เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความยุ่งเหยิงของราชสำนักที่เต็มไปด้วยการคุกคามจากขุนนางที่พยายามโค่นล้มอำนาจของฉินจิ่นหลง ทุกสิ่งที่เขาทำทุกวันล้วนถูกจำกัดด้วยข้อจำกัดของความรับผิดชอบและความกดดันจากภายนอก แม้จะมีไป๋อวิ๋นเหอคอยอยู่เคียงข้างเสมอ แต่การตัดสินใจในทุกๆ เรื่องกลับทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกบีบคั้นจากทุกทิศทาง
ในขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ระหว่างฉินจิ่นหลงและไป๋อวิ๋นเหอก็เริ่มก่อให้เกิดความสับสนในใจของทั้งสองคน หากแต่ทั้งคู่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความรู้สึกนั้นได้ แม้จะรู้ว่าเส้นทางแห่งการเมืองและการปกครองนั้นไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเสียสละได้ แต่การยอมรับในความรู้สึกของกันและกันก็ยังคงเป็นการตัดสินใจที่ยากที่สุดในชีวิต
คืนหนึ่งที่พระราชวังขณะที่ความสงบเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วฉินจิ่นหลงได้เดินไปในสวนสวยท่ามกลางแสงจันทร์ เขามองไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาวพร่างพราว ความเงียบสงบทำให้เขาสามารถคิดทบทวนทุกสิ่งได้ชัดเจนขึ้น
ในขณะที่กำลังเดินอยู่ ไป๋อวิ๋นเหอก็เดินเข้ามาหาเขา ท่าทางของเขาทำให้ฉินจิ่นหลงรู้สึกถึงความหนักหน่วงในใจ เมื่อไป๋อวิ๋นเหอหยุดอยู่ข้างๆ เขา สายตาของทั้งสองคนก็พบกัน
“ท่านคิดถึงอะไร?” ไป๋อวิ๋นเหอถามด้วยเสียงเบา แต่แฝงไปด้วยความเป็นห่วง
ฉินจิ่นหลงหันมามองไป๋อวิ๋นเหอ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างลังเล “ข้ากำลังคิดถึงเรื่องของเราสองคน ความสัมพันธ์ของเรา… มันจะเป็นอย่างไรต่อไป?”
คำถามนั้นทำให้ไป๋อวิ๋นเหอเงียบไปครู่หนึ่ง เขารู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทั้งสองต้องเคลียร์กันอย่างจริงจัง
“ท่านยังไม่พร้อมที่จะเลือกหรือ?” ไป๋อวิ๋นเหอถามด้วยเสียงที่สงบ แต่สามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายใน
ฉินจิ่นหลงก้มหน้าลงเล็กน้อย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเครียด “ข้าไม่สามารถตอบได้ในตอนนี้ การตัดสินใจของข้าอาจจะส่งผลกระทบไปทั้งราชสำนักและอนาคตของเรา”
ไป๋อวิ๋นเหอเข้าใจถึงความกังวลของฉินจิ่นหลง “ข้าเข้าใจว่าท่านต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน แต่ข้าก็ไม่สามารถยอมรับการเสียสละในความรักของเราได้ง่ายๆ”
ฉินจิ่นหลงหันมามองไป๋อวิ๋นเหอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน “ข้า… ข้าไม่อยากให้ความรักของเรากลายเป็นอุปสรรค ข้าไม่อยากให้มันทำให้เราทั้งสองต้องเจ็บปวด”
ไป๋อวิ๋นเหอเดินเข้ามาใกล้และเอื้อมมือไปจับมือของฉินจิ่นหลง “ท่านไม่ต้องกลัว ข้าไม่เคยคิดว่าความรักของเราจะเป็นอุปสรรค ข้าเชื่อว่าเราจะหาทางร่วมเดินไปด้วยกันได้”
แต่ในหัวของฉินจิ่นหลง กลับเต็มไปด้วยความสงสัย เขารู้ดีว่าอนาคตที่เขากำลังเผชิญอยู่นั้นจะเต็มไปด้วยการเสียสละและการเลือกที่ยากลำบาก หากเขาตัดสินใจที่จะรักไป๋อวิ๋นเหอเต็มที่แล้ว เขาก็จะต้องยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ไม่เพียงแต่กับตัวเขาเอง แต่ยังรวมถึงอนาคตของราชสำนักที่เขาได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการสร้างขึ้นมา
“ไป๋อวิ๋นเหอ…” ฉินจิ่นหลงพูดด้วยเสียงที่เบา “ข้าไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ แต่ข้าไม่อยากเห็นเจ้าต้องเสียสละอะไรเพื่อข้า ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องมาถึงจุดที่เจ็บปวดเพราะการเลือกของข้า”
ไป๋อวิ๋นเหอยิ้มบางๆ และตอบกลับอย่างมั่นคง “ข้าเคยบอกท่านแล้วว่า ข้าจะอยู่ข้างท่านไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าไม่ได้คาดหวังให้ท่านเลือกระหว่างข้ากับราชสำนัก ข้าแค่ต้องการให้ท่านรู้ว่า ข้าจะอยู่ข้างท่านเสมอ”
คำพูดเหล่านั้นทำให้ฉินจิ่นหลงรู้สึกถึงความอบอุ่นในใจ แม้เขาจะยังไม่สามารถตัดสินใจในทันที แต่เขาก็รู้ดีว่ามีสิ่งหนึ่งที่เขาไม่อาจมองข้ามไปได้ นั่นคือความรักและความซื่อสัตย์ที่ไป๋อวิ๋นเหอมีให้กับเขา
ในที่สุด ฉินจิ่นหลงหันไปมองไป๋อวิ๋นเหอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจ “ข้า… ข้าจะไม่ยอมให้ความรักของเราเป็นเพียงความหวังลมๆ แล้งๆ ข้าจะพยายามให้เราสองคนได้เดินไปด้วยกันในเส้นทางนี้ แม้มันจะยากลำบากแค่ไหนก็ตาม”
ไป๋อวิ๋นเหอมองฉินจิ่นหลงด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความซื่อสัตย์และรักที่ไม่มีเงื่อนไข “ข้าจะรอ แม้จะต้องใช้เวลานานแค่ไหน ข้าจะรอจนกว่าท่านพร้อม”
ในขณะที่พวกเขายืนอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์และลมเย็นๆ ของค่ำคืน การตัดสินใจในครั้งนี้อาจจะเป็นการเริ่มต้นเส้นทางที่ทั้งสองคนไม่สามารถย้อนกลับไปได้ แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าแม้การเดินทางข้างหน้าเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แต่ก็ยังมีความหวังอยู่เสมอในการเดินไปด้วยกัน
การเดินทางนี้ไม่ใช่แค่การเผชิญหน้ากับอุปสรรคในราชสำนักเท่านั้น แต่ยังเป็นการเผชิญหน้ากับความรักที่แท้จริง และการเลือกที่จะเสียสละในสิ่งที่สำคัญที่สุดเพื่ออนาคตที่พวกเขาต้องสร้างขึ้นด้วยกัน