การเตรียมตัวสำหรับการเผชิญหน้าครั้งใหญ่ในราชสำนักเริ่มขึ้นอย่างเต็มที่ ไป๋อวิ๋นเหอได้รวบรวมข้อมูลทุกอย่างที่เขาสามารถหามาได้เกี่ยวกับขุนนางกลุ่มที่คัดค้านฉินจิ่นหลง รวมถึงพฤติกรรมที่ผิดปกติของพวกเขาและความสัมพันธ์ที่ซ่อนเร้น ซึ่งทำให้เขาสามารถวางแผนการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ได้อย่างละเอียดและรอบคอบ
“ทุกอย่างพร้อมแล้วครับ” ไป๋อวิ๋นเหอรายงานในห้องทำงานของฉินจิ่นหลง สายตาของเขาจับจ้องที่แผนการที่วางอยู่บนโต๊ะ “ข้าได้เตรียมข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับกลุ่มกบฏ และข้าคิดว่าเวลานี้เราควรดำเนินการอย่างรวดเร็ว”
ฉินจิ่นหลงพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ดีมาก ถ้าเราช้ากว่านี้ สถานการณ์อาจจะยิ่งเลวร้ายลงไปอีก ข้าเชื่อว่าเจ้าจะสามารถจัดการเรื่องนี้ได้”
ไป๋อวิ๋นเหอรู้สึกถึงความกดดันจากคำพูดนั้น แต่เขาก็ไม่แสดงออกมา ความมั่นใจและความคิดที่ชัดเจนในการดำเนินการทำให้เขารู้สึกถึงภารกิจที่หนักอึ้ง แต่ก็พร้อมที่จะทำให้ดีที่สุด
ช่วงเช้าวันถัดมา การเคลื่อนไหวในราชสำนักเริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อกลุ่มขุนนางที่อยู่ในแนวร่วมกับกลุ่มกบฏเริ่มเปิดเผยตัวตน พวกเขายังพยายามใช้โอกาสนี้ที่จะสร้างความตึงเครียดและชักจูงขุนนางอื่นๆ ที่ไม่พอใจในอำนาจของฉินจิ่นหลงมาเข้าร่วมกับพวกเขา
แต่ไป๋อวิ๋นเหอได้เตรียมการรับมืออย่างดี เขาได้ส่งผู้คนของเขาไปยังที่ต่างๆ เพื่อเก็บข้อมูล และเริ่มเผยแพร่ข่าวลือที่สามารถทำให้กลุ่มขุนนางเหล่านั้นรู้สึกถึงความเสี่ยงที่กำลังจะมาถึง หากพวกเขายังคงทำตามแผน
“ตอนนี้พวกเขาจะรู้สึกถึงความกดดัน” ไป๋อวิ๋นเหอกล่าวเสียงเยือกเย็น ขณะที่เขามองไปที่ฉินจิ่นหลง “เราต้องทำให้พวกเขารู้ว่าหากเลือกทางนี้ พวกเขาจะไม่มีที่ไป”
ฉินจิ่นหลงยิ้มเล็กน้อย “เจ้าไม่เคยทำให้ข้าผิดหวัง ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนที่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้”
แต่ในขณะที่การเคลื่อนไหวเริ่มเข้มข้นขึ้น ฉินจิ่นหลงเริ่มมีความรู้สึกบางอย่างที่เขาไม่สามารถอธิบายได้ นั่นคือความสงสัยในใจของเขาเกี่ยวกับไป๋อวิ๋นเหอ ถึงแม้ไป๋อวิ๋นเหอจะพยายามพิสูจน์ตัวเองแล้ว แต่ฉินจิ่นหลงก็ไม่อาจละเลยความไม่มั่นใจที่มี
หลังจากนั้นไม่นาน ข้อมูลลับจากแหล่งข่าวของไป๋อวิ๋นเหอถูกเปิดเผยไปยังกลุ่มขุนนางฝ่ายกบฏ และทันทีที่พวกเขารู้ว่าการเคลื่อนไหวของตนเองได้รับการจับตามอง พวกเขาก็เริ่มขาดความมั่นใจและหันไปหาทางออกที่ปลอดภัยกว่า
ในที่สุด กลุ่มกบฏก็เริ่มยอมแพ้ทีละคน หลายคนที่เคยร่วมมือกันเริ่มแยกตัวออกไปเพราะกลัวว่าจะถูกจับกุม แต่ก็มีบางคนที่ยังคงยืนหยัดในแนวทางเดิม และการเผชิญหน้ากันระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ยังคงรุนแรงขึ้น
“พวกเขาจะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะถึงที่สุด” ไป๋อวิ๋นเหอพูดเสียงหนักใจ ขณะที่เขามองไปที่แผนการที่กำลังดำเนินการอยู่
“เราจะไม่ให้โอกาสพวกเขา” ฉินจิ่นหลงกล่าวด้วยความมั่นคง “ข้าจะไม่ยอมให้ราชสำนักต้องตกอยู่ในอันตรายจากกลุ่มนี้”
และแล้ว ในคืนที่มืดมิด กลุ่มขุนนางที่ยังคงดื้อดึงในแผนการกบฏได้เริ่มรวมตัวกันในที่ลับๆ เพื่อวางแผนสุดท้าย พวกเขาตัดสินใจที่จะยกระดับการต่อต้านและพยายามยึดอำนาจจากฉินจิ่นหลง
แต่พวกเขากลับไม่รู้ว่าการเคลื่อนไหวของพวกเขาถูกไป๋อวิ๋นเหอจับตามองอยู่ตลอดเวลา และในคืนเดียวกันนั้นเอง ไป๋อวิ๋นเหอได้ส่งทหารของเขาไปจับกุมพวกเขาทั้งหมด
เมื่อฉินจิ่นหลงได้รับข่าวว่าแผนการกบฏถูกทำลายไปแล้ว เขารู้สึกโล่งอกอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกถึงความตึงเครียดที่ยังคงอยู่ในใจ
“ไป๋อวิ๋นเหอ…” ฉินจิ่นหลงกล่าวเสียงเบา ขณะมองไปที่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ “ข้าต้องขอบคุณเจ้าสำหรับทุกอย่างที่เจ้าได้ทำ แต่ข้าก็ยังสงสัยว่า…เจ้ามีบางสิ่งที่ไม่ได้บอกข้าใช่ไหม?”
ไป๋อวิ๋นเหอมองฉินจิ่นหลงอย่างนิ่งเงียบ เขารู้ดีว่าในตอนนี้เขาจะต้องทำการเลือกที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา
“ข้าจะบอกทุกอย่างกับท่านเมื่อถึงเวลา” ไป๋อวิ๋นเหอกล่าวเสียงหนักแน่น
ทั้งสองยืนนิ่งอยู่ในห้องนั้น ความสงสัยและความไว้วางใจที่ยังคงค้างอยู่ในใจของทั้งคู่กำลังจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในอนาคต