‘ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ…..’
เสียงซาวด์ระทึกขวัญดังคลอไปกับน้ำเสียงที่ดูตื่นตระหนกระแวดระวังภัย เธอค่อย ๆ เดินย่องเข้าไปในความมืดเพื่อตามไปยังต้นเสียงในห้องเก็บของด้านในสุดของบ้าน พื้นไม้ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดทุกครั้งที่หล่อนก้าวเดิน สีหน้าของตัวละครหญิงในภาพยนตร์บ่งบอกว่าเธอกำลังตื่นกลัวถึงขีดสุด เมื่อตอนที่เอื้อมมืออันสั่นเทาไปที่ประตู….
แอ๊ด….
ตึง!!
“กรี๊ดดด พี่วายุฉันกลัวจังเลยค่ะ” เสียงแก่น ๆ ที่พยายามดัดให้ดูเป็นผู้หญิงอ่อนหวานดังขึ้นในมุมหนึ่งของโรงหนัง
เธอใช้มือเล็กโอบรัดรอบแขนผู้ชายข้าง ๆ เอาไว้พร้อมซุกหน้าลงแสดงความหวาดกลัวต่อฉากในหนังอย่างโอเวอร์ ฝ่ายชายยังคงนั่งนิ่งสายตาจับจ้องที่จอกว้างอย่างตั้งใจ
‘เอี๊ยด…..แฮ่!!!’
เสียงเอฟเฟคดังกระหึ่มในฉากที่ผีตัวหนึ่งโผล่ออกมาจากตู้ในขณะที่นางเอกกำลังเปิดตู้ออกพอดี เธอยืนช็อคตัวแข็งตาค้าง ผีร้ายค่อย ๆ คลานออกมาจากตู้ ผีผมยาวผิวซีดไร้หน้ากำลังเยื้องย่างเข้ามาจนสามารถสัมผัสลมหายใจของหญิงสาวได้
‘กรี๊ดดดดดด!!!’
“อ๊ายยย พี่วายุ”
เมื่อนางเอกในเรื่องกรีดร้อง หล่อนก็ร้องตามด้วย ซ้ำยังพยายามซุกไซ้ถูกไถหน้าอกบดเบียดกับแขนแกร่ง หากเป็นชายอื่นคงจะรีบกอดตะคองปลอบขวัญเธอเป็นแน่ แต่ไม่ใช่กับผู้ชายคนนี้ เขาทำเพียงถอนหายใจเบา ๆ พร้อมกับแกะแขนเธอออกเหมือนจะรังเกียจ
“ฉันขอเกาะพี่อย่างนี้นะคะ ฉันกลัวจริง ๆ ค่ะ”
มาถึงขั้นนี้แล้วหล่อนไม่ยอมที่จะเสียหน้า ‘ด้านได้ อายอด’ คงเป็นสุภาษิตที่เหมาะกับสถานการณ์ตอนนี้มากที่สุด เธอจึงดึงดันที่จะเกาะแขนต่อไป
“ไม่เห็นมีอะไรให้กลัวเลยครับ เห็นมั้ยว่าผีไปแล้ว” ชายหนุ่มหันมากระซิบให้หล่อนฟังเบา ๆ เพราะเกรงใจคนอื่นที่ร่วมชมภาพยนตร์ด้วย
“เดี๋ยวมันก็โผล่มาอีก….”
ตึง!!!
“กรี๊ดดด เห็นมั้ยคะ ผีมาอีกแล้ววว ฮือออ” ไม่ผิดจากที่เธอพูดเลยเพราะอยู่ ๆ ผีตัวเดิมก็โผล่ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเป็นโอกาสให้เธอได้ออดอ้อนชายคนรัก
“แต่น้องพริบครับ นี่มันหนังตลกนะ…”
‘ช้างฉันอยู่ไหนนน....ครืดดด ครืดด’ ผีตัวเดิมกำลังทำท่าเลียนแบบจาพนมขณะที่นางเอกถืองาช้างเตรียมตัวจะฟาดผี….ฉากนี้ทำให้คนทั้งโรงหัวเราะลั่น คงจะมีเธอเท่านั้นแหละที่นั่งหน้าเซ็ง
นี่คือความผิดพลาด…เดิมทีหล่อนตั้งใจจะชวนแฟนสุดที่รักมาดูหนังผีสุดสยองแห่งปี เพื่อทำแผนการให้สำเร็จ แน่นอนว่าเธอไม่ได้อยากจะมาดูหนังแต่อยากจะมาทำบางอย่างที่สวีตวิดวิ้วตามที่เพื่อนสาวแนะนำมา แต่เธอดันสะเพร่าเลือกโปรแกรมผิด บรรยากาศเลยกลายเป็นเช่นนี้
เธอคิดว่าทั้งหมดที่เตรียมมาทำไร้ประโยชน์สิ้นดี นอกจากแฟนของเธอจะไม่ทำอะไรแล้วยังเมินใส่เสียด้วย ภาพในหัวที่คิดไว้มลายลงไปในพริบตา….นั่งจับมือกัน กอดกันตอนฉากระทึกและอาจจะทำอะไรมากกว่านั้นเป็นการปลอบขวัญกัน
แต่ทั้งหมดจบสิ้นแล้วเพราะเลือกหนังผิดเรื่อง!
ตลอดเวลาที่เหลือหล่อนนั่งซังกะตาย ไร้ชีวิตชีวาเหมือนผีในหนังไม่มีผิดต่างตรงที่ผีตนนั้นสามารถสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนอื่นได้ แต่เธอไม่เป็นประโยชน์กับใครเลยสักนิดเวลานี้ใกล้เคียงกับคำว่า ‘ไร้ตัวตน’ เข้าไปทุกที
ผู้ชายที่หล่อนเรียกว่า ‘วายุ’ ดูจะสนุกสนานและหายเกร็งเมื่อเธอไม่เข้าไปวุ่นวายด้วย นั่นยิ่งทำให้หล่อนหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ แม้ว่าเธอจะพยายามทำตัวเป็นสาวมั่นด้วยการยื่นมือไปเกาะกุมกับมือหยาบหนา แต่คงจังหวะไม่ดีเพราะระหว่างที่มือเล็ก ๆ กำลังจะแตะลงไป เขาก็ยกมันขึ้นเสยผมเสียก่อน เธอเลยต้องชักมือกลับอย่างเก้อเขิน….
หน้าโรงภาพยนตร์
เวลาที่แสนยาวนานจบลงสักที เธอคิดว่าหากรอนานกว่านี้อีกสัก 10 นาทีอาจจะต้องเหี่ยวเฉาตายคาโรงแน่ ๆ พวกเขาทั้งสองคนเดินลงบันไดเลื่อนเพื่อไปหาร้านอาหาร…
หญิงสาวที่ถูกเรียกว่า ‘พริบ’ กำลังมองหาร้านที่มีบรรยากาศโรแมนติก ๆ เผื่อจะได้สานต่ออะไร ๆ ที่ค้างไว้ไม่ได้ทำในโรงหนัง อ่า…ใช่แล้ว เธอยังมีโอกาสทำมันอีกครั้ง คราวนี้จะต้องไม่พลาดหล่อนเลยตั้งใจเดินหาร้านเป็นพิเศษ
“วันนี้น้องพริบดูแปลกตาไปนะครับ” เขาพูดขึ้นขณะที่คนตัวเล็กกำลังมองไปรอบ ๆ
“พี่วายุจะบอกว่า พริบสวยใช่มั้ยคะ” เธอหันมาคุยกับเขาด้วยท่าทีเคอะเขินเพราะคิดว่าถูกชม
“เอ่อ ครับ”
คำตอบของเขาทำให้เธอยิ่งยิ้มกระหย่องเดินเชิดหน้าอย่างภูมิใจ หล่อนนึกแปลกใจอยู่ว่าตลอดทางที่เดินมามีแต่คนมองเธอ…ที่แท้เพราะวันนี้ดูสวยขวนมองนี่เอง ปกติแล้วเธอไม่ค่อยจะแต่งตัวเท่าไหร่นักแต่วันนี้เป็นวันพิเศษเลยจัดเต็มแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน รวมถึงการแต่งหน้าด้วย
ร้านนั้นโอเคเลย…..
เธอคิดในใจพร้อมกับประมวลภาพที่เห็น ภายในร้านใช้เทียนจุดเลยมีบรรยากาศสลัว ๆ โต๊ะนั่งค่อนข้างเป็นส่วนตัวน่าจะทำอะไรที่กุ๊กกิ๊กกันได้สะกวด เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอก็รีบดึงชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘แฟน’ ไปที่หน้าร้านทันที
แต่เหมือนสวรรค์ไม่เข้าข้างเธอเท่าไหร่ เพราะยังไม่ทันได้ก้าวเท้าเข้าไปก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แต่ไม่ใช่ของเธอหรอกนะเป็นของผู้ชายคนข้าง ๆ ตะหาก
“ฮัลโหลครับ” เขากดรับทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกเข้า
ชายหนุ่มมีสีหน้าเครียดขึ้นมาทันทีที่รับสาย ไม่แน่ว่าคนที่โทรเข้ามาอาจจะมีเรื่องด่วนเรื่องร้อนเพราะสีหน้าเขาไม่สู้ดีนัก ทำให้หล่อนยิ่งอยากรู้อยากเห็นว่าเขาคุยอะไรกัน
“ครับ ๆ ผมจะรีบไป” พูดเสร็จเขาก็วางสายลงแล้วหันมาที่เธอ ซึ่งเธอก็ทำหน้าอยากรู้อยากเห็นเต็มแก่แล้ว
ชายหนุ่มมองหน้าเธอนิ่ง ๆ ก่อนจะยกมือกุมขมับแล้วทำหน้าเครียดใส่ เขาบ่นพึมพำเบา ๆ จนเธอต้องยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ ด้วยความเป็นห่วง
“เกิดอะไรขึ้นหรอพี่วายุ”
“มีเรื่องนิดหน่อยครับ แต่ไม่เป็นไรหรอก น้องพริบเลือกร้านได้รึยังครับ” เขาหันมายิ้มเหมือนพยายามกลบเกลื่อนความเศร้าที่กำลังเกิดขึ้น
“พี่วายุบอกมาเถอะว่าเกิดอะไรขึ้น?”