบา แต่แขนฉันยังคล้องคอแกร่งไม่ปล่อย เพราะฉันยังอยากลิ้มรสความหวานจากโพรงปากเขาอยู่
ลิ้นเราตวัดดูดดื่มกันไปมา พร้อมกับใจที่เต้นระรัว รู้สึกเสียววูบวาบไปทั่วกาย
ระหว่างที่เรากำลังชิมความหวานจากในโพรงปากกันอยู่นั้น มือหนาก็ไม่อยู่เฉย จัดแจงลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลัง จนฉันต้องแอ่นตัวดันอกอวบชิดกับอกแกร่ง ให้เขาได้รูดซิปชุดเดรสออกได้ง่ายขึ้น
“อื้อ” เรายังจูบกันอย่างดูดดื่ม ยิ่งนานก็ยิ่งต้องการ
ต้องการเพิ่มมากขึ้นไปอีก
จ๊วบ เขาถอนริมฝีปากออก ฉันที่ยังต้องการอยู่ก็มองตามริมฝีปากเขาตาละห้อย
“หึ” เขาขำอยู่ในลำคอเมื่อเห็นท่าทีของฉัน มุมปากยกยิ้มพร้อมมองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ก่อนนิ้วเรียวจะยื่นมาเช็ดคราบน้ำลายบริเวณปากของฉันให้
ไม่รู้ว่าด้วยสัญชาตญาณหรือสิ่งอื่นใดมาดลใจ กระตุ้นให้ฉันตอบโต้ด้วยการงับเข้าที่นิ้วของเขา ใช้ฟันขบนิ้วแกร่งเล่นอย่างต้องการหยอกเย้า
“อ่า คุณเล่นกับใจผมเหลือเกิน” ยิ่งเขาพูดพร้อมส่งสายตาร้อนแรง ยิ่งส่งผลต่อความกล้าและปลุกความต้องการในตัวของฉันให้เผยออกมา
“อื้อ” ริมฝีปากหนาประกบจูบฉันอีกครั้ง เหมือนว่าไฟราคะที่มีจะลุกโชนยิ่งกว่าเดิม เขาดูดดื่มแรงขึ้นตามไฟปรารถนา