หลังจากการก่อกบฏที่ถูกหยุดยั้งไปอย่างรวดเร็ว ความสงบในราชสำนักกลับคืนมา แต่ความตึงเครียดในใจของฉินจิ่นหลงและไป๋อวิ๋นเหอกลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ในขณะที่ทุกคนในราชสำนักเริ่มกลับมาทำงานตามปกติ ท่ามกลางการเฉลิมฉลองและความโล่งใจจากการที่สถานการณ์คลี่คลายไป แต่ทั้งสองกลับรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ขัดขวางไม่ให้พวกเขารู้สึกสงบอย่างแท้จริง
ฉินจิ่นหลงยังคงสงสัยเกี่ยวกับความซื่อสัตย์ของไป๋อวิ๋นเหอ แม้ว่าทุกอย่างดูเหมือนจะเรียบร้อยและการก่อกบฏได้ถูกปราบปรามไปแล้ว แต่เขายังรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ไม่สมบูรณ์แบบในความสัมพันธ์ระหว่างเขากับไป๋อวิ๋นเหอ
“ไป๋อวิ๋นเหอ…” ฉินจิ่นหลงเอ่ยขึ้นในห้องทำงาน ขณะมองไปที่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ “ข้าไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเจ้ามีความสามารถ แต่ข้าก็ยังรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ข้าควรจะรู้”
ไป๋อวิ๋นเหอเงียบ เขาเข้าใจดีว่าฉินจิ่นหลงยังไม่สามารถไว้ใจเขาได้เต็มที่ แม้ว่าความเชื่อมั่นที่เขามีในตัวเขาจะมากขึ้น แต่มันก็ไม่สามารถทำให้การสงสัยในอดีตของฉินจิ่นหลงหายไปได้ในทันที
“ข้าเข้าใจ” ไป๋อวิ๋นเหอตอบเสียงเบา “ข้าจะไม่ปิดบังท่าน แต่ข้าอยากให้ท่านเข้าใจว่าในตอนนี้ ข้าต้องการเวลา”
คำพูดนั้นทำให้ฉินจิ่นหลงรู้สึกถึงบางสิ่งที่หนักแน่นในตัวไป๋อวิ๋นเหอ เขารู้ดีว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้เพียงแค่พยายามจะพิสูจน์ตัวเองให้เขาเห็น แต่เขากำลังพยายามทำให้ฉินจิ่นหลงเข้าใจในบางสิ่งที่เขาเคยซ่อนเอาไว้
“เวลา?” ฉินจิ่นหลงถามเสียงหนักแน่น “เจ้าคิดว่าเวลาจะช่วยให้ข้าสามารถเชื่อใจเจ้าได้มากขึ้นหรือ?”
ไป๋อวิ๋นเหอเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาอย่างจริงจัง “ข้าหวังว่าเมื่อท่านเห็นสิ่งที่ข้าทำเพื่อท่าน ท่านจะสามารถมองข้ามความสงสัยในใจไปได้ ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”
ในขณะที่การพูดคุยของพวกเขายังคงดำเนินไป ความรู้สึกที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ในใจของฉินจิ่นหลงกลับยิ่งทวีความชัดเจนขึ้น ทุกครั้งที่เขามองไป๋อวิ๋นเหอ เขาก็ยังเห็นภาพของชายหนุ่มที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มที่ขัดแย้งกับครอบครัวของเขาในอดีต
“เจ้าเคยบอกว่าตัวเองเป็นทายาทของตระกูลไป๋ที่เคยแข่งขันกับตระกูลฉิน…” ฉินจิ่นหลงพูดเสียงต่ำ “ข้าคิดว่าเจ้าจะสามารถปล่อยเรื่องราวในอดีตนั้นไปได้จริงๆ หรือ?”
ไป๋อวิ๋นเหอไม่สามารถตอบคำถามนั้นได้ทันที ความเงียบในห้องทำให้ทุกอย่างรู้สึกหนักหน่วง แม้ว่าเขาจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ตัวเอง แต่ก็ยังมีรอยแยกในใจของฉินจิ่นหลงที่เขาไม่สามารถลบมันออกได้
“ข้ารู้ว่ามันไม่ง่ายสำหรับท่านที่จะลืมอดีต” ไป๋อวิ๋นเหอพูดในที่สุด “แต่ข้าอยากให้ท่านรู้ว่า ข้าเลือกที่จะเดินมาในเส้นทางนี้ด้วยตัวเอง ข้าจะไม่กลับไปสู่สิ่งที่เคยเป็น”
แต่คำพูดของไป๋อวิ๋นเหอไม่ได้ทำให้ความสงสัยในใจของฉินจิ่นหลงหายไป การที่เขาตัดสินใจจะไว้ใจไป๋อวิ๋นเหอในที่สุดก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เขารู้ดีว่าความรู้สึกของเขาในตอนนี้ไม่เพียงแต่เป็นความไว้วางใจหรือความสงสัย มันคือการตัดสินใจที่ต้องเผชิญหน้ากับความจริงในอนาคต
“ข้าต้องการเวลาเหมือนกัน” ฉินจิ่นหลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ไม่ใช่เพียงแค่เพื่อเจ้าหรือข้า แต่เพื่อทั้งสองคน”
ไป๋อวิ๋นเหอพยักหน้า “ข้าเข้าใจ ข้าจะรอจนกว่าท่านจะพร้อม”
ช่วงเวลานั้นทั้งสองคนยืนอยู่ในห้องทำงาน ความเงียบที่เกิดขึ้นบ่งบอกถึงการตัดสินใจที่ยากลำบากที่ทั้งสองต้องเผชิญ ความสัมพันธ์ของพวกเขากำลังอยู่ในจุดที่สำคัญที่สุด ในขณะที่อนาคตยังเต็มไปด้วยคำถามและความไม่แน่นอน แต่ทั้งสองรู้ดีว่าเส้นทางข้างหน้าเป็นเส้นทางที่พวกเขาต้องเดินไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น