[2]
"เธอ?"
"คุณ? ในร้านทาโก้นี่"
หนุ่มหล่อคนนั้นมองฉัน เขาดูสับสนเล็กน้อยว่าทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่กับไอ้แวมไพร์ตัวร้ายได้ แวมไพร์หนุ่มผมน้ำตาลอัลมอนด์มองฉันและพุ่งมาหาอย่างรวดเร็ว คราวนี้ฉันสะดุ้งอีกรอบ หนุ่มหล่อในร้านพุ่งตรงมาหาแวมไพร์ตัวนั้นและบีบคอไว้แน่น และฉันก็เห็นเขี้ยวน้อยๆ สองเขี้ยวแทรกผ่านฟันหน้าออกมา น่ากลัว...ฉันยืนมองแวมไพร์ทั้งสองที่เริ่มฟัดกันเหมือนกับสัตว์ป่า
แวมไพร์หนุ่มผมบลอนด์ดูจะได้เปรียบกว่า เขาโยนแวมไพร์ตัวน้อยลงบนพื้นก่อนจะพุ่งมากันฉันไว้ ดูเหมือนตานั่นจะโกรธน่าดู หนุ่มผมน้ำตาลยังแยกเขี้ยวขู่
"ถอยไป! เธอเป็นของฉัน"
ให้ตายเถอะ อยู่ดีๆ ฉันก็กลายเป็นตัวสูบเลือดของแวมไพร์ไปซะงั้น ส่วนเขา...แวมไพร์ที่ฉันเพิ่งจะเห็นเขานั่งกินทาโก้ในร้านอย่างสบายใจกำลังยืนอยู่ข้างหน้าฉัน เขาสูงเป็นบ้า ที่ฉันลองคาดประมาณก็คงจะเกือบหกฟุตเห็นจะได้ เขาพยุงฉันด้วยมือขวาที่สีซีดเป็นไก่ต้ม ยิ่งทำให้ฉันอยากจะเป็นลมเข้าไปใหญ่
"เธอเป็นของฉัน และแวมไพร์เกรี้ยวกราดแบบนายก็คงทำตามกฎไม่ได้หรอก จริงมั้ย? "
เขาพูดยียวนและพร้อมจะถีบก้นแวมไพร์ตัวนี้อีกรอบหากเขาคิดจะเข้ามาใกล้ และแวมไพร์หนุ่มผมน้ำตาลเลือกที่จะเก็บเขี้ยวเข้าไปเช่นเดิม เขาเสยผมที่ยุ่งเล็กน้อยกลับเป็นทรง ปาดเลือดของฉันที่ติดริมฝีปากเขาและดูดมันเข้าไปเป็นการบอกว่าฉันน่าหม่ำขนาดไหน ฉันยังคิดอยู่เลยว่าเลือดมันน่าอร่อยตรงไหน คาว...แถมเค็มแปลกๆ อีกต่างหาก
“นายอยากเล่นแบบนี้ก็แล้วแต่ เชื่อฉันเถอะว่าเลือดแบบนี้น่ะ...อีเลียตไม่ปล่อยไว้หรอก”
และเขาก็วาร์ปหายไปต่อหน้าเราทั้งสอง ฉันทรุดลงและมองสเวตเตอร์ที่เลือดเริ่มจะล้นออกมา แวมไพร์หนุ่มผมบลอนด์พยุงฉันไว้ เขามองเลือดที่เปรอะเต็มตัวก่อนจะยื่นจมูกเข้าใกล้ต้นคอขึ้น ฉันพยายามผลักเขาออกให้พ้นตัว แต่เขาคว้าแขนฉันไว้
"กลิ่นแบบนี้...เธอเป็นตัวอะไรกัน? ฉันไม่เคยได้กลิ่นที่น่ายั่วยวนขนาดนี้มาก่อนเลย"
"ได้โปรด...อย่า"
ฉันพยายามถอยห่างเมื่อเขาขยับมาใกล้ขึ้นและเริ่มเผยเขี้ยวแหลมๆ ของเขาออกมา ฉันไม่อยากรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว มันเจ็บเป็นบ้า
"ขอโทษนะ"
เขาดึงเสื้อสเวตเตอร์ในมือฉันออก หงับ! จากนั้นเขี้ยวของเขาฝังลงไปในรอยเดิม ฉันไม่มีแรงจะขัดขืนเขาอีกต่อไป รู้สึกเหมือนอวัยวะในร่างกายเริ่มทำงานช้าลง ความร้อนจากเขี้ยวของเขายังคงแผดเผาในตัวฉัน จนในที่สุดเขาก็ละออกจากร่างฉันด้วยท่าทางกระปรี่กระเปร่ากว่าเมื่อตอนที่เขานั่งอยู่ในร้าน
"ฉันชอบริมฝีปากนั่นจัง" เขาพูดและลูบริมฝีปากที่เขรอะเลือดจากสเวตเตอร์ของฉัน "เธอดูสวยเวลาที่เลือดเขรอะเต็มหน้านะรู้มั้ย"
"ได้โปรด...ฆ่าฉันที"
เขาเลิกคิ้วเหมือนดูแปลกใจ ฉันแทบจะลุกยืนไม่ไหว แม้แต่จะเงยหน้ามองเขายังทำไม่ได้เลย ดวงตาสีฟ้าครามดุดันของเขาจ้องมองที่ฉันเหมือนลูกแมวน้อย
"ฉันไม่ปล่อยให้เธอตายหรอกนังหนู บอกแล้วนี่ว่าเธอเป็นของฉัน"
เขี้ยวนั่นทะลุผ่านระหว่างฟันออกมา แวมไพร์ผมบลอนด์กัดที่ข้อมือของเขาจนเลือดข้นๆ ไหลออกมาผ่านรอยกัด เขายกหัวฉันให้นอนบนตักและทำท่าจะป้อนเลือดเข้าปาก แต่ฉันปฏิเสธ ฉันไม่อยากเป็นเหมือนพวกเขา
"ม-ไม่"
"เธออยากตายรึไง?"
"ฉันไม่อยากเป็นเหมือนนาย"
"ฉันไม่ชอบเปลี่ยนใครให้เป็นเหมือนฉันหรอก ยัยหนู" เขาพูดและฉีกยิ้มกว้าง "และฉันไม่อยากเป็นพี่เลี้ยงทารกหรอก ดื่มซะก่อนที่ฉันจะเริ่มหงุดหงิดมากกว่านี้"
ฉันถูกบีบปากและบังคับให้ดื่มเลือดเข้าไป และฉันก็สำลัก เลือดบางส่วนกระเด็นไปติดบนหน้าหล่อๆ ของเขา เลือดแวมไพร์มัน...กลมกล่อม มันไม่เหมือนกับเลือดที่พ่อขโมยมาจากโรงพยาบาลเลยสักนิด ฉันกลืนเลือดที่เริ่มเปรอะทั่วปาก มากขึ้น...เหมือนฉันโหยหามัน จากนั้นเขาก็ปล่อยมือออก ฉันรู้สึกสดชื่นแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
"มันดีใช่มั้ยล่ะ? เชื่อฉันเถอะว่าเธอจะไม่เป็นแบบฉันหรอก แต่เธอจะเป็นของฉัน...แค่คนเดียว"
"ขอบคุณ…"
มันเป็นคำเดียวที่ฉันสามารถแทนคำพูดทุกอย่าง สิ่งที่เขาทำกับฉัน ถึงแม้ว่าเขาจะดูดเลือดฉันแต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ปล่อยให้ฉันตาย ว่าแต่...ทำไมฉันถึงกลายเป็นของเล่นของเขาไปแล้วเนี่ย ฉันควรแทนคำว่าของเล่นเป็นถุงเลือดซะมากกว่า เวรกรรมมีจริงของแท้เลยล่ะ
"เธอน่ะ? ชื่ออะไร"
"...อเลสซ่าค่ะ"
"ฉันโจนาธาน" เขาตอบห้วนๆ น้ำเสียงไร้ความรู้สึก "เรียกฉันว่าจอห์นก็ได้ ฉันไม่ถือ"
"โฮ่ง! โบร๋วววว"
เสียงนั้นเรียกความสนใจเขาได้พอตัว แต่พอเราสองคนเห็นว่ามันเป็นเพียงแค่หมาเยอรมันเชฟเฟิร์ดที่กำลังวิ่งมาทางเราจอห์นก็ละความสนใจจากมัน แต่สายตาเขาดูพอใจกับอะไรบางอย่าง
"เดี๋ยวก็มีคนมาช่วยเธอเอง และ...ฉันจะกลับมาหาเธอถ้าฉันอยาก เข้าใจใช่มั้ย?"
ฉันพยักหน้าอย่างกลัวๆ จากนั้นเขาก็วาร์ปหายไป เจ้าหมาตัวนั้นวิ่งมาหาฉัน...แต่ฉันเริ่มรู้สึกเหนื่อยเกินไปที่จะลูบหัวมันหมาน้อยวิ่งเข้ามาฟุดฟิดใส่ก่อนที่ฉันจะสลบไปเพราะเสียเลือดมาก
'ว่าแต่...เลือดแวมไพร์นี่มีขายรึเปล่านะ?'
"จอห์น...จอห์น!"
ฉันวิ่งตามเขา แต่ความรู้สึกนั้นเหมือนวิ่งอยู่กับที่ เขาชายตามามองฉันแวบนึงและยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ฉันจมดิ่งอยู่ในฝันนั้นจนไม่อาจนับได้ว่ามันเกิดขึ้นเป็นครั้งที่เท่าไหร่ เลือด ลำไส้ที่ถูกแหวกออก และใบหน้าหล่อๆ นั่น ฉันถูกเขาดูดเลือดในความฝันจนคิดว่าถ้านี่เป็นความจริง ป่านนี้ฉันคงตายไปแล้ว
"อเลสซ่า!"
ฉันเบิกตาโพลง และฉันก็เห็นจาเวียร์คุกเข่าอยู่ข้างๆ ฉันที่พอจะรู้ว่าตัวเองกลับมาอยู่ที่ร้านอีกครั้งก็พอจะโล่งใจได้ในระดับนึง จาเวียร์ยิ้มออกหลังจากเห็นฉันยังมีชีวิตอยู่ เขาอาจจะเห็นฉันละเมอเรื่องแปลกๆ ในหัวสักเรื่องนั่นแหละ แต่อย่างน้อยฉันก็ปลอดภัยแล้ว...แค่ในตอนนี้
"ดื่มสิ"
ฉันรับแก้วน้ำ กระดกเข้าไปสองอึกก่อนจะส่งคืนให้เขา "ฉันนึกว่าคุณกลับไปแล้วซะอีก"
"เปล่า ลืมกระดาษจดของที่ต้องซื้อไว้น่ะ แล้วก็เจอเธอนอนอยู่ตรงถนน ฉันนึกว่าเธอจะตายด้วยซ้ำ" เขาโชว์กระดาษให้ดูและเก็บมันเข้ากระเป๋า ฉันมองเสื้อที่เขรอะไปด้วยเลือดของฉันเอง ฉันจะอธิบายให้พ่อกับแม่ฟังยังไงเนี่ยว่าฉันโดนแวมไพร์ดูดเลือดมา
"นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย…"
จาเวียร์พูดขึ้นก่อนจะมองที่ต้นขาฉัน ผ้าพันแผลหายไป และขาก็กลับมาเนียนเหมือนเมื่อก่อน...แบบไร้เหตุผล ฉันดีใจสุดชีวิตที่รอยไหม้พวกนั้นมันหายไปแล้ว เหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แล้วฉันก็เผลอร้องไห้ต่อหน้าเขาจนได้ จาเวียร์ก็ดูจะดีใจอยู่เหมือนกัน
"มันเกิดขึ้นได้ไง…"
"ไม่รู้สิ อาจจะเป็นปาฎิหารย์ก็ได้"
ฉันลองลูบหารอยกัดที่จอห์นอาจจะทิ้งไว้ แต่ไม่มี...ไม่เหลือแม้กระทั่งรอยแผลเป็น ฉันมองที่จาเวียร์และไม่รู้ว่าจะอธิบายให้เขาฟังยังไง จนเมื่อเขาถอนหายใจและลุกขึ้น
"ใกล้เช้าแล้ว ฉันไม่อยากให้ผิวสวยๆ นั่นโดนแดดเผาอีกหรอกนะ ไปกันเถอะ"
จากนั้นเขาก็ช่วยหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้ ฉันไม่อยากกลับไปแล้วพูดเรื่องที่เกิดขึ้นให้คนในบ้านฟังหรอก คงจะคิดว่าฉันเมามากกว่า โดยเฉพาะแมทที่พร้อมจะจิกกัดฉันได้ตลอดเวลานี่น่ะสิตัวปัญหาหลักเลย ดีที่ว่าจาเวียร์มาพร้อมกับมอเตอร์ไซค์ฉันก็เลยยอมให้เขาไปส่ง อีกซักพักพระอาทิตย์จะขึ้นแล้ว
"ขอบใจคุณนะจาเวียร์ ถ้าคุณไม่มาเจอป่านนี้ฉันคง..."
"เก็บคำขอโทษไว้เถอะ อย่างน้อยเธอก็ปลอยภัยดี"
จาเวียร์ทิ้งคำพูดไว้เท่านั้น เขาไม่กล้าล้ำเส้นไปมากกว่านั้น ฉันรู้ว่าสายตาที่เขามองมาทุกครั้งเขากำลังคิดอะไร แต่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงในฝันของเขา เขาทั้งหล่อ กำยำ แถมเป็นเจ้าของร้านอาหาร แล้วดูที่ฉันสิ ไม่มีอะไรเลยนอกจากโรคบ้าๆ ที่ทุกคนรังเกียจกับสายตาของผู้คนที่มองฉันเหมือนสัตว์ประหลาด อย่างน้อยความเมตตาจากจาเวียร์ก็ทำให้ฉันมีความหวังที่อยากจะมีชีวิตอยู่ได้ ถึงแม้มันจะริบหรี่ก็เถอะ
"แม่คะ" ฉันพูดพลางเคาะประตู "หนูกลับมาแล้ว"
แม่เปิดประตู มองฉันและโผเข้ากอดด้วยความดีใจที่ฉันยังไม่ตาย ฉันก็พอเข้าใจล่ะ ปกติฉันเลิกตีสอง แต่ตอนนี้จะหกโมงเช้าแล้ว เธอจะห่วงก็คงไม่แปลกหรอก
"ทำไมหนูไม่รับโทรศัพท์แม่ล่ะ แล้ว..." เธอหมุนตัวฉันเหมือนพยายามมองหารอยแผลเป็นพวกนั้น
"เดี๋ยวหนูค่อยอธิบายนะคะ หนูไม่อยากให้แมทรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พ่อยังไม่กลับมาหรอคะ?"
"พ่อโทรมาบอกน่ะว่าเขาจะนอนที่นั่นเลย ตอนนี้ออกข่าวเรื่องอุบัติเหตุอยู่"
ฉันปิดประตูบ้านก่อนจะขึ้นไปยังห้องนอน มองแมทที่นอนหลับสบายบนเตียงก่อนจะค่อยๆ หยิบเสื้อผ้าในตู้ออกมา อันที่จริงฉันจะปลุกน้องชายฉันเลยก็ได้ แต่อย่าดีกว่า ฉันเดินลงไปด้านล่างหลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
"แมทยังไม่ตื่นหรอลูก?"
"ยังค่ะ แต่เดี๋ยวนาฬิกาคงจะดังแล้ว"
"งั้นลูกไปนอนเถอะ เดี๋ยวแม่เตรียมมื้อเช้าไว้ให้"
ฉันเดินขึ้นห้องนอน เป็นจังหวะเดียวกันที่แมทเพิ่งจะกดปิดนาฬิกาปลุกพอดี น้องชายมองที่ฉันด้วยความตกใจ แต่เราไม่เคยทักทายกันหรอก อาจจะมีบ้างถ้าเกิดว่าพ่อกำลังเห็นเราอยู่ แต่ฉันกับแมทไม่ค่อยถูกกันนัก แทบจะไม่เป็นพี่น้องกันเลยมากกว่า ฉันรีบหนีเข้าห้องนอนก่อนที่มันจะได้พูดอะไรมากกว่านั้น
"เฮ้อออ"
ฉันล้มตัวนอน คิดถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดเมื่อคืนนี้พลางมองรอยแผลเป็นที่หายไปทั้งหมด ฉันควรจะทำยังไงนะ? แน่นอนว่าตอนนี้ฉันยังไม่รู้หรอกว่าจะรับมือกับจอห์นยังไง เขาจะส่งฉันให้แวมไพร์คนอื่นรึเปล่า ทุกอย่างในหัวมันตีกันไปหมด
"ปวดหัวโว้ย!" ฉันดิ้นไปดิ้นมาบนเตียง ระบายอารมณ์โดยการทุบหมอนก่อนจะนอนหมดสภาพเหมือนเดิม
ฉันมุดหัวออกจากผ้าห่ม ปกติพ่อไม่กดกริ่งหน้าบ้านนี่ และฉันก็ได้ยินเสียงเปิดประตูหน้า เสียงแม่คุยอะไรบางอย่างกับใครสักคน แต่ฉันเหนื่อย...อยากนอนใจจะขาด และฉันก็ไม่สนใจจนกระทั่งแมทที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วเดินมาปลุกฉันถึงข้างบน
"แม่อยากให้พี่ลงไปหาน่ะ"
"ได้"
ฉันพูดเท่านั้นและเดินหนีแมทลงมา แม่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว สงสัยคงจะเป็นคุณนายแอนเดอร์สันที่อยู่ถัดไปมาเยี่ยมแหงๆ แต่ไม่ใช่...แวมไพร์ร่างสูงผมบลอด์ที่ทั้งช่วยชีวิตและดูดเลือดฉันไปหันมาและฉีกยิ้มอย่างยินดี ฉันแทบจะเป็นลมอีกรอบพอได้เจอหน้าเขาอีกครั้ง
"จอห์น..."
"ยินดีที่ได้พบนะหนูน้อย"
[To Be Continued...]