ตอนที่ 7 แรกพบหน้า

2142 Words
​ทันใดนั้นเสียงสัญญาณดังขึ้น ติดต่อกันถึงสามครั้ง หลิวซีนำพาพวกเด็ก ๆ และสตรีหลบหนีออกมาก่อนจะได้ยินเสียงนั่น ย้อนเวลาก่อนหน้า หญิงสาวฝังเข็มให้เด็กชายตัวโตก่อน เพื่อจะได้เจรจาตกลงกันให้รู้เรื่อง อีกอย่างเพราะเวลามีน้อยจึงรักษาได้เพียงคนเดียว กลัวเสียโอกาสหลบหนีไป เมื่อเด็กชายผู้นั้นได้รับการรักษา อาการเริ่มดีขึ้นส่งเสียงพูดออกมาได้บ้าง แม้น้ำเสียงจะเบาแหบพร่าทั้งพูดไม่ชัดเจน เพราะไม่ได้ใช้เสียงมานาน เส้นเสียงจึงมีปัญหา จำต้องใช้เวลาหากได้รับการรักษาก็จะดีขึ้นตามลำดับ พวกเด็ก ๆ เห็นดังนั้นต่างก็ดีใจ หลิวซีเห็นพวกเขาเริ่มมีใจคล้อยมาทางตน จึงบอกเล่าเรื่องคิดจะหลบหนีออกจากค่ายโจร พวกเด็ก ๆ ต่างเห็นด้วย และเคยคิดหาทางหลบหนีแล้ว แต่ไปไม่รอด ครั้งนี้นับเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง เด็กชายตัวโต ชื่อไฉ่หง บอกว่าช่วงเวลานี้ดีที่สุดในการหลบหนีออกจากค่ายโจร เมื่อครู่ตอนออกไปสืบข่าวด้านนอก เหมือนพวกมันยกคนออกไปด้านหน้าทั้งหมด ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ปกติจะออกไปปล้นบ้านไหนอย่างน้อยจะเหลือคนทิ้งไว้ให้เฝ้า แต่นี่ไม่เหลือใครสักคนน่าจะมีเหตุร้ายมากกว่าดี เมื่อคนทั้งกลุ่มคิดหาวิธีการหลบหนีทั้งนัดแนะสถานที่นัดพบ หลิวซีกล่าวย้ำหากพลัดหลงกันให้ไปตามหานางที่จวนเจ้าเมือง หากไม่พบให้คนของทางการพาไปพบหญิงสาวที่เมืองชายแดน และได้มอบหยกพกที่สลักชื่อหลิวซีไว้ให้ เพื่อใช้เป็นหลักฐานว่ารู้จักกับนางจริง คนทั้งกลุ่มเมื่อตกลงกันได้แล้ว พากันหลบหนีออกมาบนเส้นทางหลังเขา พวกเด็ก ๆ ต่างชำนิชำนาญ คล่องแคล่วคุ้นเคย ถึงคืนนี้จะไร้แสงจันทร์นำทาง กลับเป็นเรื่องดีอาศัยความมืดมิดอำพรางกาย กลุ่มโจรไว้วางใจพวกเด็กเหล่านี้ คิดว่าคงไม่มีทางหลบหนี เพราะขู่ไว้ว่าหากหนีไปจะไม่รักษาอาการใบ้ให้เด็ดขาด ทั้งยังบอกว่าถ้าหนีไปจะพูดไม่ได้อีกและไม่ได้กลับบ้านตลอดไป เด็กน้อยอ่อนเดียงสานึกหวาดกลัวคำขู่ กลัวจะหนีไปไม่รอดและหากถูกจับได้พวกโจรจะฆ่าทิ้ง เส้นทางซึ่งหลบหนีออกมา ไม่เจอผู้คนสักคนเดียวเงียบจนผิดปกติ แม้กระทั่งเวรยามยังไม่พบเห็น พอได้ยินเสียงสัญญาณเท่านั้น สีหน้าเด็กเหล่านั้นพลันเปลี่ยนไป “พวกเราต้องรีบแล้ว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สัญญาณนี้บอกว่าให้รีบหนีลงจากเขา” ไฉ่หงพูดเหมือนเสียงกระซิบให้คนทั้งกลุ่มฟัง เมื่อได้ยินในใจทุกคนเริ่มตึงเครียด รีบก้าวเท้าให้เร็วที่สุด หลิวซีอยู่ด้านหลังคอยระวังภัยให้ ดีหน่อยนางได้ล่วมยากลับคืนมา ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ใดหญิงสาวมักจะพกติดตัวอยู่เสมอ จึงจะรู้สึกอบอุ่นใจได้บ้าง เดินมาได้สักพัก ในป่ามีเสียงนกแมลงกลางคืนร้องระงม บินข้ามผ่านศีรษะไปมา ต้นไม้สูงใหญ่ดำครึ้มแลดูน่าหวาดกลัวยิ่ง ยามลมพัดแรงกิ่งก้านส่ายไหวโอนเอน เมื่อแหงนหน้ามองฟ้า เห็นเมฆก้อนดำหนาเริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วตามแรงลม คาดว่าอีกไม่นานฝนน่าจะตกลงมา พยายามจับมือกันเดินคลำทางที่คดเคี้ยวลาดลง หูแว่วได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจากไกล ๆ เหมือนมีคนติดตามมา หัวใจของทุกคนเต้นเสียงดัง “โครมคราม!” จนแทบจะทะลุออกนอกอก หลิวซีเห็นท่าไม่ดีเร่งให้ทุกคนรีบไป หากพวกโจรใกล้เข้ามาอีก คิดจะสกัดขัดขวางไว้ก่อน ให้พวกเขาได้หลบหนีออกไป จึงหันกลับไปมองทิศทางที่มืดมิด หญิงสาวสาวพลิกกายหลบหลังต้นไม้ ล้วงมีดสั้นไม่กี่ชุ่น [1ชุ่น เท่ากับ 1นิ้ว] บางราวปีกจักจั่น ซ่อนไว้ในสายรัดเอวออกมา สองนิ้วคีบมีดบาง แววตาหม่นครึ้ม สายลมกลางคืนเยือกเย็น ไม่ได้สร้างความหวาดกลัวในใจ หากแต่เพิ่มความสุขุมให้กับนาง เมื่อก่อนยามอยู่ในสำนัก จะมีการทดสอบฝีมือโจมตีตอนกลางคืน หลิวซีถือว่าเป็นผู้หนึ่งซึ่งฝึกฝนได้ดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็น จู่โจม ปะทะ ตั้งรับ ป้องกัน ล่าถอย ยังทำได้ดี ยิ่งเมื่อเข้าไปอยู่ในวังหลวง เซียวฮองเฮาชอบให้นางได้ฝึกฝีมือกับเหล่าองครักษ์ลับบ่อย ๆ โดยเฉพาะการถูกจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว เสียงเสื้อปะทะสายลมแว่วมา ฝีเท้าทั้งเบาและรวดเร็ว ผู้ที่มามีฝีมือสูงส่งยิ่งกว่านางนัก เหงื่อเริ่มผุดล้อมกรอบใบหน้า ขณะตั้งท่าเตรียมโจมตี มาแล้ว! “ฟิ้ว!” เสียงโลหะแหวกอากาศซัดออกไป หลิวซีซัดมีดบินออกไปเพื่อสกัดผู้ที่มาด้วยความเร็วสูง เงาร่างดำพลิกหลบกลางอากาศ กระบี่คมกรีดเสียงร้องลั่นยามปะทะใบมีด เมื่อปัดผ่านพลันพุ่งทะยานตรงมาที่หญิงสาว นางกระโจนหลบไปมาบนต้นไม้ ซัดใบมีดเป็นระยะล้วนเล็งจุดตาย เพราะฝีมือคนผู้นี้ร้ายกาจ พลังกดดันคุกคามนางอย่างเทียบไม่ติด จำต้องซัดให้หนักเล็งเห็นผล พอจะถ่วงเวลาได้บ้าง ให้พวกสตรีและเด็กเหล่านั้นหลบหนีไปก่อน หญิงสาวยังจำคำพูดของไฉ่หงถึงเส้นทางหลบหนี เพียงฟังแค่ครั้งเดียวก็จำได้หมด จากการแยกแยะทิศทางพอจะคลำทางต่อไปได้ หากยังตรงไปจะมีทางแยกสามทาง ทั้งสามทางล้วนลงจากเขาได้เหมือนกัน หลิวซีเร่งจังหวะถีบตัวส่งแรงให้พุ่งไปไกล อาศัยต้นไม้พุ่มหญ้าอำพรางเงาร่าง วิชาตัวเบานางถือว่าดีขึ้นมากกว่ายามวัยเยาว์ เพียงเหินทะยานชั่วพริบตาก็ไปได้ไกลแล้ว เมื่อถึงทางแยก นางตกใจทั้งประหลาดใจ เด็กชายตัวเล็กอายุหกขวบยืนอยู่กลางทาง หญิงสาวไม่เสียเวลาขบคิดรวบร่างเด็กน้อยเข้าสู่อ้อมกอด แล้วพาทะยานไปบนเส้นทางแยกด้านซ้าย พลางคิดว่าเหตุใดเด็กผู้นี้ไม่รีบหนีไปก่อน ขณะที่เร่งรีบหลบหนีหนทางข้างหน้ากลับไม่เป็นใจ เพราะฝนเริ่มตกโปรยปรายลงมา เส้นทางตรงไหล่เขาค่อนข้างลาดชัน ทั้งฝนทั้งมืด ฝีเท้าเริ่มช้าลง หลิวซีคาดเดาว่า กลุ่มเด็กพวกนั้นแยกเส้นทางหลบหนีไปสองทาง ไม่รู้ทำอย่างไรปล่อยให้เด็กชายตัวเล็กพลัดหลงมาได้ จนป่านนี้น่าจะยังไม่รู้ว่าเด็กผู้นี้แยกไปกับกลุ่มใด เส้นทางลาดเอียงพื้นดินก็เปียกแฉะ หญิงสาวพยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วที่สุด เนื้อตัวเปียกปอน ใบหน้าปรากฏร่องรอยหวั่นวิตก พื้นดินก็ลื่น ทั้งไม่ชินเส้นทาง จำต้องตั้งสติให้แจ่มชัด เสียงฝีเท้าด้านหลังไล่ประชิดมาถึง หลิวซีจำต้องวางเด็กลง เสียง “ชี้ง!” กระบี่อ่อนออกจากฝักชี้ไปทางผู้มาเยือน ปรากฏเป็นเงาร่างบุรุษ สีหน้าแววตามองไม่ชัด เพราะความมืดบวกกับสายฝนที่ตกลงมา ไม่พูดพร่ำทำเพลงนางเลือกที่จะบุกจู่โจมเข้าไปก่อน เกิดประกายแสงดุจฟ้าแลบของคมกระบี่มาพร้อมกับเสียงโลหะยามเข้าปะทะกัน “แคร้งคร้าง!” ต่อสู้ไปมายี่สิบกระบวนท่า บีบไล่ให้หญิงสาวจำต้องถอยร่นไปชิดติดริมไหล่เขา ด้วยความมืดจึงมองไม่เห็นว่า เป็นหน้าผาสูงและมีพุ่มหญ้าปกคลุมอีกที นางขมวดคิ้วแน่น พลิกตัวหลบคมกระบี่ที่เฉือนถูกแขนเสื้อ ปลายเท้าก้าวถอยหลังเหยียบไปบนอากาศ ใจหายวูบ เสียงหวีดร้องดังลั่นก่อนร่างจะร่วงตกลงไป ไม่เพียงเท่านั้น เจ้าเด็กน้อยตัวเล็กไม่รู้กินดีหมีหัวใจเสือหรือไร กระโดดตามนางลงมา ได้ยินเสียงบุรุษอุทานด้วยความตกใจ เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก ปลายนิ้วมือเอื้อมคว้าจับร่างเล็กไว้ไม่ทัน “เพ้ย! ที่เขาว่า ลูกวัวเกิดใหม่ไม่กลัวเสือ เจ้าเด็กบ้านี่ไม่กลัวตายหรือไงกัน” ชายหนุ่มสบถออกมา ในจังหวะที่ร่างดิ่งร่วงลงมา หลิวซีคว้าร่างเล็กไว้ในอ้อมกอด ยังมีไหวพริบทันควัน จังหวะที่สายฟ้าแลบสว่างเพียงครั้ง เห็นกิ่งไม้ใหญ่ยื่นออกมา จึงซัดอาวุธลับที่ปลายร้อยเชือกไหมทอง เกี่ยวพันกิ่งไม้นั้นซึ่งลำต้นงอกโผล่พ้นมาจากหน้าผา ทั่วร่างของหญิงสาวเต็มไปด้วยบาดแผลรอยถลอกขีดข่วน ทั้งกระแทกกับก้อนหิน และเกี่ยวกับกิ่งไม้ระหว่างทางที่ร่วงลงมา ตัวคนทั้งสองห้อยแนบชิดติดหน้าผา เรียกได้ว่าน่าหวาดเสียวหากร่างร่วงไปกระแทกพื้น ต้องตายในสภาพดูไม่ได้กระดูกหักเละไปทั้งตัว หญิงสาวหอบหายใจ หัวใจเต้นแรง เหงื่อผุดเต็มแผ่นหลัง ทั่วร่างเริ่มเจ็บปวดและหนาวเหน็บ สายฝนยังกระหน่ำเทลงมาอย่างจะซ้ำเติมเข้าไปอีก สวรรค์! ช่างไม่สงสารหญิงสาวตัวเล็ก ๆ บ้างเลย ยังจะตก ๆ อยู่ได้ ลอบตัดพ้อในใจแต่คงไปไม่ถึงสวรรค์ จำต้องเลิกคิดเสียเวลามาตัดพ้อโชคชะตา ต้องคิดถึงการเอาตัวรอดก้าวต่อไป หลิวซีมือหนึ่งจับเชือกไหมทองซึ่งเหนียวมาก มีด ดาบ ที่ว่าคมแค่ไหนล้วนตัดไม่ขาด พร้อมกอดร่างเล็กแนบอกใช้ร่างกายตนเองปกป้องไว้ ก้มหน้ากระซิบถามเด็กน้อยว่าเจ็บปวดตรงไหนบ้างหรือไม่ นางยังคิดว่าตนคว้าจับได้เร็ว พลางโอบกอดแน่น ไม่ให้เขาถูกกิ่งไม้ แง่หินแหลมคมมากที่สุด เด็กชายสั่นศีรษะไปมา เป็นการตอบรับ หญิงสาวค่อยเบาใจลง คาดหวังว่าคนที่อยู่ข้างบนอาจมองไม่เห็นด้านล่างอย่างแน่นอน ไหนจะฝนไหนจะต้นหญ้าขึ้นรกครึ้มพออำพรางเงาร่างได้ ทว่า สิ่งที่หลิวซีคาดไม่ถึงกลับเกิดขึ้น จู่ ๆ มีเสียงฝ่าสายลมดังมาจากด้านบน หญิงสาวตัวแข็งทื่อ ดวงตาเบิกโต คิดไม่ถึงว่า โจรผู้นี้ถึงขนาดกระโดดตามพวกนางลงมาได้ ช่างทุ่มเทเกินไปแล้ว นางไม่คิดมอบรางวัลทำหน้าที่โจรดีเด่นให้หรอกนะ! พยายามดันตัวเองให้แนบชิดติดหน้าผาเข้าไปอีก ทั้งลืมตัวเผลอกลั้นลมหายใจ ตื่นเต้นไม่รู้ตัว ขณะที่บุรุษผู้นั้นลอยมาพร้อมกับสายฝน กำลังจะผ่านร่างนางลงไปด้านล่าง สายฟ้าแลบขาวโพลนแค่ชั่วพริบตา ก่อนสายฟ้าจะฟาด “เปรี้ยงปร้าง!” สายตาทั้งสองพลันสบประสานกัน ใกล้แล้ว ใกล้จะผ่านไปแล้ว อีกนิด… ทว่า มือใหญ่ที่เต็มไปด้วยพละกำลังนั้นคว้าข้อเท้านางไว้ได้ หลิวซีสะดุ้งเฮือก พลันเจ็บปวดที่ข้อเท้า พยายามสะบัดออก พร้อมถีบเข้าไปตรงใบหน้าให้หลุดพ้นจากการเกาะกุม มือนั้นยิ่งจับแน่นกว่าเดิม เกาะติดกว่าตีนตุ๊กแกเสียอีก! “เพ้ย! ปล่อยสิ ๆ ” หลิวซีร้องบอกอย่างโมโห เด็กชายในอ้อมกอดตัวสั่นระริก หญิงสาวขมวดคิ้วแน่น ออกแรงมากกว่าเดิม แต่ไม่ง่ายเช่นนั้น เขาขยับมืออีกข้างเกาะข้อเท้านางได้อีก ทั้งไต่ตัวนางขึ้นมา หลิวซีกัดฟันกรอด ตะโกนถามไปด้วยความโมโห “ทำไมต้องเสี่ยงตาย ถึงขนาดตามจับพวกข้าด้วย จะลำบากเกินไปไหม?” เงียบ ไม่มีเสียงตอบ จนเขาโอบกอดนางไว้ในอ้อมแขนทรงพลังได้ สายฟ้าแลบอีกครั้ง แสงสว่างปรากฏขึ้น ใบหน้าทั้งสองห่างกันไม่กี่ชุ่น ลมหายใจอุ่นร้อนปะทะแก้มจนรู้สึกร้อนผ่าว ฝนเริ่มซาไปมาก พอจะเห็นเค้าโครงหน้าเขาได้บ้าง ถึงจะมีรอยแดงเต็มไปหมด ทำไมใบหน้านี้ดูคุ้นตา ทันใดนั้น อยู่ ๆ กิ่งไม้ที่หลิวซีใช้อาวุธลับเกาะเกี่ยวไว้เกิดหักขึ้นมา เพราะมิอาจรับน้ำหนักจากคนทั้งสามไว้ได้ หญิงสาวรีบก้มหน้ากระชับร่างเล็ก ขณะร่างทั้งสามกำลังร่วงหล่นลงมา อ้อมอกที่แข็งแกร่งกอดนางแน่น พร้อม ๆ กับดิ่งลงไปข้างล่างท่ามกลางสายฝนและความมืดมิดที่มองไม่เห็นสิ่งใด ........................................ ​
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD