หลายวันหลังจากที่ฉินจิ่นหลงพูดกับไป๋อวิ๋นเหอเกี่ยวกับความลับที่เขาเก็บไว้ไป๋อวิ๋นเหอก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความรู้สึกที่คั่งค้างในใจได้อีกต่อไป ความรู้สึกผิดและความกังวลทำให้เขาตัดสินใจได้ในที่สุดว่าถึงเวลาแล้วที่จะบอกสิ่งที่เขาซ่อนไว้ ตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อนที่เขาเริ่มรู้จักฉินจิ่นหลงมากขึ้น การยอมรับและไว้วางใจเขาคือสิ่งที่ไป๋อวิ๋นเหอเริ่มรู้สึกถึง แม้ว่าจะไม่ง่ายนักที่จะเผยความจริงบางอย่างที่เขาเก็บซ่อนเอาไว้
เช้าวันหนึ่ง ในช่วงเวลาเช้าตรู่ ฉินจิ่นหลงเดินเข้าไปในห้องทำงานของไป๋อวิ๋นเหออย่างที่เคยทำบ่อยๆ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยคำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบ ในขณะที่เขากำลังเดินเข้าไปในห้อง เขาสังเกตเห็นไป๋อวิ๋นเหอที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ใบหน้าเต็มไปด้วยความเครียดและหนักใจ
“ไป๋อวิ๋นเหอ…” ฉินจิ่นหลงเริ่มเปิดปาก แต่คำพูดกลับติดอยู่ที่คอ ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นว่ามีอะไรบางอย่างที่แตกต่างจากปกติ ความเงียบที่แผ่คลุมไปทั่วห้องทำให้ความรู้สึกของเขาตึงเครียดขึ้นทันที
ไป๋อวิ๋นเหอหันมามองอย่างเงียบๆ เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาในทันที แต่ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจแล้วว่าจะเปิดเผยความจริงให้ฉินจิ่นหลงได้รู้
“ท่านเคยถามข้า… ว่ามีอะไรที่ข้าไม่ได้บอกท่าน” ไป๋อวิ๋นเหอเริ่มพูดเสียงเบา “ข้าคิดว่ามันถึงเวลาที่ข้าจะต้องบอกท่านเรื่องนี้”
ฉินจิ่นหลงยืนอยู่ตรงประตูนิ่ง เขาจับจ้องไปที่ไป๋อวิ๋นเหอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสนใจ “เจ้ากำลังจะบอกอะไร?”
ไป๋อวิ๋นเหอสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะพูดออกมา “ข้าไม่ได้เป็นแค่ขุนนางในราชสำนัก ข้าคือ… ทายาทของตระกูลไป๋ที่เคยเป็นคู่แข่งของตระกูลฉินในอดีต”
คำพูดของไป๋อวิ๋นเหอทำให้ฉินจิ่นหลงสะดุ้ง เขาตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความสงสัยและคำถามที่ไม่อาจหาคำตอบได้
“ตระกูลไป๋ที่เคยเป็นคู่แข่งของตระกูลฉิน?” ฉินจิ่นหลงทวนคำในใจ คำพูดของไป๋อวิ๋นเหอทำให้เขาคิดถึงความขัดแย้งในอดีตที่เคยเกิดขึ้นระหว่างสองตระกูลนี้
“ใช่ครับ…” ไป๋อวิ๋นเหอตอบ เขาพูดอย่างแน่วแน่และซื่อสัตย์ “ข้าเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่พยายามโค่นล้มอำนาจของตระกูลฉินในช่วงที่ข้ายังเป็นเด็ก แต่เมื่อข้าโตขึ้น ข้าเริ่มเห็นถึงความจริงในสิ่งที่ข้าทำ และได้ตัดสินใจที่จะแยกตัวออกจากเรื่องนี้”
ความเงียบเข้าครอบงำห้อง ขณะที่ฉินจิ่นหลงพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่ไป๋อวิ๋นเหอเพิ่งบอกออกมา ความรู้สึกที่ซับซ้อนเริ่มเกิดขึ้นในใจของเขา
“เจ้าบอกว่าตระกูลของเจ้าเคยพยายามโค่นล้มตระกูลข้า แล้วตอนนี้เจ้าจะให้ข้าเชื่อได้ยังไงว่าข้าจะไม่ถูกหักหลัง?” ฉินจิ่นหลงถามเสียงหนักแน่น แต่ในแววตากลับมีความสงสัย
ไป๋อวิ๋นเหอก้มหน้า “ข้ารู้ดีว่ามันยากที่จะเชื่อ แต่ข้าทำทุกอย่างเพื่อให้สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตไม่ส่งผลกระทบต่ออนาคต ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ข้างท่านและจะช่วยท่านในทุกทางที่ข้าสามารถทำได้”
ฉินจิ่นหลงเงียบไปสักครู่ ขณะที่เขาคิดถึงสิ่งที่ไป๋อวิ๋นเหอเพิ่งบอก ความขัดแย้งในใจเริ่มเติบโต เขารู้ว่าการตัดสินใจในตอนนี้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของเขาและไป๋อวิ๋นเหอ
“ข้าไม่รู้ว่าข้าจะเชื่อเจ้าหรือไม่ แต่เจ้าต้องจำไว้ว่า… ถ้าเจ้าคิดที่จะหักหลังข้า ข้าจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น” ฉินจิ่นหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ไป๋อวิ๋นเหอพยักหน้าอย่างมั่นคง “ข้าจะทำทุกสิ่งเพื่อให้ท่านมั่นใจว่า ข้าจะไม่หักหลังท่าน”
ทั้งสองคนยืนอยู่ในห้อง เงียบงัน ความรู้สึกที่พวกเขามีต่อกันในตอนนี้ไม่สามารถบอกได้ว่าจะไปในทิศทางไหน แต่สิ่งที่ทั้งคู่รู้ดีคือความสัมพันธ์ของพวกเขากำลังอยู่ในจุดที่สำคัญที่สุดแล้ว และทุกการตัดสินใจในช่วงเวลานี้จะมีผลกระทบต่ออนาคตของพวกเขาอย่างไม่อาจย้อนกลับได้