[12] - โอกาสรอดดิ่งเป็นศูนย์

2143 Words
                                                                                               [12]   "เขาเห็นเราแล้ว"    เซตใช้มืออุดปากฉันไว้ ปีเตอร์ที่เป็นนักล่าหนุ่มกำยำหยิบหน้าไม้ออกมาจากซองเก็บอาวุธและเดินตรงมายังทางที่พวกเราหลบซ่อนอยู่ ฉันเห็นจาเวียร์กำลังถอดเสื้อยืดสีเทาตัวเก่งของเขา ท่าทางดูพร้อมจะกลายร่างได้ทุกเมื่อ    "เฮ้ๆ คุณมนุษย์หมาป่า จะทำอะไรของคุณน่ะ"    "เป็นตัวล่อให้พวกเธอไง" อดีตทหารนาวิกถอดกางเกงยีนออกจนเหลือเพียงบ๊อกเซอร์ตัวน้อยที่ปิดพื้นที่ใต้เข็มขัด เขายื่นเสื้อและกางเกงมาให้ฉัน "ฉันจะซื้อเวลา พวกเธอเข้าไปข้างในซะ ตกลงตามนี้"    ฉันพยายามที่จะห้าม แต่เซตดึงตัวฉันให้ห่างจากเขามากพอ จาเวียร์กัดฟันและคุกเข่าลง เขามองที่ฉัน ใบหน้าของคนที่หล่อเหลาที่สุดที่ฉันเคยเห็นเริ่มกลายเป็นเศษเนื้อหลอมละลายออกมา คิดภาพไอศกรีมที่กำลังละลายจากความร้อนดูสิ แทบจะไม่แตกต่างเลย แและในที่สุดชายเจ้าของร้านทาโก้ที่ขึ้นชื่อที่สุดในเมืองก็กลายร่างโดยสมบูรณ์    ดูเหมือนแผนล่อเหยื่อของจาเวียร์จะได้ผล ฉันเห็นเขาวิ่งหายไปยังอีกฝั่งของโรงงาน จากนั้นไม่นานเสียงคำรามของพ่อหนุ่มหมาป่าก็ดังขึ้น ปีเตอร์วิ่งหายไปตามเสียงของจาเวียร์ ฉันและเซตที่เห็นโอกาสรีบวิ่งเข้าไปยังด้านในทันที    ที่นี่ดูเก่าและทรุดโทรมตามกาลเวลา ฉันเห็นซากสัตว์ที่ตายอยู่จำนวนไม่น้อยตามทางเดินยาว เซตเป็นคนส่องไฟฉายไปตามทางเดินโดยมีฉันคอยระวังว่านักล่าคนนั้นตามหลังมาหรือเปล่า    "ทำไมเขาถึงคิดว่าเลือดแวมไพร์ฆ่าพวกวีเดล่าได้ล่ะ?"    "ไม่รู้สิ อาจจะโดนเป่าหู หรือไม่เขาก็หาวิธีได้จริงๆ" นักล่าหนุ่มหยุดเดินและเงี่ยหูฟัง "ทางนี้"    เราเดินมาถึงโถงใหญ่สำหรับนำเสื้อบรรจุลงกล่อง เครื่องจักรสายพานลากยาวไกลจนดูไร้สิ้นสุด เซตส่องไฟฉายจนเจอกับแวมไพร์ผู้โชคร้ายตัวหนึ่งที่ถูกแขวนไว้ไม่ต่างจากเนื้อหมูในห้องเก็บความเย็น นักล่าหนุ่มระวังตัวมากพอที่จะหยิบมีดออกมาป้องกันตัวเองก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ และก็เป็นไปตามคาด เมื่อแวมไพร์หนุ่มได้กลิ่นของพวกเรามันก็ตื่นขึ้นทันที เขี้ยวทั้งสองปรากฏขึ้นตามสัญชาตญาณ    "เฮ้พวก...หลงทางมางั้นหรอ? ช่วยแก้โซ่ให้หน่อยสิ"    ฉันที่จะเข้าไปช่วยถูกเซตห้ามไว้ หนุ่มนักล่าหยิบขวดแก้วขนาดเท่านิ้วโป้งที่มีเลือดในนั้นออกมา แวมไพร์ซึ่งดูสุภาพในตอนแรกถูกความกระหายเข้าครอบงำจนแทบจะดึงแขนตัวเองออกมา เซตเริ่มต่อรองทันที "บอกมาก่อนว่าเขาเก็บแวมตัวอื่นไว้ไหน"    "ทางขวามือนาย เดินตรงไปจนสุดแล้วเลี้ยวซ้าย...เป็นห้องฝ่ายบริหารที่ไม่ใช้แล้ว แถมให้ว่าถ้านายหาทางลัดออกจากที่นี่..." แวมตัวนั้นหมดแรงและฟุบลง เซตตัดสินใจแกะจุกขวดออกและง้างปากให้แวมตัวนั้นดื่มเลือด แต่ฉันรู้ว่านั่นเป็นแผนของมัน "อ่า...เราพูดถึงไหนกันนะ?"    "ทางลัด"    "ใช่ แต่ว่า...ฉันอยากดื่ม" ดวงตาเจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขจิ้งจอกมองที่ฉัน "ถ้าได้ดื่มเลือดเธอล่ะก็ฉันจะบอกทุกอย่างที่นายอยากรู้เลย    "ไปกันดีกว่า"    เซตดึงมือฉันไปยังทิศทางที่แวมไพร์ตัวนั้นบอกมา "เฮ้! เดี๋ยวก่อนๆ ฉันยอมบอกก็ได้" นักล่าหนุ่มผมแดงยิ้มเยาะและค่อยๆ เดินถอยกลับไปหา "พอพวกนายออกจากห้องนั้น ย้อนกลับมาทางเดิมแล้วเลี้ยวขวาจะเจอห้องน้ำหญิง นายมุดออกมาทางช่องพัดลมระบายอากาศได้"    "แล้วนายเคยเจอพวกเรามั้ย?" เซตถามกวนประสาท แน่นอนว่าทั้งฉันและแวมไพร์ตัวนั้นก็แปลกใจไม่ต่างกัน "ถ้าผู้ชายคนนั้นถาม นายเคยเจอพวกเรามั้ย"    "...ไม่"    "ดีมาก"    และเราก็ปล่อยแวมไพร์ตัวนั้นไว้ ทางเดินมีไฟแบล็กไลท์ติดไว้ยาวจนสุดทางเดิน ฉันและเซตเดินมาโดยที่มีศพแวมไพร์ซึ่งโดนสูบเลือดจนแห้งเกลื่อนอยู่ตามทาง เมื่อมาถึงหน้าห้องเซตก็หยิบขวดบางอย่างออกจากกระเป๋า โรยมันใส่มือพร้อมท่องคาถา จากนั้นก็โปรยผงนั้นลงพื้น ฉันเห็นตราวงกลมที่มีสามเหลี่ยมอยู่ด้านใน มีวงกลมอยู่ด้านในของสามเหลื่ยมอีกที มันทำให้ฉันนึกถึงพวงกุญแจของจาเวียร์ขึ้นมา    "ฉันเคยเห็นสัญลักษณ์นั่น"    "ที่ไหน?"    "พวงกุญแจของจาเวียร์ คนที่เป็นหมาป่าน่ะ"    "มันเป็นสัญลักษณ์ป้องกันสิ่งเหนือธรรมชาติ ทุกประเภท เล่ากันว่าชนพื้นเมืองช่วงล่าอาณานิคมคิดมันขึ้นมา แสดงว่าเพื่อนเธอคงจะเป็นแบบพวกเรา" เซตตัดจบเพียงเท่านั้นก่อนจะเปิดประตูเข้าไป "ไว้ออกไปได้จะเล่าให้ฟัง"    ภายในห้องสำนักงาน มีเพียงไฟแบล็กไลท์ที่ช่วยให้พวกแวมไพร์อ่อนแรงติดอยู่กลางห้อง ฉันส่องไฟฉายไปรอบห้องที่มีแต่ศพแวมไพร์ห้อยไว้เต็มไปหมด และฉันก็เจอคริสตัลที่ถูกโซ่เงินล่ามข้อมือไว้จนเกิดเป็นรอยไหม้ขึ้นมา ฉันช่วยแกะพันธนาการบนตัวเธอออก แวมไพร์สาวพุ่งใส่ฉันทันทีเมื่อหลุดออกมาได้แล้ว ดีที่เซตซึ่งเห็นเข้าพอดียิงลูกดอกใส่เธอทัน    "เราต้องไปแล้วอเลสซ่า ลุกขึ้นเร็ว"    "เธอสองคนจะไม่ได้ไปไหนทั้งนั้น"    เราสองคนหันไปที่ประตูและเจอกับชายวัยกลางคนผมยาวจ่อปืนมาที่เซต ร่างของจาเวียร์ที่หมดสภาพถูกลากมาอยู่หน้าห้อง เขาจัดการมนุษย์หมาป่าด้วยตัวคนเดียว? เป็นทั้งเรื่องที่น่าชื่นชมและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน    "แกไม่ควรมาที่นี่เซต ไม่ควรเข้าข้างพวกตัวประหลาดแบบนี้ด้วย"    "ไม่เอาน่ะปีเตอร์ ผมแค่แวะมากวนประสาทเท่านั้นเอง"    "ใช่...เหมือนแม่แกไม่ผิด" ปีเตอร์โยนกุญแจมือสองอันมาที่ฉันและใช้ปืนจ่อขมับจาเวียร์แทน "ปลดอาวุธเขาแล้วใส่กุญแจมือซะ เอามือไว้ข้างหน้า"    ฉันและเซตที่ไร้พิษภัยถูกนักล่ากลางคนดึงร่างขึ้นจนตัวลอยเหนือพื้น ทั้งที่รู้สึกปวดตึงขนาดนี้กลับเป็นเรื่องน่าแปลกที่ฉันไม่รู้สึกอ่อนแรงเลยแม้แต่น้อย มันอาจจะเป็นอาการปกติหรือไม่ก็เป็นเพราะฉันดื่มเลือดอเล็กซ์เข้าไป จะยังไงก็ตาม...มันไม่สำคัญหรอกในตอนนี้ จอห์นทิ้งฉันไป หนุ่มแวมไพร์อัลฟาก็เช่นกัน ฉันมองจาเวียร์ที่ถูกล็อกคอไว้ด้วยเครื่องมือบางอย่างที่มีหนามแหลมอยู่รอบ ลักษณะเหมือนกับที่ใช้ในยุคล่าแม่มด ฉันรู้เรื่องนี้จากหอสมุดในเมือง คิดว่าเซตคงรู้เหมือนกัน    "พี่สาวนายคงวุ่นอยู่สิท่าถึงทิ้งนายมาทำงานคนเดียวแบบนี้"    "ไม่ ผมทิ้งเธอต่างหาก แต่เธอรู้แล้วล่ะว่าคุณอยู่ที่นี่"    "เธอไม่รู้หรอก ถ้ารู้คงไม่ปล่อยให้นายออกมาคนเดียว"    เซตหัวเราะประชดตัวเอง ในสถานการณ์ที่ทุกอย่างดิ่งลงเหวเช่นนี้ โอกาสรอดของคนที่เป็นเหยื่อแบบเราจะมีค่าเท่ากับศูนย์ และจะกลับเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไปนานขึ้น แต่มันยากตรงที่ว่าฉันแทบจะไม่รู้จักเขาเลย ก็คงดีกว่าการไม่ทำอะไรซักอย่าง    "ฉันแค่จะมาช่วยเพื่อนฉัน" ห้ามพูดว่าปล่อยเราไปเถอะ มันจะยิ่งทำให้เขากดดัน "ฉันอยากกลับบ้าน..."    "แต่ฉันคิดว่าเธอคงจะรู้อยู่แล้วว่าต้องมาเจออะไร เสียใจด้วยสาวน้อย"    "แล้วคุณจะทำยังไงกับเราล่ะปีเตอร์ ฆ่าเราทิ้งงั้นหรอ?"    ปีเตอร์ชะงักไปและหันกลับหานักล่าหนุ่มผมแดง ดวงตาเกรี้ยวกราดจนฉันเองก็กลัวว่าเขาจะหักคอเซตรึเปล่า "ฉันไม่ทำแบบนั้น ไม่ใช่วิธีของฉัน" และนักล่าคนนั้นก็เดินไปหาคริสตัลที่สลบอยู่ "แต่สำหรับพวกมันที่ทำร้ายลูกสาวฉัน ฉันให้อภัยไม่ได้จริงๆ"    แวมไพร์สาวผิวเผือกที่หมดสภาพถูกสูบเลือดมาได้พักใหญ่แล้ว ร่างเล็กซูบผอมลงจนดูน่ากลัว ฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงตามเข้ามาช่วยหล่อนด้วยทั้งๆ ที่เธอเคยกัดฉันจนเกือบตายมาแล้ว หรือฉันกำลังถูกหล่อนสะกดจิตอยู่นะ?    "เลือดฉันฆ่าพวกวีเดล่าได้" ฉันสัมผัสได้ถึงความสนอกสนใจนั้น "ถ้าอยากรู้ หยุดสูบเลือดเพื่อนฉันเดี๋ยวนี้"    ได้ผล...ปีเตอร์บีบสายเลือดไว้ แต่ฉันยังเห็นความไม่ไว้ใจในดวงตาดุร้ายคู่นั้น "ถ้างั้นก็น่าสนใจ แต่ยังไงเธอก็ไม่ใช่คนที่ถือไพ่เหนือกว่านะสาวน้อย"    "งั้นคุณก็ไม่มีทางได้สิ่งที่อยากรู้" ฉันยื่นข้อเสนอ "เอาเลือดฉันไป แล้วปล่อยเพื่อนฉันกลับไปให้หมด ถ้าไม่รับไปก็ตายกันหมดนี่แหละ"    "มีแค่เธอคนเดียวที่ต้องตาย" เขาดึงเข็มเจาะเลือดบนคอคริสตัลออก ฉันที่วางใจได้เพียงชั่วครู่ต้องกลืนน้ำลายอีกครั้งเมื่อปีเตอร์หยิบมีดพับจากซองมีดข้างลำตัว และเขาก็เฉือนแขนฉันโดยไม่ลังเล เซตที่เห็นเช่นนั้นพยายามจะดึงตัวเองให้หลุดจากกุญแจมือ    "ถ้าเธอโกหก คงรู้นะว่าจะเป็นยังไง"    ปีเตอร์ออกจากห้องไปและทิ้งพวกเราไว้ เซตหันมาที่ฉันพร้อมกับความไม่พอใจบนสีหน้าเรียบเฉยนั้น "เธอทำบ้าอะไร?"    "โอกาสรอดของเราทุกคนเท่ากับศูนย์เซต ฉันมีสิ่งที่เขาอยากได้ อย่างน้อยก็ซื้อเวลา" ฉันมองจาเวียร์ที่ยังหลับสนิท "โง่ดีนะที่เรามาที่นี่"    "ทั้งหมดนี้เป็นเพราะแวมไพร์ตัวนั้นหรอ?"    "ไม่ใช่แค่เธอ"    ฉันมองคริสตันที่ตื่นขึ้นและเริ่มคลุ้มคลั่ง ทุกข์ทรมานเพราะความกระหายเลือดที่ควบคุมไม่ได้ หากว่าฉันต้องกลายเป็นหนึ่งในพวกแวมไพร์จริงๆ การตายคงไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวเท่าไหร่นัก ความตายยังทรมานน้อยกว่า ฉันคงขอร้องไม่ให้ใครก็ตามเปลี่ยนฉันเป็นพวกเดียวกับตัวดูดเลือดหรอก    โอกาสรอดของฉันติดลบเมื่อปีเตอร์กลับเข้ามาพร้อมกับโหลแก้วและมีดเดินป่าเล่มเดิม    "ปาดครั้งเดียวที่ใต้กกหู เธอแทบจะไม่รู้สึกด้วยซ้ำ" หนุ่มนักล่ากลางคนปล่อยร่างของคริสตัลลงมา "เอาล่ะ บอกสิ่งที่ฉันควรต้องรู้มา"    "เลือดฉันทำให้พวกวีเดล่าบ้าคลั่งและฆ่ามันได้ แค่อึกเดียว ส่วนพวกแวมไพร์ไม่มีผลอะไร หวังว่าจะเพียงพอสำหรับคุณนะ และหวังว่าคุณจะรักษาสัญ--"    ปีเตอร์พลิกคอฉันและใช้มีดเดินป่าเชือดส่วนใต้กกหูทันที แต่ทันใดนั้นเองกลับมีใครบางคนพังประตูเข้ามา นักล่าวัยกลางคนหันกลับไปเพื่อโต้ตอบ แต่บุคคลปริศนานั้นวาร์ปเข้าประชิดตัวปีเตอร์และงับที่คอของเขาจนเลือดสดๆ พุ่งกระฉูดออกมา ผสมเข้ากันดีกับเลือดฉันที่กำลังไหลไม่หยุด    "รสชาติห่วยแตก"    เสียงอเล็กซ์...และร่างสูงของแวมไพร์หนุ่มอัลฟาก็โผล่พ้นความมืด ถ้ามีสารลูมินอลสักหน่อยที่นี่คงสว่างไสวเหมือนไฟปาร์ตี้แน่ เขาปลดโซ่ให้ฉันอย่างรวดเร็ว แต่แทนที่จะรักษา หมอนั่นกลับเพียงแค่มองฉันที่กำลังตายเพราะเสียเลือด ดวงตาสีดำสนิทของเขาเปลี่ยนเป็นสีฟ้าคู่งามเช่นเดิม    "รู้สึกยังไง? เวลาที่ชีวิตกำลังจะดับลง มันอึดอัดใช่มั้ยล่ะ"    "ช่วยฉันที..." สองมือที่ยังมีแรงคว้าที่เสื้อเชิ้ตสีดำสนิทของเขา "ได้โปรด"    "เจ้าต้องสัญญาก่อน วันใดที่ชีพของเจ้ากลายเป็นของความตาย เจ้าต้องยกชีพของเจ้าให้กับข้า เลือดของเจ้าจะจะเป็นของข้าเพียงคนเดียว"    ฉันไม่อยากเป็นแวมไพร์...ไม่อยากกลายเป็นหนึ่งในพวกเขา เซตที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่ง แวมไพร์อเล็กซ์...ผู้สร้างของเหล่าแวมไพร์ทั้งหลายลิ้มรสเลือดจากตัวฉัน จนทุกอย่างเริ่มมืดลง...ฉันแทบจะได้ยินเสียงเต้นของหัวใจที่แผ่วลง    "สงสัยคงต้องกลับไปกินเลือดอีกแล้วสิ" [To Be Continued...]
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD