[12 ชั่วโมงก่อนรุ่งสาง] "ลูอิส แม่เก็บข้าวเย็นไว้ให้แล้วนะ ชาร์ลีต้องชอบคุกกี้ของแม่แน่"
"ขอบคุณนะครับ" เด็กหนุ่มเกรดสิบเอ็ดผิวแทนหอมแก้มลาแม่ของเขาอย่างเช่นทุกเย็น "คืนวันเสาร์ที่ไม่มีแม่คงไม่สนุกเท่าไหร่"
"อย่าพูดแบบนั้นสิ เดี๋ยวชาร์ลีได้ยินเข้าคงน้อยใจแย่"
ลูอิส เอลแมน หนุ่มหล่อร่างสูงหน้าตาดีที่มีบ้านเกิดอยู่ในเมืองปาลมาส สเปน ผิวสีแทนของเขาไม่ได้ดูโดดเด่นกว่าประชากรอเมริกันส่วนมากนัก แต่หน้าตาหล่อเหลาพอจะดันให้เขากลายเป็นหนุ่มป๊อปในโรงเรียนได้ไม่ยาก ลูอิสเข้าชมรมรักบี้โดยไม่สนว่าจะมีหญิงสาวคนไหนมาหลงรักเขาหรือเปล่า แน่นอนว่าสาวทุกคนคงหวังอยากควงเขาไปงานพรอมอยู่แล้ว แต่เขาได้มาเจอสาวน้อยคนหนึ่งซะก่อน เธอคนนั้นชื่อว่าชาร์ลี บลูมวิส
ลูอิสได้เจอเธอครั้งแรกตอนที่เขาอยู่เกรดสิบ ส่วนเธออยู่เกรดสิบเอ็ด ชาร์ลีเป็นสาวร่างบาง ผอมแห้ง ขอบตาดำคล้ำเหมือนนอนไม่เพียงพอตลอดเวลา ในบางเดือนลูอิสจะได้เห็นเธอในลุคผมสั้นสีดำปัดข้างหรือไม่ก็โกนผมออกจนหมด และในบางวันที่เธอมาเรียนพร้อมกับเสื้อกล้ามหลวมๆ เขาก็สังเกตเห็นว่าชาร์ลีมีรอยสักรูปงูอยู่ที่แผ่นหลังด้านขวา
หลังจากเคลียงานของชมรมและอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้ว ลูอิสสวมกางเกงขายาวและปล่อยให้ท่อนบนเปลือยเปล่า ภาพของบ้านตรงข้ามไม่ได้เงียบเหงาเหมือนวันที่ผ่านมา เขาไม่ได้เมินเฉยต่อโลกจนถึงขั้นไม่สนใจสิ่งรอบตัวหรอกนะ เพื่อนบ้านผู้แสนดีนามว่า 'จิม' ซึ่งย้ายเข้ามาเมื่ออาทิตย์ก่อน มึครั้งหนึ่งที่แม่ประสบปัญหาเรื่องท่อแก๊สและเรียกจิมเข้ามาช่วย และนั่นก็ทำให้ทั้งสองสนิทกันตั้งแต่นั้นมา
"โอ๊ะโอ..."
เด็กหนุ่มที่กำลังหันหน้าเข้าชั้นสองมองร่างกำยำของจิมที่กำลังถอดเสื้อเชิ้ตออก พร้อมกับสาวผมบลอนด์ที่ท่อนบนไร้อาภรณ์ เขาผลักเธอไปที่เตียงและเริ่มการเล้าโลมแสนดูดดื่ม แต่ผ่านไปไม่นานลูอิสที่จ้องมองด้วยความสนอกสนใจก็เริ่มรับรู้บางสิ่งที่ผิดปกติจากบ้านตรงข้าม บนแผ่นหลังของหล่อน...สีแดงที่คล้ายเลือดไหลลงก่อนที่ไฟในห้องจะดับมืด
ลูอิสสะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น
ไม่มีวี่แววของฝั่งตรงข้าม เด็กหนุ่มตัดสินใจวิ่งลงไปยังด้านล่าง แต่ก่อนที่จะเปิดประตูเขากลับมองไปยังมีดในห้องครัว ลูอิสหยิบมีดหั่นผลไม้และเดินมุ่งหน้าไปที่ประตูหน้าบ้าน แต่เมื่อเปิดประตูหญิงสาวร่างเล็กผู้ไว้ผมสั้นปัดข้างยืนอยู่ สายตาของหล่อนมองไปที่มีดเล่มนั้นพร้อมกับมองแฟนหนุ่มที่ยืนหน้าซีด
"ฉันควรไปรึเปล่า?"
"ขอโทษที" หนุ่มสเปนวิ่งไปเก็บมีดในครัวและมองอีกฝ่ายที่ยังมึนงง "เข้ามาก่อนสิ"
ชาร์ลีก้าวเข้ามาในบ้าน เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเธอสวมชุดเดรสที่ดูน่ารักขนาดนี้ สีชมพูอ่อนเข้ากันได้ดีกับสีผิวของเธอทีเดียว ลูอิสแอบคิดในใจว่าถ้ามีโอกาสในคืนพรอม เขาจะซื้อชุดแบบนี้ให้เธอสวมและเต้นรำไปด้วยกัน
"นายเป็นอะไรรึเปล่า? บอกฉันได้นะ"
"เปล่า" ลูอิสตอบเสียงเรียบ "วันนี้เธอดูสวยนะ"
"อยากลองเปลี่ยนสไตล์หน่อยน่ะ นายชอบฉันก็ดีใจแล้ว"
เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นเป็นครั้งที่สอง
เด็กหนุ่มผิวแทนดึงตัวชาร์ลีแฟนสาวของตนมาอยู่ด้านหลัง จากเสียงกริ่งกลายเป็นเสียงเคาะบนแผ่นไม้ที่รุนแรงขึ้น ทั้งสองตัดสินใจยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นก่อนที่เสียงจากบุคคลปริศนาจะหยุดลง ลูอิสวิ่งขึ้นไปที่ชั้นสองและมองลงไปยังด้านล่าง ไม่มีวี่แววของผู้มาเยือนปริศนา และบ้านฝั่งตรงข้ามของเขาก็ปิดไฟเงียบสนิท
หนุ่มสเปนสะดุ้งเฮือกอีกครั้ง "เฮ้! นายเป็นอะไรเนี่ยลูอิส?"
"บ้านตรงข้าม...ทำตัวแปลกๆ และฉันก็เห็นว่าเขา" ลูอิสมองอีกฝ่ายที่คาดหวังกับคำตอบ "ทำตัวน่ากลัว"
"แล้วมันน่ากลัวยังไงล่ะ"
"บางทีฉันอาจจะคิดมากไปเอง..."
หลังจากเรื่องแปลกประหลาดของชายข้างบ้านและเสียงเคาะประตูปริศนาได้ผ่านไปแล้ว หนุ่มสาวคู่รักก็ใช้เวลาก่อนรุ่งเช้าไปกับภาพยนตร์เรื่องโปรดของพวกเขาโดยไม่ได้เน็ดฟลิกซ์แอนด์ชิลไปด้วย ลูอิสที่ยังนึกถึงภาพแผ่นหลังของสาวผมบลอนด์คนนั้นที่ชุ่มไปด้วยเลือดได้ และเขาแน่ใจว่าตัวเองคงจะลืมเรื่องที่เห็นไปไม่ลง...เขาเริ่มรู้สึกง่วง ในขณะที่ชาร์ลียังกระปรี้กระเปร่าผิดแปลกจากปกติ
เสียงกริ่งดังขึ้นเป็นครั้งที่สาม
"ใช่จิมรึเปล่า?"
ลูอิสที่กุมแขนชาร์ลีไว้ค่อยๆ พาตัวเองเดินไปหลบอยู่ที่ห้องเก็บไวน์ในชั้นใต้ดินของบ้าน หญิงสาวเดินไปเปิดประตูหลังไว้เหมือนจงใจให้ผู้บุกรุกปริศนาเข้าใจว่าทั้งสองไม่ได้อยู่ในนี้แล้ว แผนเรียบง่าย สองหนุ่มสาวคู่รักหลบอยู่หลังประตูห้องใต้ดิน เสียงทีวีที่เปิดทิ้งไว้เริ่มปนเปกับเสียงย่ำเท้าบนพื้นไม้ เสียงเดินหยุดลงครู่หนึ่งก่อนที่จะหายไป
"พระเจ้า...นี่มันไม่ปกติแล้วนะ" หญิงสาวผมดำกล่าว ลูอิสแทบจะได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นรัวได้ชัดเจน "ออกไปขอความช่วยเหลือเถอะ"
"งั้นรออยู่ตรงนี้ ฟังนะชาร์ลี อย่าออกมาจนกว่าผมจะไปเรียก" หนุ่มสเปนที่กำลังจะเปิดประตูออกไปถูกอีกฝ่ายรั้งไว้ "ผมจะวิ่งไปหยิบโทรศัพท์มา ทุกอย่างจะเรียบร้อยนะ"
หนุ่มนักกีฬารักบี้ร่างสูงค่อยๆ แง้มบานประตู หันซ้ายหันขวาอย่างระมัดระวังก่อนจะมองโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโซฟา มีสายโทรเข้าจากชาร์ลีเมื่อสิบนาทีก่อน...เธอจะโทรมาได้ยังไงในเมื่อสิบนาทีก่อนทั้งสองยังนอนดูทีวีอยู่ด้วยกัน และลูอิสก็เกิดนึกถึงบางอย่างที่ชาร์ลีเคยพูดออกมา
'ใช่จิมรึเปล่า?'
แน่นอน...เขาไม่เคยเอ่ยนามของเพื่อนบ้านผู้แสนดีนามว่า 'จิม' ให้ชาร์ลีฟังมาก่อน
"จบเร็วไปหน่อยว่ามั้ย?"
เสียงวัตถุแข็งกระทบเข้ากลางศีรษะของเด็กหนุ่ม ผมสีน้ำตาลอ่อนเปียกโชกไปด้วยเลือดจากบาดแผลก่อนที่ร่างสูงจะล้มลง พื้นไม้แข็งไร้สัมผัสเมื่อสมองของเขากระทบกระเทือนเช่นนี้ ทุกอย่างค่อยๆ มืดลงจนเหลือเพียงความเงียบสงบ ในใจของเด็กหนุ่มยังย้อนถามตัวเองว่า 'มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันวะ?'
ลูอิส เอลแมน ตื่นขึ้นในห้องใต้ดินของเพื่อนบ้านจิม ไม่ใช่เพื่อนบ้านที่แสนดีของแม่อีกต่อไป...จิมคือชายหนุ่มผิวขาวร่างสูงใหญ่วัยสามสิบปลาย เรียกว่าผิวซีดจะดีกว่า ไว้ผมรองทรงต่ำและเคราเป็นทรงเข้ากับรูปหน้า เขาจะโผล่ออกมาหาแม่หลังพระอาทิตย์ตกดินไปแล้วเท่านั้น ในตอนแรกลูอิสก็แอบนึกขำเหมือนกันว่าจิมทำตัวเหมือนแวมไพร์มากเกินไป
ข้อมือทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มถูกสับกุญแจมือให้อยู่ด้านหน้าโดยมีโซ่เส้นยาวคล้องติดกับห่วงบนพื้น พื้นกระเบื้องเย็นบาดผิวกายเปลือยเปล่า ลูอิสยังเห็นกางเกงขายาวที่ตนเองสวมก่อนหน้านี้กองรวมกับเสื้อผ้าของคนอื่นๆ รวมถึงชุดเดรสที่ชาร์ลีสวมมาหาเขาที่บ้าน และหลุมที่ถูกขุดไว้ประมาณ สาม...ห้า รวมทั้งหมดแปดหลุมในทัศนวิสัยของเขา อาจจะมีเยอะกว่านี้ แต่ข้อจำกัดของร่างกายทำให้ลูอิสไม่สามารถหันหลังกลับไปมองได้
"ในที่สุดเราก็ได้เจอกันตัวเป็นๆ แล้วนะไอ้หนุ่ม" รองเท้าบู้ตทหารหยุดตรงหน้าลูอิสก่อนที่จิมจะย่อตัวลงมา "นายไม่น่าเข้ามาเห็นเรื่องนี้เลยรู้มั้ย"
"ก็คุณไม่ระวังตัวเอง เพื่อนบ้านถัดไปอีกสองหลังยังจะมองเห็นเลยถ้าคุณเล่นเปิดผ้าม่านซะกว้างขนาดนั้น"
เขี้ยวแยกผ่านฟันเขี้ยวด้านบนทั้งสอง ลูอิสที่พยายามขัดขืนถูกอีกคนบีบคอไว้ คมเขี้ยวแหลมของแวมไพร์ลากผ่านซอกคออันบอบบางของเด็กหนุ่ม "ระหว่างที่นายกำลังเป็นมื้อเย็นให้ฉัน ตัดสินใจซะว่าอยากจะอยู่เป็นของเล่นให้ฉันไปนานๆ หรืออยากตายแบบทรมานที่สุด" เลือดหยาดแรกไหลออกมาตามรอยกัด "อย่าร้องเสียงดังล่ะ"
ลูอิสซึ่งถูกพันธนาการไว้ดิ้นพล่านเมื่อเพื่อนบ้านผู้แสนดีฝังเขี้ยวลงบนต้นคอจนมิด เสียงร้องของเด็กหนุ่มยิ่งกระตุ้นให้จิมป่าเถื่อนยิ่งกว่าเดิม รอยเขี้ยวเริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้นโดยที่ลูอิสไม่ทันได้สังเกต เขามองเห็นเรเชลจากเกรดสิบเอ็ด ไอแซคที่อยู่ห้องบีและอาจารย์สอนชีววิทยากำลังดื่มเลือดจากเขา การเสียเลือดทำให้ภาพความทรงจำของเด็กหนุ่มหายไปทีละน้อย มีเพียงเสียงกรีดร้องของลูอิสที่แผ่วเบาลงดังก้องอยู่ในห้องนี้
จนกระทั่งเสียงฝีเท้าของหญิงสาวก้าวเข้ามาในห้องนี้ สาวผมดำผู้มีรอยสักรูปงูอยู่บนแผ่นหลังเข้ามาพร้อมหน้าไม้สีเงิน สีหน้าของเธอดูประหลาดใจที่ลูอิสมาอยู่ที่นี่
"ในโลกเชี่ยนี่ กูเกลียดการเอาแบบหมู่ที่สุด โดยเฉพาะจากพวกปลิงดูดเลือดแบบพวกมึง"
ลูกดอกเงินปักเข้ากลางหลังเรเชล ทะลุหัวใจอย่างแม่นยำจนแวมไพร์ที่เหลือต้องถอยห่าง แต่สีหน้าของจิมนั้นกลับประทับใจมากกว่าจะกลัวคนตรงหน้า "ชาร์ลี...ชาร์ลีๆ มาช่วงงานใกล้จบนี่เสียมารยาทนะรู้มั้ย" แต่แวมไพร์หนุ่มรู้ว่าตัวเองกำลังเสียเปรียบจึงยกร่างของลูอิสที่โชกเลือดขึ้นมา หญิงสาวหยิบไฟแช๊กขึ้น "ขืนชักช้าแฟนหนุ่มผู้น่ารักจะตายเอาซะก่อนนะ"
"ฉันมาแค่กำจัดพวกแก นักล่ากับแวมไพร์ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น" ชาร์ลีที่ไม่ทันยั้งปากหันมองลูอิสคนรักของตนที่ได้ยินทุกคำพูดจากปากของเธอ "ลูอิส...ฉัน-" น้ำตาของเขาชะล้างเลือดบางส่วนที่เปรอะใบหน้าออก
"ทิ้งไฟแช๊กแล้วมาคุยกันดีๆ เถอะสาวน้อย อย่าทำแบบนี้เลย"
ชาร์ลีกำไฟแช๊กในมือไว้แน่นพลางหันมองลูอิสที่อาการร่อแร่ ใบหน้าผิดหวังของคนรักในตอนแรกเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มบอกลา "ผมให้อภัยคุณ...ชาร์ลี"
"ฉันรักนายนะ"
เปลวเพลิงร่วงลงบนเชื้อชนวนและสร้างอาณาเขตจนชั้นใต้ดินสว่างไสวไปด้วยแสงไฟ เพื่อนบ้านจิมที่พยายามจะหนีถูกลูอิสล็อกคอไว้ ร่างทั้งสองเหวี่ยงไปมาอยู่ในอากาศอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ลูอิสซึ่งไร้เรี่ยวแรงจะปล่อยมือออก แวมไพร์ที่อ่อนแอกว่าสลายไปกับเปลวไฟ เหลือเพียงลูอิสและจิมที่ยังรอดชีวิต
"ฉันจะไปกระซวกอกยัยนั่นหลังจากจบเรื่องกับแกแล้ว แกคิดว่าจะฆ่าฉันได้งั้นรึ?" แวมไพร์หนุ่มที่กลายสภาพเป็นสัตว์ร้ายหลายคมเขี้ยวโดยสมบูรณ์เดินเข้าหาลูอิส "ฉันคือพระเจ้า"
"พระเจ้าตายไม่ได้หรอก" ชายลึกลับคนหนึ่งโผล่มาอยู่ด้านหลังจิมและกระซวกอกจนหัวใจที่ยังเต้นอยู่ทะลุออกมาด้านหน้า "แต่แกน่ะตายไปแล้ว"
ลูอิสจ้องมองชายหนุ่มผมบลอนด์ร่างสูงตรงหน้าสะบัดเลือดที่เขรอะบนมือออก ดวงตาสีฟ้าสว่างไร้ซึ่งความรู้สึก เย็นชาราวกับน้ำแข็งที่กัดกินผู้ที่สบตา ชายปริศนาย่อตัวเข้าใกล้ลูอิสและใช้นิ้วปาดเลือดที่ยังไหลจากต้นคอ
"ขมขื่น รสชาติเหมือนคนเพิ่งโดนหักอกมา" แววตาของหนุ่มผิวแทนประหลาดใจ "แสดงว่าคงจริง"
"คุณเป็นแวมไพร์ใช่รึเปล่า?" ชายคนนั้นพยักหน้า
"...คุณจะฆ่าผมใช่มั้ย?"
แวมไพร์หนุ่มใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่ง และเขาก็พยักหน้าอีกครั้ง แต่ลูอิสกลับไม่แยแสต่อความตายตรงหน้า ข้อดีของการไม่นับถือศาสนาคือการไม่มีอะไรต้องกลัว ชีวิตหลังความตาย? ปีศาจ? เทวทูต? เขาคงจะเด็กเกินกว่าจะได้สัมผัสกับคำว่าปาฏิหารย์ และลูอิสก็รู้ว่าเขานั้นเด็กเกินกว่าที่จะตาย
ความตายไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเขา แต่เกิดกับคนที่ยังมีชีวิตอยู่
"งั้นขอผมตายเงียบๆ อยู่ที่นี่ดีกว่า"
หนุ่มสเปนผิวแทนแค่นเสียงหัวเราะที่พอจะมีก่อนจะพริ้มตาลง แวมไพร์หนุ่มที่เห็นร่างตรงหน้าไร้การเคลื่อนไหวยกตัวเขาขึ้นมาด้วยความอ่อนโยน ก่อนที่ทั้งสองจะหายไปจากบ้านตรงข้ามซึ่งกำลังถล่มลงมาถึงห้องใต้ดินของกระท่อมหลังหนึ่ง มีเพียงแสงจากตะเกียงส่องสว่างจากด้านบนพอจะทำให้ลูอิสเห็นใบหน้าของแวมไพร์ที่ยกร่างเขามาที่นี่ ร่างของเด็กหนุ่มถูกวางบนโลงศพหิน
"ฉันไม่ได้เปลี่ยนพวกมนุษย์มานานแล้ว นานเกินกว่าจะจำความได้" มือเรียวปัดไรผมออก "นายพร้อมที่จะตาย แต่ยังกลัวการสูญเสีย กลัวว่าคนที่รักจะหายไป"
ลูอิสพยักหน้ารับ "ผมยังไม่อยากตาย"
"อยากได้ยินแบบนั้นอยู่พอดี" แวมไพร์ผมบลอนด์ยิ้มก่อนจะกัดแขนตัวเองจนได้เลือด "นายจะเป็นคนแรกในรอบศตวรรษที่ได้สายเลือดของฉันไป และถ้านายตื่นขึ้น อย่าออกไปไหนจนกว่าฉันจะกลับมาเข้าใจมั้ย"
ลูอิสอ้าปากรับเลือดจากแวมไพร์หนุ่มอย่างว่าง่าย ไม่ใช่ความรู้สึกที่เหมือนกำลังจะตาย...ลูอิสแค่รู้สึกว่าตัวเองอยากจะหลับซะมากกว่า ทุกอย่างเริ่มเลือนรางก่อนจะดับสูญ ลูอิสนึกถึงแม่ที่อยู่ทานมื้อเช้าด้วยกันในทุกวัน นึกถึงเพื่อนๆ ที่โรงเรียน นึกถึงชาร์ลี...หญิงสาวที่ยังลึกลับในความรู้สึกของเขาเสมอมา
ความตายมิใช่จุดจบอีกต่อไป
เด็กหนุ่มผู้ก้าวผ่านความตายได้เกิดใหม่อีกครั้ง ดวงตาสีเฮเซลเปลี่ยนเป็นสีอำพัน สีผิวไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก อาจเป็นข้อดีในการได้สีผิวแทน ลูอิสยันตัวขึ้นและมองไปรอบตัว ร่างกายยังเปลือยเปล่า เขารู้สึกได้ว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไป หิวเหมือนอดอาหารทั้งอาทิตย์...ลูอิสเดินโซซัดโซเซมาจนถึงด้านบนและเจอกางเกงยีนกองไว้บนโต๊ะพร้อมกับเสื้อยืดเขรอะเลือดตัวหนึ่ง
ลูอิสนึกถึงแม่ที่คงกลับมาเจอภาพที่บ้านตรงข้ามมอดเป็นตอตะโก และคงร่ำไห้ที่ไม่เห็นว่าเขาอยู่ในบ้าน นึกได้เท่านั้นเด็กหนุ่มก็ลืมตาขึ้นมาและมาโผล่ที่บ้านของบาทหลวงแอนเดอร์สันที่ถัดจากบ้านของเขาไปสามหลัง ลูอิสมองพนักงานดับเพลิงที่ฉีดสกัดไฟได้ส่วนหนึ่ง เห็นแม่ที่กำลังร้องไห้และ...ชาร์ลีโอบปลอบเธอไว้
"พ่อหนุ่ม" ลูอิสหันหลังกลับไปจนเจอชายแก่ร่างผอมสูงในชุดบาทหลวง บาทหลวงแอนเดอร์สัน "ข้างนอกมันหนาวนะ ทำไมไม่กลับเข้าบ้าน?"
เสียงหัวใจของบาทหลวงทำเอาลูอิสต้องกลืนน้ำลาย "ผม...เข้าไปไม่ได้"
บาทหลวงทำหน้างุนงงก่อนที่ในอีกสิบวินาทีให้หลังจะเข้าใจว่าลูอิสหมายความว่าอะไร "เข้ามาก่อนสิ" เด็กหนุ่มเดินก้าวเข้าไปด้านในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ อันที่จริงเขาก็แปลกใจอยู่ล่ะว่าตัวเองเข้ามาได้ยังไง
"เพิ่งถูกเปลี่ยนใช่มั้ย?" ลูอิสที่ได้ยินเช่นนั้นพยักหน้าน้อยๆ "นี่มันหายนะชัดๆ จะเปลี่ยนเมืองนี้ให้กลายเป็นดงแวมไพร์รึไงนะ"
"คุณพ่อหมายความว่าไง?"
เสียงหัวใจของบาทหลวงแอนเดอร์สันชัดเจนขึ้นตามความกระหายเลือดของลูอิส เขี้ยวน้อยๆ ของแวมไพร์เลือดใหม่งอกออกมา เสียงใจเต้นระรัวจากความกลัวของอีกฝ่าย แวมไพร์หนุ่มเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้และเดินเซเข้าหาบาทหลวงผู้นั้น
"หยุดนะ อย่าหาว่าฉันไม่เตือน"
"ผมขอจิบแค่นิดหน่อย...ได้โปรด"
บาทหลวงแอนเดอร์สันยกสร้อยกางเขนขึ้นจนทำให้ลูอิสถูกดีดตัวออกมา แวมไพร์หนุ่มตาแดงก่ำ ใบหน้าเต็มไปด้วยเส้นเลือดจนดูน่ากลัว เขาพุ่งใส่นักบุญตรงหน้า แต่ก่อนทันจะได้กัดอีกฝ่ายประตูไม้ก็ถูกเปิดออก แวมไพร์หนุ่มผู้สร้างวาร์ปเข้ามาห้ามแวมไพร์ร่างสูงไว้
"ปล่อยนะ!"
"ไม่! จนกว่านายจะคิดได้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป"
"คุณเปลี่ยนผม! อยากให้ผมเป็นแบบนี้ไม่ใช่รึไง คุณนั่นแหละที่เป็นปีศาจ!"
"ในฐานะผู้มอบสายเลือด หยุดการกระทำน่ารังเกียจนี่แล้วออกไปกับฉัน เดี๋ยวนี้!"
เมื่อลูอิสได้ยินคำสั่ง ดวงตาสีอำพันสว่างที่เกรี้ยวกราดอยู่นั้นสงบลง แวมไพร์เลือดใหม่ค่อยๆ เดินออกไปด้านนอก แต่ก่อนที่แวมไพร์ผู้สร้างจะเดินออกไป เขามองบาทหลวงแอนเดอร์สัน
"ผมขอให้คุณลืมเรื่องที่เกิดขึ้น คุณไม่รู้จักเขา ไม่เคยเห็นหน้าผม เข้าใจใช่มั้ย?"
"ครับ...ผมไม่เคยเห็นคุณ"
บาทหลวงแอนเดอร์สันพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินเข้าไปหลังบ้าน แวมไพร์ผู้สร้างเดินออกมาและมองลูอิสที่โดนควบคุม เมื่อเสียงดีดนิ้วดังขึ้นลูอิสก็ได้สติอีกครั้ง
"ทำไมไม่ปล่อยให้ผมตาย?"
"ฉันรู้สึกเหมือนที่นายรู้สึก ความรัก ความโศกเศร้า...ความหวัง คนอยากตายไม่มีอะไรแบบนั้นหรอกนะ แถมนายยังพูดออกมาเองว่ายังไม่อยากตาย"
"ผมจะกลับไปหาแม่ได้ใช่มั้ย? คุณ..."
"อเล็กซ์ เรียกฉันว่าอเล็กซ์ และนายจะได้กลับไปเมื่อนายพร้อม ตามฉันมาสิ"
สองแวมไพร์หนุ่มวาร์ปมายังร้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนถนนสายแปดนามว่า "ลัสส์" แวมไพร์อเล็กซ์เปิดเข้าไปด้านในและพบหญิงสาวผิวสียืนเรียงขวดโหลบนชั้นประดับก่อนที่เธอจะตกใจเมื่อหันมาพบแวมไพร์ทั้งสองที่ยืนรออยู่พักหนึ่ง หญิงสาวผิวสีร่างเล็ก ผอมบาง ทำให้ลูอิสนึกถึงชาร์ลีขึ้นมาซะอย่างนั้น เธอมองอเล็กซ์ที่เดินมาหยุดหน้าเคาท์เตอร์และวิ่งปรี่เข้าหาอย่างดีใจ
"ให้ตายสิ...คุณคือแวมไพร์อัลฟาใช่รึเปล่า?" อเล็กซ์พยักหน้ารับ "โอ้พระเจ้า! ฉันชื่อนาเลียนะคะ"
"นาเลีย ชอนเดอรา จอห์นเคยเล่าเรื่องคุณให้ผมฟัง วันนี้พอจะมีสินค้าแบบไหนแนะนำลูกค้าใหม่ของผมได้บ้างคุณผู้หญิง"
นาเลียยิ้มเลศนัยก่อนจะหยิบเข็มฉีดยาที่บรรจุเลือดออกมาสามเข็ม ลูอิสที่ได้กลิ่นเลือดพยายามจะหยิบเข็มขึ้นมาแต่ถูกอเล็กซ์คว้ามือไว้เสียก่อน แวมไพร์อัลฟาโน้มลงกระซิบกับแวมไพร์หนุ่มผู้เกิดใหม่อย่างแผ่วเบา
"ค่อยๆ ชิมเป็นของว่างก่อนเริ่มมื้อหนัก ลิ้มรส"
แวมไพร์ผิวแทนพยักหน้าก่อนจะหยดเลือดจากเข็มแรกลงบนลิ้น ลูอิสรออยู่นานจนร่างกายเขาตอบสนองต่อรสชาติของเลือด ไอร้อนผุดขึ้นเหมือนน้ำเดือดจนลูอิสล้มลง รออยู่นานอาการที่เกิดขึ้นก็หายไป "นี่มันอะไร? คุณเอาอะไรให้ผมกิน!"
"เลือดของพวกหมาป่า แค่สามหยดแวมไพร์ใหม่อย่างนายก็ตายได้แล้ว" นาเลียแนะนำสินค้าอย่างชำนาญและลากเข็มที่สองให้ห่างออกมาจากเข็มอันแรกและอันสุดท้าย "เด็กใหม่อย่างนายควรลองของพวกนี้ให้ครบนะ"
ลูอิสมองเข็มที่สองและหยดเลือดบนลิ้นอีกครั้ง รออยู่นานแสนนานก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น "ไม่เห็นจะมีอะไร--" อเล็กซ์กลั้นขำและชี้ไปยังขาด้านขวาที่เริ่มหลอมละลายเป็นเนื้อเละ ลูอิสที่เห็นเช่นนั้นร้องออกมาโดยที่ไม่รู้สึกว่าเจ็บปวดซักเล็กน้อย แต่นั่นก็ทำให้เขาตกใจในระดับหนึ่ง "เลือดนักล่า ให้ผลดีถ้าอยากจะฆ่าแวมไพร์สักตัว"
แวมไพร์ลูอิสหยิบเข็มที่สามขึ้นมาโดยไม่รีรอ เป็นเข็มเดียวที่ส่งกลิ่นยั่วยวนที่สุดจนลูอิสบีบเลือดเข้าปากจนเกลี้ยง อเล็กซ์ซึ่งเห็นส่วนแก้มเปื้อนเลือดยื่นนิ้วปาดคราบเลือดที่ติดอยู่และดูดมันเข้าไป "ชื่อลูอิสใช่มั้ย?" เจ้าของชื่อพยักหน้า "ตามมาสิ ฉันมีของบางอย่างให้นายดู"
แวมไพร์หนุ่มทั้งสองเดินตามเจ้าของร้านเข้าไปยังด้านหลังจนเจอกับหญิงสาวร่างสูงหน้าตาดี อายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูอิสยืนเปลื้องผ้ารออยู่ ภายในห้องที่ไฟสลัวและเงียบสนิท สิ่งเดียวที่เขาได้ยินคือเสียงหัวใจของอีกฝ่ายที่เต้นรัว แวมไพร์สาวนาเลียเดินเข้าไปและเผยเขี้ยวของตนออกมา เลือดสีเข้มไหลจากต้นคอหญิงสาวผู้เป็นเหยื่อจนร่างของเธออาบโชก ลูอิสที่เห็นเช่นนั้นเบือนหน้าหนี แต่แวมไพร์ผู้สร้างดูจะไม่เห็นด้วย
"นายต้องดื่ม"
"แต่ผมจะฆ่าเธอ...ผมไม่อยากฆ่าใคร"
"โอ้เด็กน้อย จะไม่มีใครตายทั้งนั้น อีกอย่างเธอสมัครใจมาที่นี่" ดวงตาเหม่อลอยของหญิงสาวผู้ถูกฝังคมเขี้ยวมองลูอิสก่อนจะพยักหน้า รอยยิ้มไร้วิญญาณพยายามจะโกหกว่าเธอไม่เป็นอะไร "ถือว่าเป็นการต้อนรับเด็กใหม่"
"ฝังเขี้ยวของคุณบนคอฉันสิคะ" หญิงแปลกหน้าโน้มคออีกฝั่งที่ยังไร้รอยกัด "ได้โปรด"
เขี้ยวน้อยๆ ของแวมไพร์แรกเกิดผุดขึ้นและงับบนต้นคอหญิงสาวอย่างไร้ปรานี เสียงหัวใจที่เคยเต้นรบกวนจนน่ารำคาญค่อยๆ แผ่วลง ลูอิสไม่ได้ยินเสียงครางของหญิงสาวและเริ่มเป็นกังวล เขาจึงถอนเขี้ยวออก "ไม่นะ..." ดวงตาของเธอเบิกโพลงและใกล้ดับสูญเหมือนเปลวไฟที่กำลังมอดลง "ไม่ๆๆ ผ-ผมขอโทษ"
"นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันยังไม่ปล่อยนายไปลูอิส" แวมไพร์อัลฟากัดแขนตัวเองและส่งผ่านเลือดเข้าปากหญิงสาวที่เจียนตาย "นายยังควบคุมสิ่งที่ตัวเองมีไม่ได้ มันจะกลายเป็นสิ่งที่ฆ่านายได้เข้าใจมั้ย?"
แวมไพร์ผู้สร้างพูดเท่านั้นก่อนจะวาร์ปหายไปจากด้านหลัง ลูอิสโบกมือลานาเลียและตามอเล็กซ์ออกมาด้านนอก อเล็กซ์ที่...สูบบุหรี่และนั่งอยู่หน้าหลุมฝังศพที่มีชื่อสลักไว้ว่า 'อเล็กซานเดอร์ คาลิยา' ตัวอักษรบนแผ่นหินครึ่งหนึ่งเลือนหายไปตามกาลเวลา อย่างน้อยหลุมศพนี้คงจะอยู่มาก่อนที่เมืองนี้จะเกิดขึ้นเสียอีก
"ฉันเคยตาย" แวมไพร์หนุ่มผมบลอด์ชี้ไปที่หลุมฝังศพของตัวเอง "ตายตรงนั้น และถูกเปลี่ยนตรงนั้น"
"ผมไม่อยากจะถามอะไรโง่ๆ นะแต่...ผมไม่ใช่คนแรกที่คุณเปลี่ยน ใช่มั้ย"
"นายไม่ใช่คนแรกที่ถูกเปลี่ยน" อเล็กซ์โยนก้นบุหรี่บนหลุมศพของตนก่อนจะลุกขึ้นยืน "แต่นายเป็นคนแรกที่ฉันไว้ใจ ไปกันเถอะ ไปรับแสงแดดซะหน่อย"
แวมไพร์อัลฟามองฟ้ารุ่งอรุณที่เป็นสีส้มอ่อนและคว้ามือสายเลือดผู้ถูกเปลี่ยนไว้แน่น ลูอิสหน้าแดงระเรื่อก่อนจะถูกวาร์ปหายไปจากสุสานเก่าแห่งนี้ ในเช้าวันนี้ลูอิสได้เกิดใหม่อีกครั้งโดยสายเลือดแท้ อเล็กซ์...ยังมีอีกหลายอย่างที่เขายังไม่รู้เกี่ยวกับตัวผู้สร้าง และความลึกลับของเมืองเล็กๆ แห่งนี้ซึ่งกำลังจะกลายเป็นนรกบนดินแห่งแรกในไม่ช้า
อย่างที่เธอคนนั้นเคยกล่าวไว้...ไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว
[To Be Continued...]
/////
ขอโทษนะคะที่หายไปนาน ไรท์มีการปรับตัวกับหลายๆ อย่างเลยไม่ค่อยได้มีเวลามาเขียนเท่าไหร่ สัญญาค่ะว่าจะอัพให้จบแน่ๆ แต่คงต้องใช้เวลาหน่อย ไรท์มีเวลาว่างแค่เสาร์อาทิตย์ฮะ TvT
ขอบคุณทุกๆ กำลังใจที่ให้กันมานะ สำหรับไรท์เองที่ได้อ่านคอมเมนต์หรือเห็นการถูกใจ มันเป็นอะไรที่สำคัญต่อไรท์มากจริงๆ เหมือนมีแรงฮึบมาเขียนต่อ 55555
/////
จะพยายามอัพให้ถี่กว่าเดิมนะ ใครรอ NC ก็ใจเย็นๆ มีให้แน่นอนค่ะ (รู้นะว่ามีคนรอ)