เมื่อเวลาผ่านไปหลายเดือน ความสัมพันธ์ระหว่างฉินจิ่นหลงและไป๋อวิ๋นเหอยังคงพัฒนาไปอย่างช้าๆ และมีความเข้มข้นขึ้นทุกวัน การร่วมมือกันในเรื่องการปกครองและการทหารทำให้พวกเขามีโอกาสได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น แม้จะยังคงมีระยะห่างทางอารมณ์และความสัมพันธ์ แต่ก็มีบางช่วงเวลาที่ทั้งคู่เริ่มเปิดใจให้กันมากขึ้น
ในขณะที่ทั้งสองกำลังประชุมเกี่ยวกับแผนการปกครองที่สำคัญ ฉินจิ่นหลงสังเกตเห็นความเงียบของไป๋อวิ๋นเหอที่ไม่เหมือนเดิมในช่วงนี้ ราวกับว่ามีบางสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ในใจ
“ไป๋อวิ๋นเหอ” ฉินจิ่นหลงถามอย่างสงสัย ขณะมองไปที่ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ “เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?”
ไป๋อวิ๋นเหอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถาม แต่เขาก็พยายามรักษาท่าทีให้สงบ “ข้ากำลังคิดถึงการจัดการกับสถานการณ์ในภูมิภาคตะวันตก ข้ามีข้อมูลใหม่ที่จะช่วยปรับเปลี่ยนแผนที่เราวางไว้”
ฉินจิ่นหลงยังคงมองไปที่ไป๋อวิ๋นเหออย่างพิจารณา ก่อนที่จะยิ้มเล็กน้อย “เจ้ามีบางสิ่งที่ต้องการบอกข้าใช่ไหม?”
ไป๋อวิ๋นเหอเงียบไปชั่วขณะ แม้จะมีความกังวลอยู่ในใจ แต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรออกมา “ไม่ครับ ข้าแค่คิดว่าแผนการนี้จะช่วยให้บ้านเมืองสงบสุขขึ้น”
หลังจากการประชุมเสร็จสิ้น ฉินจิ่นหลงเดินออกจากห้องไป แต่ก่อนที่จะถึงประตู เขาหันกลับไปมองไป๋อวิ๋นเหออีกครั้งด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจบอกได้
“เจ้ามีบางสิ่งที่ไม่บอกข้าใช่ไหม?” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย
ไป๋อวิ๋นเหอรู้สึกถึงความกดดันจากคำถามนั้น แต่เขาก็ยังคงเลือกที่จะไม่พูดอะไรออกมา เขารู้ดีว่าความลับที่เขาซ่อนไว้ยังคงเป็นสิ่งที่เขาจะต้องเผชิญเองในอนาคต
ในคืนนั้น หลังจากการประชุมเสร็จสิ้น ไป๋อวิ๋นเหอเดินกลับมาที่ห้องของตนเอง ใจของเขายังคงหนักอึ้งกับสิ่งที่เขากำลังคิดถึง ความรู้สึกที่มีต่อฉินจิ่นหลงเริ่มซับซ้อนขึ้นทุกวัน เขารู้ดีว่าเขากำลังต้องเผชิญกับบางสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ขณะที่เขานั่งอยู่ที่โต๊ะไม้ มองไปที่จดหมายที่เขาได้รับจากแหล่งข่าวลับที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน จดหมายที่เขาเก็บเป็นความลับมาตลอด เนื้อหาของจดหมายทำให้เขารู้สึกถึงความกดดันที่เขากำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้
“มันคงถึงเวลาที่ข้าจะต้องตัดสินใจแล้ว” ไป๋อวิ๋นเหอพึมพำกับตัวเอง เขามองจดหมายในมือ ก่อนจะวางลงบนโต๊ะอย่างตัดสินใจ
ในขณะนั้นเอง เขาได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ เสียงที่ทำให้หัวใจของเขากระตุกขึ้นมาในทันที เขารีบลุกขึ้นไปเปิดประตู พบกับฉินจิ่นหลงที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ไป๋อวิ๋นเหอ” ฉินจิ่นหลงพูดเสียงเบา “ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า”
ไป๋อวิ๋นเหอรู้สึกถึงความกดดันจากการที่ฉินจิ่นหลงเข้ามาใกล้ แต่เขาก็พยายามแสดงท่าทีที่ไม่แสดงอารมณ์มากนัก “ท่านมีอะไรหรือครับ?”
“เจ้ามีอะไรจะบอกข้า?” ฉินจิ่นหลงถามอย่างตรงไปตรงมา สายตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยที่ไม่สามารถซ่อนเร้นได้ “ข้าเห็นว่าเจ้ากำลังเก็บบางสิ่งไว้”
คำถามของฉินจิ่นหลงทำให้ไป๋อวิ๋นเหอรู้สึกเหมือนกับว่าทุกอย่างถูกเปิดเผยไปแล้ว เขารู้ดีว่าคงไม่มีทางหลีกเลี่ยงความจริงนี้ได้อีกต่อไป
“ข้าขอโทษ” ไป๋อวิ๋นเหอพูดออกไปในที่สุด “ข้ากำลังซ่อนเรื่องบางอย่างจากท่าน”
ฉินจิ่นหลงยืนนิ่งอยู่สักพัก ก่อนที่จะยิ้มออกมาน้อยๆ “มันไม่เป็นไรหรอก แต่เจ้าคิดว่าข้าจะไม่รู้หรือ?”
ไป๋อวิ๋นเหอไม่สามารถตอบอะไรได้ เขาเพียงแค่ยืนนิ่งอยู่ในความเงียบขณะที่ฉินจิ่นหลงยืนอยู่ข้างๆ สายตาของทั้งคู่ประสานกันในช่วงเวลานั้น ความรู้สึกที่ไม่ได้พูดออกมานั้นเริ่มบ่งบอกให้รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากำลังจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
“ถ้าเจ้าพร้อมที่จะบอกข้าเมื่อใด ข้าจะรอฟัง” ฉินจิ่นหลงกล่าวเบาๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ไป๋อวิ๋นเหอนั่งลงบนเก้าอี้ มองไปที่จดหมายในมือเขาอีกครั้ง รู้สึกถึงความหนักหน่วงในหัวใจ เขารู้ว่าเรื่องนี้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป และการตัดสินใจที่เขาจะทำในเร็วๆ นี้ อาจจะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาและฉินจิ่นหลงไปตลอดกาล