ลิขิตฟ้าข้าขอเป็นชายา

เส้นทางที่มืดมน

แม้เวลาจะผ่านไปนาน และความสงบในราชสำนักเริ่มกลับคืนมา แต่ในใจของฉินจิ่นหลงและไป๋อวิ๋นเหอ กลับมีความตึงเครียดที่ยังคงซ่อนอยู่ในเงามืด ขณะที่ฉินจิ่นหลงเริ่มเอนเอียงไปทางการให้โอกาสไป๋อวิ๋นเหอพิสูจน์ตัวเอง แต่ก็ยังไม่สามารถขจัดความสงสัยในใจไปได้

วันหนึ่ง ขณะเดินทางไปยังตำหนักใหญ่เพื่อประชุมราชสำนัก มีข่าวที่ทำให้ทั้งสองคนต้องหยุดชะงัก เมื่อเจ้าหน้าที่รายงานว่ามีกลุ่มขุนนางบางคนที่ยังไม่ยอมสยบต่อการปฏิวัติที่ฉินจิ่นหลงดำเนินการ พวกเขาเริ่มรวมตัวกันอีกครั้งและตั้งแผนการที่จะสร้างความวุ่นวายในราชสำนัก

“ไป๋อวิ๋นเหอ…” ฉินจิ่นหลงกล่าวเสียงต่ำ ขณะมองไปที่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ “เจ้าคิดว่าเรื่องนี้จะจบลงได้อย่างไร?”

ไป๋อวิ๋นเหอมองไปยังท้องฟ้าที่เริ่มคลื้มคลั่งและสั่นสะท้าน ท่ามกลางความสงบที่ได้บังเกิดขึ้นหลังการก่อกบฏครั้งก่อน การกลับมาของกลุ่มขุนนางที่เคยก่อการไม่เพียงแต่เป็นการกระทำที่ขัดขวางความมั่นคงของราชสำนัก แต่ยังเป็นการท้าทายความสามารถของเขาในการปกป้องสถานะที่เขาได้สร้างขึ้นมา

“พวกเขาคงไม่ยอมแพ้จนกว่าจะถึงที่สุด” ไป๋อวิ๋นเหอพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “และหากเราไม่จัดการกับพวกเขาให้เด็ดขาดในตอนนี้ การปกครองของท่านจะต้องเผชิญกับความเสียหายอย่างรุนแรง”

ฉินจิ่นหลงพยักหน้า ในใจของเขารู้ดีว่าการต่อสู้ในครั้งนี้จะไม่เหมือนครั้งก่อน การจะปราบปรามกลุ่มขุนนางที่ทรยศนั้นจะต้องใช้ทั้งปัญญาและความแข็งแกร่งที่ไม่อาจประมาทได้

“เจ้าพร้อมที่จะรับมือกับสิ่งนี้หรือไม่?” ฉินจิ่นหลงถามไป๋อวิ๋นเหอด้วยสายตาที่แฝงความคาดหวัง

“ข้าพร้อม” ไป๋อวิ๋นเหอตอบอย่างมั่นใจ “ข้าจะไม่ยอมให้การก่อกบฏนี้ทำลายสิ่งที่เราได้สร้างขึ้น”

เมื่อข่าวการเคลื่อนไหวของกลุ่มขุนนางถึงหูของราชสำนัก การเตรียมการต่างๆ ก็เริ่มดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ไป๋อวิ๋นเหอได้รับหน้าที่สำคัญในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มกบฏและทำการสืบสวนเพื่อหาตัวการที่แท้จริงเบื้องหลังความเคลื่อนไหวนี้

แต่ยิ่งเขาค้นหาข้อมูลลึกลงไป กลับยิ่งพบว่ามีบางสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ข้อมูลที่ได้รับดูเหมือนจะชี้ไปที่ขุนนางบางคนที่เคยสนับสนุนเขาในอดีต และบางทีอาจมีการหลบซ่อนความลับที่เกี่ยวข้องกับการก่อการในครั้งนี้

“ไม่ใช่แค่การต่อสู้กับพวกขุนนางฝ่ายตรงข้าม แต่มีบางสิ่งที่ข้าควรรู้เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวนี้” ไป๋อวิ๋นเหอกล่าวเสียงต่ำขณะเดินไปตามทางเดินในตำหนัก “ข้าอาจจะต้องเผชิญกับสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน”

ในขณะที่เขากำลังพยายามหาคำตอบเกี่ยวกับความลึกลับที่ซ่อนอยู่ในราชสำนัก ฉินจิ่นหลงเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ของเขากับไป๋อวิ๋นเหอ แม้ไป๋อวิ๋นเหอจะทำงานอย่างหนัก แต่บางสิ่งที่ไม่สามารถระบุได้ในใจของฉินจิ่นหลงก็ยังคงยืดเยื้อ

วันหนึ่ง ขณะที่ไป๋อวิ๋นเหอกำลังวางแผนขั้นตอนสุดท้ายในการจับกุมกลุ่มขุนนางกบฏ เขาได้รับข้อมูลใหม่จากแหล่งข่าวที่ทำให้เขาต้องหยุดชะงัก

“ข้าได้ข้อมูลที่สำคัญ” ไป๋อวิ๋นเหอกล่าวขณะเดินเข้ามาหาฉินจิ่นหลงในห้องทำงาน “คนที่กำลังวางแผนอยู่เบื้องหลังอาจจะไม่ใช่คนที่เราคิด”

ฉินจิ่นหลงมองไป๋อวิ๋นเหอด้วยความสนใจ “ใครที่เจ้าหมายถึง?”

ไป๋อวิ๋นเหอหยิบแผนที่ที่เขาได้รวบรวมข้อมูลขึ้นมา เขาชี้ไปยังจุดที่สำคัญบนแผนที่ ซึ่งระบุถึงพื้นที่ลับที่ไม่เคยปรากฏในรายงานทางการ

“เป็นที่นี่” ไป๋อวิ๋นเหอกล่าว “ข้าคิดว่าเจ้าของพื้นที่นี้อาจจะเป็นคนที่ท่านไม่เคยคาดคิด”

ฉินจิ่นหลงมองตามจุดที่ไป๋อวิ๋นเหอชี้ ด้วยความสงสัยที่เริ่มเกิดขึ้นในใจ เขารู้ดีว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาต้องยืนหยัดและต่อสู้กับความจริงที่เริ่มเผยตัว

“เจ้าแน่ใจหรือ?” ฉินจิ่นหลงถามเสียงเย็น “ถ้าเจ้าผิดพลาด ข้าอาจจะต้องรับผลกระทบที่ร้ายแรง”

ไป๋อวิ๋นเหอพยักหน้าอย่างมั่นใจ “ข้ารู้ว่าเส้นทางที่ข้าเดินนั้นยากลำบาก แต่ข้าต้องการให้ท่านรู้ว่า ข้าทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนความไว้วางใจที่ท่านให้กับข้า”

ความเงียบกลับมาอีกครั้งในห้องทำงาน ขณะที่ความไม่แน่ใจและความตึงเครียดเริ่มสะสมในใจของทั้งสอง แม้จะพยายามเต็มที่เพื่อปกป้องราชสำนักและสร้างความมั่นคง แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าเส้นทางที่มืดมนและอันตรายรอคอยพวกเขาอยู่ข้างหน้า