ช่วงเวลาแห่งความสงบที่กลับคืนมาในราชสำนักทำให้บรรยากาศในพระราชวังเงียบสงบขึ้น แต่ภายใต้ผิวเผินของการกลับมาของอำนาจ ยังมีคำถามที่ค้างคาในใจของทั้งฉินจิ่นหลงและไป๋อวิ๋นเหอ ทั้งสองต่างยังคงเดินไปตามเส้นทางที่พวกเขาเลือก แม้จะรู้ดีว่ามีบางสิ่งที่ไม่อาจกลับไปเหมือนเดิมได้
ในขณะที่ฉินจิ่นหลงกำลังเผชิญหน้ากับการปรับเปลี่ยนที่จำเป็นในราชสำนัก เขากลับรู้สึกถึงความเครียดที่สะสมในใจ การเป็นผู้ปกครองที่ต้องแบกรับทั้งอำนาจและความรับผิดชอบย่อมไม่ง่ายดาย บางครั้งการตัดสินใจที่ถูกต้องกลับทำให้เขารู้สึกแปลกแยกจากคนที่เขารักและไว้วางใจที่สุด
วันหนึ่ง หลังจากที่การปรับเปลี่ยนในราชสำนักเสร็จสิ้น ฉินจิ่นหลงนั่งอยู่ในห้องทำงานของเขา ใจที่เคยแน่วแน่กลับเต็มไปด้วยความวิตกกังวล เขาไม่ได้รู้สึกถึงการชนะในครั้งนี้เท่ากับความสูญเสียบางอย่างที่ยังค้างคาในใจ
“ไป๋อวิ๋นเหอ…” เขากล่าวเสียงเบา เมื่อเห็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงประตู
ไป๋อวิ๋นเหอยืนนิ่งมองฉินจิ่นหลงด้วยสายตาที่ไม่สามารถอ่านได้ เขาเห็นฉินจิ่นหลงที่ดูเหมือนจะรู้สึกผิดกับบางสิ่ง แม้จะทำทุกอย่างเพื่อให้ราชสำนักกลับมาเป็นปกติ แต่ในใจของทั้งสองยังคงมีบางอย่างที่ไม่สามารถเอื้อมถึง
“ท่านรู้สึกอย่างไร?” ไป๋อวิ๋นเหอถามเสียงต่ำ
ฉินจิ่นหลงหันไปมองไป๋อวิ๋นเหอ ขณะที่เขารู้สึกถึงความสับสนในใจ “ข้าไม่รู้ว่าเราควรทำอะไรต่อไป เรากำจัดศัตรูออกไปแล้ว แต่สิ่งที่เราทำ…มันคุ้มค่าหรือ?”
ไป๋อวิ๋นเหอเดินเข้าไปใกล้เขา ก่อนจะยิ้มเล็กน้อย “การที่เรากำจัดศัตรูไม่ได้หมายความว่าเราจะสูญเสียอะไรไป ข้าเชื่อว่าเราทำในสิ่งที่ถูกต้อง”
“แต่บางครั้ง ความถูกต้องก็ไม่ได้ช่วยให้เราหายจากความเจ็บปวด” ฉินจิ่นหลงตอบเสียงเบา
ไป๋อวิ๋นเหอเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นอย่างจริงจัง “ท่านเคยคิดถึงตัวเองบ้างไหม ท่านให้ทุกสิ่งแก่ราชสำนัก แต่บางครั้ง…ข้ากลัวว่า ท่านจะลืมดูแลหัวใจของท่านเอง”
คำพูดของไป๋อวิ๋นเหอทำให้ฉินจิ่นหลงนิ่งไป เขารู้ดีว่าคำพูดนี้ไม่ใช่เพียงแค่การพูดปลอบใจ แต่เป็นคำเตือนที่สะท้อนถึงความสำคัญของการดูแลตัวเองในยามที่ทุกสิ่งรอบตัวเต็มไปด้วยความตึงเครียด
“ข้า…ข้าคงจะไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรหรอก” ฉินจิ่นหลงพูดออกมาด้วยความอ่อนแอในครั้งแรกที่เขายอมรับความรู้สึกในใจ
ไป๋อวิ๋นเหอเดินเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง “ไม่ต้องเก็บทุกอย่างไว้คนเดียว ข้าจะอยู่ข้างท่านเสมอ…ไม่ว่าเส้นทางที่เราจะเดินไปจะยากลำบากเพียงใด”
คำพูดของไป๋อวิ๋นเหอทำให้ฉินจิ่นหลงรู้สึกถึงการปลอบโยนที่เขาไม่เคยได้รับจากใครในรอบหลายปี ความอบอุ่นในคำพูดนั้นทำให้เขาตระหนักว่า แม้ทุกสิ่งรอบตัวจะยากลำบาก แต่เขายังคงมีใครบางคนที่พร้อมที่จะยืนเคียงข้างเขาเสมอ
“ไป๋อวิ๋นเหอ…” ฉินจิ่นหลงเอ่ยเสียงแผ่ว ขณะที่สายตาของเขาหยุดมองไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ “ข้า…ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าลำบากเพียงลำพัง”
ไป๋อวิ๋นเหอยิ้มเล็กน้อยก่อนจะยิ้มตอบ “ข้าจะอยู่ข้างท่านเสมอ เพราะเราคือคู่หูที่ไม่อาจแยกจากกันได้”
ในขณะที่ราชสำนักกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ความสัมพันธ์ระหว่างฉินจิ่นหลงและไป๋อวิ๋นเหอก็ค่อยๆ เติบโตขึ้น บางทีการเดินทางที่ยาวนานนี้อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับชัยชนะเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวกับการเลือกที่จะรักษาหัวใจให้แข็งแกร่งในยามที่มันต้องเผชิญกับความยากลำบาก
และในที่สุด ทั้งสองก็ได้เรียนรู้ว่า การเดินทางร่วมกันในเส้นทางแห่งความรักและความไว้วางใจ คือสิ่งที่มีค่าที่สุดในโลกนี้…