[16] 'ลูกเชื่อเรื่องพระเจ้ารึเปล่า...เซต?' เด็กหนุ่มผมแดงตัวน้อยส่ายหน้า 'จำเรื่องเสียงกระซิบของปีศาจได้มั้ย? ที่พ่อเคยเล่าให้ฟัง อย่าให้เสียงนั้นยุยงให้ลูกทำเรื่องร้ายๆ เป็นอันขาด'
"แม่รักลูกนะ..."
"อ-อืม...?" นักล่าหนุ่มฟื้นได้สติอีกครั้งในห้องใต้ดินอันแสนเหม็นอับ ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไปนัก มือทั้งสองข้างของเขาถูกล่ามไว้ด้วยกุญแจมือและเชื่อมต่อกับโซ่ซึ่งอยู่บนเพดาน สัมผัสแปลกประหลาดและความเปียกชื้นบนหน้าผากทำให้เซตต้องเหลือบมอง แวมไพร์หนุ่มสภาพซูบผอมกำลังเลียเลือดที่ติดอยู่บนหน้าผากเซตอย่างเอร็ดอร่อย "อะไรเนี่ย?"
"เลือดของคุณ...เลือดของคุณมันทำให้ผมมีอารมณ์" อีกคนที่ได้ยินเช่นนั้นขนลุกซู่ "จะรังเกียจกันมั้ยถ้าผมอยากมีอะไรกับคุณ"
"อะไรนะ? ไม่! แล้วนายกินเลือดฉันเข้าไปได้ยังไงโดยที่--"
"โดยที่ไม่ตาย"
เซตหันตามเสียงปริศนาของแวมไพร์ตนหนึ่งก่อนที่ร่างของตนจะถูกดึงขึ้นจนลอยเคว้งกลางอากาศ ในใจเด็กหนุ่มนึกอยากจะถีบคนตรงหน้าให้หงายหลัง แต่เพราะสายหนังที่ยึดเท้าสองข้างให้ติดกับพื้นทำให้เขาทำตามที่หวังไม่ได้ ร่างสูงโปร่งค่อยๆ โผล่พ้นเงามืดออกมาจนเซตมองเห็นได้ชัดเจน
แวมไพร์ตนนี้แตกต่างจากพวกที่เซตเคยได้พบเจอ ผิวของเขาไม่ซีดขาว ดวงตาไม่ได้ส่องสว่างจนมองและรู้ว่าเป็นแวมไพร์ ร่างผอมสูงและดูดีเหมือนคนปกติ ผมสีดำเรียบปัดเป็นทรงไปด้านหลัง นักล่าหนุ่มผมแดงเพียงแค่มองและนึกในใจว่าทำไมแวมไพร์ผู้นี้ถึงไม่เหมือนพวกอื่นๆ ดวงตาเจ้าเล่ห์ของเขาจ้องมองเซตอย่างพิจารณา ปลายจมูกไล่จากต้นคอขึ้นไปยังใบหูของเด็กหนุ่ม
"ฉันเดาว่านายคงจะไม่รู้จักฉัน" แวมไพร์หนุ่มกระซิบก่อนจะถอยออกมา "ตอนที่คนของฉันไปเจอ นายหลับปุ๋ยอยู่ในรถเหมือนลูกแมวน้อยเลยรู้มั้ย ฉันนึกว่านายจะจัดการได้ยากกว่าที่คิดเสียอีก"
"อยากทำให้ประทับใจเหมือนกันนะแต่...คุณมารบกวนเวลานอนของผมน่ะสิ"
เขาแค่นหัวเราะและนั่งบนโซฟาสีเลือดที่อยู่ตรงหน้าเซต แวมไพร์ที่เป็นทาสรับใช้ยื่นแก้วซึ่งบรรจุสิ่งที่ไม่ใช่ไวน์ให้กับนายของมัน "สงสัยงั้นหรอว่าทำไมสายเลือดของฉันถึงดื่มเลือดพวกนักล่าได้"
"สงสัยพอๆ กับเหตุผลที่คุณจับตัวผมมา" เซตถอนหายใจ
"สายเลือดโดยตรงของอเล็กซ์ นายเคยเจอหมอนั่นแล้วใช่มั้ย? เลือดของเขาเป็นสิ่งบริสุทธิ์สำหรับพวกเงามืดอย่างเรา ไม่ต้องกลัวแสงแดด ไม่กลัวพวกนักล่า...เป็นอมตะโดยสมบูรณ์ ผู้สร้างของฉันรู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นดีเลยวานให้ปู่ของนาย ชื่ออะไรนะ...ใช่! นอร์แมนร่ายคาถากันไม่ให้เรามีพลังเทียบเท่าไอ้ผู้สร้างนั่น ไม่ยุติธรรมเลยว่ามั้ย?"
"แล้วถ้าให้เดานะ คุณคิดว่าผมมีคาถาปลดล็อกคำสาปนั่น"
"ฉันไม่คิดว่านายมี แต่ฉัน 'รู้' ว่านายมี ตอนนี้ฉันยังอยู่ในโหมดสุภาพนะไอ้หนุ่ม"
"ไม่อยากทำให้ผิดหวังหรอกนะ แต่ผมไม่รู้" นักล่าหนุ่มยิ้มและเงยมองคนตรงหน้า "และถึงแม้ผมจะรู้ ผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะบอกคุณ"
"ฉันรู้ว่านายต้องพูดแบบนั้น"
แวมไพร์หนุ่มดีดนิ้ว ประตูเปิดออกพร้อมกับบางอย่างที่ถูกสายจูงล่ามเอาไว้ ไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสอง...แวมไพร์ทั้งหมดห้าตัวถูกลากเข้ามาเหมือนสัตว์ที่ถูกจองจำ แผงฟันแบบสัตว์ป่าเตือนให้เซตระวังและนึกถึงคำเตือนเรื่องความหิวกระหายของพวกแวมไพร์ประเภทนี้ มันจะกระชากทุกส่วนออกจากร่างกายเหยื่อและแทะกินเหมือนฝูงแร้งอดอยากจนกว่าเหยื่อจะสิ้นใจ เซตไม่เคยกลัว...จนได้รู้ว่ามีพวกแวมไพร์ที่ดื่มเลือดนักล่าได้นี่ล่ะ
"ฉันจะปล่อยนายไว้กับสัตว์เลี้ยงของฉัน" แวมไพร์หนุ่มตนนั้นค่อยๆ เดินไปปลดโซ่จูงออกทีละเส้น ส่วนร่างของนักล่าผมแดงถูกปล่อยลงมาจากการลอยกลางอากาศ "อย่าห่วงเลย ฉันฝึกเจ้าพวกนี้มาดี นายไม่ตายง่ายๆ หรอก...นายจะตายได้ก็ต่อเมื่อฉันอนุญาตเท่านั้น หวังว่าพอกลับมาแล้วจะได้คำตอบที่ฟังแล้วชื่นใจนะเซต"
แวมไพร์ตนนั้นไม่สนใจคำตอบของเซต ก็เขาไม่รู้จริงๆ แถมยังสับสนว่าเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น แวมไพร์ซึ่งหิวกระหายจ้องมองจนเซตต้องถอยห่าง "ล-เลือดนักล่ามันไม่อร่อยหรอกนะพวก" แวมไพร์ที่เคยเลียหน้าผากนักล่าหนุ่มคว้าหมับที่คอของเขาจากด้านหลัง "ฉันเตือนพวกนายแล้วนะ ฟังกันหน่อยสิวะ!"
"ชู่ว์..." เสียงของแวมไพร์ทั้งห้าที่คลานเข้าหาหยุดเสียงของเซตที่กำลังเปล่งออกมา แวมไพร์ที่อยู่ด้านหลังกระซิบขึ้น "ห้ามส่งเสียงดังในห้องนี้ เว้นแต่จะเป็นเสียงกรีดร้อง นายท่านชอบเสียงแบบนั้น"
"ไม่นะ ย-หยุด...อ้าก!"
สองคมเขี้ยวจากทางด้านหลังและด้านหน้าฝังบนต้นคอของนักล่าหนุ่มคนละฝั่ง แขนทั้งสองข้างที่พยายามผลักให้ถอยห่างถูกแวมไพร์อีกตนดึงไว้และฝังเขี้ยวบนข้อมือขวา ส่วนอีกสามกระชากเสื้อจนขาดและรุมทึ้งร่างผอมบางจนเซตกรีดร้องออกมา สติสัมปชัญญะของเด็กหนุ่มเลือนหายลงไปทีละน้อย เหลือเพียงความป่าเถื่อนของสัตว์ร้ายกระหายเลือดเท่านั้น
"ค่อก!"
อเลสซ่าถึงกับอาเจียนออกมาหลังได้เห็นภาพนิมิตของเซต โดยมีเดนน่าพี่สาวของเขายืนรอคำตอบอยู่ไม่ห่าง อเล็กซ์ ลูอิสและจอห์นปล่อยมือที่โยงสายสัมพันธ์สายเลือดออกจากกันและพาหญิงสาวผิวเผือกไปยังห้องน้ำ เป็นเวลากว่าสามชั่วโมงแล้วที่เซตหายตัวไป และนั่นทำให้เดนน่าที่เกลียดขี้หน้าอเลสซ่าเป็นทุนเดิมอยู่แล้วโกรธเอามากๆ เธอเดินตามอเลสซ่าพร้อมสีหน้าที่คาดหวังคำตอบ
"น้องชายฉันอยู่ที่ไหน?"
"ให้เวลาเธอหน่อยสิครับ" ลูอิสที่รู้จักมักคุ้นกับอเลสซ่าดีกล่าวด้วยความไม่พอใจ นักล่าแวมไพร์สาวเลือดร้อนหยิบมีดออกมาและจ่อที่คอของแวมไพร์เลือดใหม่
"น้องชายฉันต้องมาเจอเรื่องบัดซบนี่ก็เพราะเธอ ป่านนี้จะเป็นตายร้ายดียังไงบ้างก็ไม่รู้ แกไม่วันเข้าใจความรู้สึกแบบนั้นหรอก!"
"มันเป็นเพราะฉันต่างหาก" นักล่าสาวหันมองอเล็กซ์ที่ยืนอยู่หน้าประตู "เมืองนี้เต็มไปด้วยความลึกลับพอๆ กับครอบครัวของเธอ มีแวมไพร์ไม่กี่ตัวที่ต้องการคนของตระกูลดรูอิค พวกที่ฉันสาปให้อยู่ในเงามืดชั่วนิรันดร์"
"...คำสาปของรุ่นแรก นายเป็นคนเขียนมันขึ้นมาสินะ?"
ลูอิสและอเลสซ่าที่ไม่รู้ถึงโลกเบื้องหลังสบตากันด้วยความสับสน อเล็กซ์ซึ่งยืนกอดอกถอนหายใจก่อนจะเริ่มอธิบาย "สายเลือดรุ่นแรกจะได้รับพลังที่เหมือนฉันทุกอย่าง เดินท่ามกลางแสงแดด ไร้ความหิวกระหาย...รวมถึงดื่มเลือดของนักล่าได้ ฉันเลยขอให้รุ่นทวดของตระกูลดรูอิคร่างคาถานี้ขึ้นมา" แวมไพร์อัลฟาเว้นช่วยการพูดพลางหันไปหาเดนน่า "นอร์แมนปู่ของเธอช่วยร่างคาถานี้ให้ฉัน"
"และสิ่งเดียวที่จะปลดคำสาปได้คือหนังสือที่ใช้เขียนคาถา" จอห์นกล่าวเสริม "อยู่ในห้องลับของตระกูลนักล่า...เหมืองใต้ดินของเมืองนี้ และยังมีแต่พวกดรูอิคเท่านั้นที่เข้าไปได้"
หญิงสาวผมแดงนึกหงุดหงิดใจก่อนจะเดินออกไปจากบ้าน แน่นอนว่าทั้งอเลสซ่าและแวมไพร์อีกสามตัวที่อยู่ด้านในไม่คิดจะห้ามนักล่าสาวจนเธอหายลับไปอย่างที่ทำตลอดมา แมทซึ่งหายไปดูอาการผู้เป็นแม่ตั้งแต่เมื่อคืนวานเดินลงมาและพบกับความแปลกใจที่ได้เห็นลูอิสเพื่อนของตนยืนรออยู่ด้านล่าง ทั้งสองสบตากัน
"ลูอิส? ทำไมนายถึง..." หนุ่มป๊อปประจำโรงเรียนพอจะรู้คำตอบแต่ยังไม่แน่ใจนัก "บอกฉันทีว่านายไม่ได้กลายเป็น--"
"ฉันเปลี่ยนเขาเอง" อเล็กซ์ยอมรับหน้าซื่อและเกาหัวอย่างหงุดหงิด "เสียเวลาชะมัด"
แวมไพร์อัลฟาเปิดประตูก่อนจะวาร์ปหายไปท่ามกลางแสงแดด จอห์นที่เห็นลูอิสกำลังจะวาร์ปตามผู้สร้างดึงมือห้ามเขาไว้พร้อมกับส่ายหน้าบอกว่านั่นไม่ใช่ความคิดที่ดี ส่วนเด็กสาวผิวเผือกผู้เป็นถุงเลือดให้แวมไพร์ผมบลอนด์เดินโซซัดโซเซออกมาจากห้องน้ำ จอห์นสังเกตเห็นบางอย่างบนต้นคออเลสซ่าก่อนจะปัดผมเธอออก รอยเขี้ยวฝังอยู่ด้านละคู่ บนต้นแขนอีกหนึ่ง แผงฟันเช่นสัตว์ร้ายทำให้เขานึกบางอย่างขึ้นมาได้
"เขี้ยวแบบนี้มัน...พวกธานาทอส"
"ใคร?"
"แวมไพร์พวกนี้กินความกลัวของเหยื่อ ดุร้ายยิ่งกว่าพวกวีเดล่าซะอีก" แวมไพร์หนุ่มกล่าว เป็นครั้งแรกที่อเลสซ่าเห็นว่าจอห์นกลัวขนาดนี้ "เชื่อเถอะอเลสซ่า เธอไม่อยากรู้หรอก"
"หยุดนะ!"
'แม่ขอโทษ...' เด็กหนุ่มดิ้นรนเอาตัวรอดจากการจมน้ำ รอยยิ้มพร้อมสายธารน้ำตาเริ่มชัดเจนขึ้นในความทรงจำของเซต 'มันเป็นทางเดียวที่จะช่วยลูกได้'
"ความเจ็บปวดของนายมันหอมหวาน"
ดวงเนตรสีเข้มเปิดขึ้นและพบว่าแวมไพร์ผมดำกำลังใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดคราบเลือดออก เขาตื่นขึ้นอีกครั้งโดยที่ร่างกายยังบอบช้ำ เซตที่ได้เห็นแวมไพร์ตรงหน้าแบบชัดๆ เพิ่งจะรู้ว่าแววตาของเขาไร้วิญญาณขนาดไหน เต็มไปด้วยความพิโรธ...โทสะและความทะเยอทะยาน แวมไพร์ในชุดสูทดำลูบใบหน้าซีดเซียวด้วยความอ่อนโยน
"ดูดีขึ้นนี่" แวมไพร์ตนนั้นหยิบยาขึ้นมาหนึ่งเม็ดก่อนจะส่งให้นักล่าแวมไพร์หนุ่มที่นอนอยู่ "ธาตุเหล็ก นายยังต้องเป็นตัวบันเทิงให้ฉันไอ้หนุ่ม"
"แล้วถ้าฉันไม่กินล่ะ?"
แวมไพร์แสยะยิ้มก่อนจะบีบจมูกเด็กหนุ่มตรงหน้าไว้ เซตพยายามกลั้นใจจนกระทั่งทนไม่ไหว เขาจำใจต้องกลืนยาลงไปอย่างไร้ทางเลือกและโดนดึงตัวขึ้นให้ลอยกลางอากาศอีกครั้ง เด็กหนุ่มมองแวมไพร์ร่างใหญ่ที่สวมสนับมือรออยู่ไม่ไกลนัก
"ฉันขอชมแบบจริงใจเลยนะ...แกนี่มันเป็นแวมไพร์โรคจิตที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลย"
"ขอบใจ ฉันจะถามอะไรที่มันงี่เง่าซะหน่อยนะเซต...พ่อนายชอบพานายกับพี่สาวไปเล่นสนุกกันที่ไหน?"
"เออ...งี่เง่าจริงๆ"
หมัดแรกปะทะเข้าที่กรามขวาจนเลือดไหลซิบออกมาจากกระพุ้งแก้ม แต่แทนที่เซตจะกลัว เขากลับส่งเสียงหัวเราะจากในลำคอและถุยน้ำลายใส่แวมไพร์หนุ่มซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้า แต่อีกคนดูจะไม่ถือสาก่อนจะลุกขึ้นยืน "ฉันชอบนะ นายกำลังหัวเราะต่อหน้าความตาย แถมสายตาแบบนั้น" ใจของเซตหล่นวูบเมื่อเห็นเล็บสีเงินจ่ออยู่ตรงหน้าโดยไม่รู้สึกตัว "น่าควักออกมาเสียจริง"
"ที่แกถามว่าฉันกับพี่ชอบไปไหนน่ะ...ฉันจำไม่ได้หรอก รู้แค่ว่าพ่อพาฉันไปล่าแวมไพร์ ฝึกใช้หมุดแทงหัวใจพวกมัน และฉันโคตรชอบเวลาที่เห็นพวกมันขอร้องอ้อนวอนชีวิต"
แวมไพร์หนุ่มร่างสูงยกมือห้ามทาสของตนที่กำสนับมือไว้แน่น "นายรู้ใช่มั้ยว่ามันไม่ได้ช่วยให้นายตายเร็วขึ้น การทำให้ฉันโกรธ"
โซ่รั้งถูกปล่อยลงจนเซตยืนตรงได้ "ไม่แนะนำตัวกันหน่อยหรอ?" แวมไพร์หนุ่มมองนักล่าตรงหน้าด้วยความสนอกสนใจ "นายรู้จักฉัน แต่ฉันไม่รู้จักนายเนี่ยนะ? เสียมารยาทชะมัด"
"เรียกฉันว่าเดเมียน...เดเมียน ธานาทอส" แวมไพร์หนุ่มยิ้มก่อนจะเผยเขี้ยวคู่ยาวออกมา เป็นเขี้ยวที่ยาวกว่าแวมไพร์ทั่วไปมาก "ฉันจะเป็นฝันร้ายที่สุดของนายเซต จะทำให้นายตกนรกทั้งเป็นจนกว่านายจะบอกสิ่งที่ฉันอยากรู้"
"ก็บอกแล้วไงว่าไม่รู้น่ะ"
เดเมียนกระชากหัวเซตให้เอียงไปตามต้องการและค่อยๆ ฝังเขี้ยวลงบนแผลเก่าที่แวมไพร์ผู้หิวโหยได้ทำไว้ก่อนหน้า นักล่าผมแดงพยายามกลั้นเสียงร้องเอาไว้แต่ก็ทำได้ไม่นาน ระหว่างการดื่มด่ำเลือดอันแสนหอมหวานของนักล่าหนุ่ม มือหนาของแวมไพร์ผมดำนั้นก็เลื่อนลงปลดซิปกางเกงเหยื่อตรงหน้าและล้วงเข้าไปในบ๊อกเซอร์ตัวน้อยอย่างซุกซน
"อ-อย่านะ...ไม่เอาแบบนี้" ยีนขายาวถูกดึงร่นลงพร้อมกางเกงบ๊อกเซอร์ ท่อนล่างของเซตเปลือยเปล่าโดยสมบูรณ์ "ปล่อยนะไอ้โรคจิต!"
"เก็บแรงไว้ร้องเสียงหวานๆ ให้ฉันฟังดีกว่า" โซ่ที่รั้งข้อมือถูกปลดออก ร่างเด็กหนุ่มร่วงลงกองกับพื้นก่อนจะถูกบังคับให้นอนคว่ำหน้า ความแข็งขืนของอีกฝ่ายรุกร้ำเข้ามาจากด้านหลัง หยาดน้ำใสคลอบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม "อา...ครั้งแรกของนายใช่มั้ยเนี่ย? แบบนี้ค่อยคุ้มค่าหน่อย"
"อ้าก!" นักล่าหนุ่มร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด "ฮึก...ผมเจ็บ--"
"อย่าเกร็งสิ"
แกนชายของแวมไพร์หนุ่มแทรกผ่านกายหยาบของนักล่าผมแดงจนสุด ร่างที่ถูกกดลงไร้แรงต่อต้าน ทำได้เพียงนอนหายใจรวยริน เดเมียนยกร่างของเซตขึ้นให้เขาอยู่ในท่าคุกเข่าก่อนจะดันสะโพกตนเองเข้าไป เซตกรีดร้องจนไร้เสียง เขี้ยวของแวมไพร์ลากยาวบนแผ่นหลังก่อนจะงับเข้าบนต้นคอของนักล่าหนุ่มอย่างแรง พิษของคมเขี้ยวทำให้เซตรู้สึกเหมือนจะขาดใจ
เสียงกรีดร้องและการอ้อนวอนนั้นไร้ผล
เหลือเพียงความป่าเถื่อน...
"ช่วยด้วย..."
"เซต?"
ลมพัดวูบจนอเลสซ่าสั่นสะท้านไปทั้งร่าง สิ่งที่เธอสัมผัสได้คือความเจ็บปวดและทรมาน ปั่นป่วนจนอยากจะอาเจียนอีกรอบ จอห์นให้เหตุผลที่จิตของอเลสซ่าและเซตผูกกันไว้เพราะปืนฉีดน้ำที่เธอมี เป็นของแทนตัวตนของนักล่าหนุ่ม บวกกับความสามารถในเลือดของอเล็กซ์ทำให้เธอมีพลังขึ้นมา
"อเลสซ่า?"
"ฉันสัมผัสได้จอห์น...ความเจ็บปวดของเขา เลือด...เซ็กส์"
"นั่นแหละคือสิ่งที่เดเมียนจะทำกับเขา"
"นายว่าไงนะ?" อีเลียตเจ้าของบาร์แวมไพร์ในตัวเมืองโผล่เข้ามา สีหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความกลัวเมื่อได้ยินชื่อของแวมไพร์ตนนั้น "บอกมาว่านายไม่ได้กำลังพูดถึงเขา"
"ผู้สร้างของคุณจับนักล่าตระกูลดรูอิคไป หมอนั่นละเมิดสัญญา แผนของเขาไม่ธรรมดาแน่"
"ฉันนึกว่าอเล็กซ์เป็นผู้สร้างของคุณ..." อเลสซ่ามองแวมไพร์อีเลียตและเห็นภาพอันแสนเจ็บปวดจากความทรงจำของเขา "หนาวเหน็บ...โดดเดี่ยว"
"ฉันไม่เคยนับถือเดเมียนในฐานะผู้สร้าง เขาทำเพราะความสนุก เหมือนที่ทำกับคนอื่นๆ เซ็กส์ ความกระหาย เขาอยากเป็นเจ้าของชีวิต อเล็กซ์รู้สึกผิดที่เปลี่ยนเดเมียนเพราะความสงสาร" อีเลียตมองแวมไพร์เลือดใหม่ที่เดินลงมาจากชั้นสอง "อย่าริบังอาจทรยศอเล็กซ์เชียวไอ้หนุ่ม ไม่งั้นฉันจะฆ่านายด้วยตัวฉันเอง"
'ประกาศจากศาลากลาง เนื่องจากเหตุคนหายในเมืองนั้นเกินครึ่งของประชากรทั้งหมดไปแล้ว ผมขอให้ทุกคนอยู่ในบ้านจนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย และขอย้ำว่าอย่าเชิญคนแปลกหน้าเข้ามาในครัวเรือนของท่าน...อย่าเป็นอันขาด ผมเจ้าหน้าที่เนท ปาร์คเกอร์ขอจบรายงานด่วนแต่เพียงเท่านี้--'
อเลสซ่ามองที่จอห์นด้วยความสงสัย "หมอนั่นคิดจะทำอะไรกันแน่ จอห์น?"
"ผมไม่รู้"
"ฮึก-"
ร่างเปลือยเปล่ากอดเข่าคลายความหนาวอยู่มุมห้อง เนื้อตัวเขรอะมอมแมมไปด้วยฝุ่นและคราบเลือด เซตไม่เคยถูกทิ้งให้อยู่ในอันตรายเช่นนี้ เขาแน่ใจว่าไม่มีตำราเล่มไหนกล่าวถึงวิธีการรับมือเมื่อถูกแวมไพร์จับตัวมาก่อน นั่นคือสิ่งที่ทำให้เด็กหนุ่มกลัวเป็นอย่างมาก ประตูเหล็กเบื้องหน้าถูกเปิดออกอีกครั้ง เดเมียนกลับเข้ามาและดึงตัวนักล่าหนุ่มให้นั่งกับพื้น เซตไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเดเมียน
"ฉันแค่อยากได้ชีวิตแบบเก่าคืนมา ชีวิตที่อเล็กซ์พรากไป บอกมาว่าตำราเล่มนั้นอยู่ไหนแล้วฉันจะจัดการนายให้ทรมานน้อยที่สุด"
"ผมมองคนออกเดเมียน และคุณไม่ใช่คนประเภทที่ผมอยากจะยื่นมือเข้าช่วย" ดวงตาเลื่อนลอยจากความเจ็บปวดที่เซตเผชิญมามองอีกคนที่คาดหวังคำตอบ เด็ดเดี่ยว...แต่ยังแฝงด้วยความหวาดกลัว "ฆ่าผมหรือไม่ก็ไปเน่าตายในนรกซะ...ผมสาบานว่าจะฆ่าคุณเดเมียน"
"ใช่...ความโกรธแบบนั้น รสชาติเผ็ดร้อนของนาย"
เดเมียนปลดโซ่ที่เชื่อมกับกุญแจมือออกและใช้แรงเพียงน้อยนิดลากอีกฝ่ายมายังเตียงเหล็กที่ไร้ฟูก นักล่าหนุ่มพยายามที่จะขัดขืน แต่มีหรือที่จะสู้แรงของสัตว์ร้ายได้ ข้อมือทั้งสองที่ถูกล่ามด้วยกุญแจมือเกิดเป็นรอยถลอกจนเจ็บแสบ เดเมียนล็อกแขนทั้งสองของนักล่าให้ติดกับหัวเตียงก่อนจะซุกไซ้ซอกคอ เซตทำได้เพียงส่งเสียงสะอื้นออกมา
"กลัวงั้นหรอ?" แวมไพร์หนุ่มปลดเข็มขัดและดึงกางเกงขายาวที่ตนใส่ออก เด็กหนุ่มผมแดงเริ่มสติแตกเมื่อรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตนอีกครั้ง "คราวนี้ฉันพาเพื่อนมาด้วย เพราะงั้นช่วยทำตัวเป็นแขกที่ดีด้วยล่ะ"
ประตูถูกเปิดออกอีกครั้งพร้อมการปรากฏตัวของแวมไพร์หนุ่มรูปงามอีกตน ดวงตาสีเฮเซลจ้องมองเหยื่อตรงหน้าด้วยความสนใจ ร่างแกร่งของเขาวาร์ปเข้ามาและขึ้นคร่อมเซตที่ถูกพันธนาการ มือหนาบีบบนแก้มนักล่าหนุ่มจนเกิดเป็นรอยฝ่ามือ เซตที่เห็นรอยหมุดไม้บนหน้าอกซ้ายของเขากำลังจะเอ่ยปากพูด
"จำฉันได้สินะ" แวมไพร์ร่างใหญ่ลูบรอยแผลเป็นบนหน้าอกของตน "ไม่คิดว่าจะได้เจอสายเลือดของพวกดรูอิค อยากให้ฉันทำอะไรเดเมียน?"
"ทำให้เขาเจ็บจนอยากตาย งานถนัดของนายไม่ใช่รึมิคาเอล?"
เดเมียนพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะจับแยกต้นขาของเด็กหนุ่มออก สติที่กำลังเลือนหายจองเซตถูกปลุกขึ้นด้วยความเจ็บปวดที่อีกฝ่ายมอบให้ แวมไพร์ผมดำกลืนเลือดจากต้นขาด้านในอย่างเอร็ดอร่อย
"อ้าปากสิ" เซตที่เห็นแกนชายของอีกฝ่ายกำลังจะยัดเยียดเข้ามาปิดปากแน่น "ชอบเจ็บตัวนักใช่มั้ย"
มือทั้งสองของแวมไพร์ที่คร่อมไว้บีบลงบนคอระหงจนเซตเริ่มหายใจไม่ออก ร่างเล็กยอมจำนนต่ออีกฝ่ายและให้มิคาเอลรุกร้ำเข้ามา "อา...อย่าคิดกัดเชียวนะไม่งั้น--อ้าก! ไอ้เด็กเวร!"
มิคาเอลร้องเสียงหลงก่อนจะใช้หมัดทุบบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม เซตยอมปล่อยและถ่มเลือดของแวมไพร์และของตนใส่อีกฝ่าย "ชอบแบบนี้ไม่ใช่หรอไอ้ลูกหมา?"
"บอกแล้วว่าเด็กนี่มันเลือดนักสู้" เดเมียนที่ดื่มเลือดจนพอใจสลับขึ้นคร่อมบนตัวเด็กหนุ่ม แวมไพร์มิคาเอลเริ่มสอดใส่เข้าทางด้านหลังจนเซตร้องลั่น "มันจะเป็นแบบนี้เซต นายเลือกจะเก็บความลับมากกว่ารักษาชีวิตตัวเอง ฉะนั้นก็รับผลจากความรับผิดชอบของนายซะ"
เซตที่ไร้เรี่ยวแรงขัดขืนมองอีกคนที่กำลังเหยียบย่ำศักดิ์ศรีที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด ร่างเล็กสั่นระริก ความเจ็บปวดเริ่มกัดกินความเป็นมนุษย์ของเขาลงทีละน้อย เสียงวอนขอความเมตตาปลุกเร้าอารมณ์ของแวมไพร์ทั้งสอง เปลือกเนตรคลอน้ำตาค่อยๆ ปิดลง
เซตนึกขำกับคำพูดที่เดนน่าพี่สาวของตนเคยกล่าวไว้
"ถ้านายยังรู้สึกเจ็บ...รู้สึกกลัว นายควรจะดีใจซะว่าตัวเองยังไม่ตาย"
แล้วอยู่หรือตาย...แบบไหนมันดีกว่ากันล่ะครับ?
[To Be Continued...]