“ฮึ! ไม่จำเป็นต้องทำความเข้าใจอะไรทั้งนั้น แต่ถ้างานห่วยแตกพวกนั้นอีกเมื่อไหร่เธอตายคาเตียง จำใส่สมองกลวง ๆ ของเธอเอาไว้ก็พอ”
“ถ้างั้นขอกุญแจรถค่ะ จะโทรไปบอกเอเจนซี่ พี่เขาไม่ได้ผิดอะไรเดี๋ยวเขาเสียหาย” ค่าจ้างไม่ใช่ถูก ๆ พี่ปิ๋มซวยแน่ถ้าฉันเทกลางอากาศไม่บอกกล่าว
“ตาไม่บอดก็หาเองสิวะ” เขาพูดจบก็ลุกขึ้นเดินไปห้องน้ำหน้าตาเฉย เออให้มันได้อย่างนี้สิ!
ฉันรีบมองหากุญแจรถในห้องที่แรกคือโต๊ะข้างเตียงแล้วก็เจอเลย จากนั้นก็รีบออกไปเอาโทรศัพท์แล้วโทรลาพี่ปิ๋มทันที
“พี่ปิ๋มมีนขอโทษจริง ๆ นะคะ”
(เฮ้อ! ไม่เป็นไร ทำยังไงได้ล่ะก็เรามาไม่ได้จริง ๆ) ฉันรู้ว่าพี่ปิ๋มเซ็งเพราะการจะเสียเงินจ้างผู้หญิงไปเป็นแฟนในแต่ละวันต้องเสียเงินหลักหมื่น หน้าไม่ได้เห็นใครจะบ้าจ่ายให้ก่อนจริงไหมคะเพราะฉะนั้นลูกค้าจะเป็นคนเลือกแฟนชั่วคราวของเขาเอง เขาเลือกฉันแล้วพอเทก็ยุ่งยากหน่อยที่จะเสนอคนใหม่ไปให้
“มีนขอโทษอีกครั้งนะคะ”
(ไม่เป็นไรพี่เข้าใจ เราไม่เคยเทงานซะหน่อยพี่ไม่โกรธหรอก)
“ค่ะ ขอบคุณนะคะพี่ปิ๋ม” ฉันขอบคุณพี่ปิ๋มก็ขอตัวไปเคลียร์กับลูกค้าก่อนเลยวางสายไป
เฮ้อ~ โล่งอกไปทีที่พี่ปิ๋มไม่ด่า เอาล่ะจัดการเรื่องงานเรียบร้อยอีกอย่างเขาตื่นแล้วถ้างั้นไปเอาอาหารเช้าจากคุณป้ามารอเขาดีกว่า กินกันเสร็จแล้วจะได้กลับสักที
ว่าแต่ว่ากี้แกใช้คำว่าอะไรนะมีนา
...กินกันเสร็จแล้วเหรอ?
“...” ไม่เสร็จหรอก ยังไม่ได้กิน -///-
-เวลาต่อมา-
“โทรไปลาออกรึยัง” เขาเดินออกจากห้องนอนเดินมาทิ้งตัวที่โต๊ะกินข้าวแล้วถามออกมาเป็นประโยคแรกน้ำเสียงก็เอาเรื่องเลย นี่ถ้าไม่ได้อยู่ในสถานะที่เป็นอยู่แถมชัดเจนทุกอย่างว่าเขาไม่เคยชอบฉันแถมเหม็นขี้หน้าฉันด้วยซ้ำคงคิดว่าอีตานี่หวงฉันนะเนี่ย แต่บังเอิญไม่ใช่นี่สิ
“โทรไปแล้วค่ะ”
“ลาออกแล้ว?”
“ก็... / ฮึ!” ยังไม่ได้พูดอะไรมากกว่านี้เขาก็แค่นเสียงออกมาให้รู้ว่าเขารู้แล้วว่าฉันไม่ได้ทำอย่างที่เขาต้องการ
แสนรู้ที่สุด ตอนเด็กกินเพดดีกรีแทนซีรีแล็ครึไงถามจริง -_-
“งานมีนไม่ได้มีอะไรเสียหายนะคะคุณเกรย์” ฉันไม่อยากลาออก ฉันว่าบางทีคุยกับเขาดี ๆ เขาก็อาจจะไม่ยุ่งกับงานฉันแล้วก็ได้ บางทีที่ห้ามก็อาจจะเพราะแค่เสียหน้าที่รู้ว่าเด็กในอุปถัมภ์ของคุณลุงทำงานแบบนั้นก็ได้
“ถ้าสักวันเธอเสียหายล่ะ” คำถามที่มาพร้อมกับการจ้องเขม็ง พูดจบก็ยังจ้องเขม็งทำให้ใจฉันเต้นผิดจังหวะไปเลย
“...พูดเหมือนห่วงเลยค่ะ” ฉันกลั้นใจถามออกไป คำถามโคตรบ้าแต่คนถามบ้ากว่าไม่งั้นไม่กล้าถามคำถามน่าอายทั้งที่รู้ว่าคำตอบคืออะไรออกไปหรอก
“ฮึ! ถ้าให้ฉันห่วงเธอเอาเชือกมาให้ผูกคอตายยังง่ายกว่า”
“...” คำตอบไม่ใช่อย่างที่คิดไว้แต่หนักกว่าที่คิดไว้ซะอีกนะมีนา หน้าเสียแล้ว เสียแล้วเสียอีก เสียซ้ำเสียซาก
“ฉันไม่อยากให้พ่อฉันเสียใจที่เด็กที่ท่านไว้ใจไม่รักดีก็แค่นั้น เป็นไรวะ เงินก็ให้ทุกเดือนทำไมต้องไปทำงานแบบนั้น หรือว่าพอไม่เป็น ใช้เงินเกินตัวเหรอ?”
“...เปล่าค่ะ” ไม่ใช่พอไม่เป็นหรือใช้เงินเกินตัว แล้วก็ไม่ใช่ไม่พอใช้ด้วยแต่มันไม่เคยพอใช้เลยต่างหาก
“แล้วทำทำไม ตอบมา”
“...ถ้าตอบคุณเกรย์จะอาละวาดไหม” ฉันไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ ถ้าคุณเกรย์เอาเรื่องนี้ไปว่าคุณฤดีคิดเหรอว่าหลังจากนี้ฉันจะมีความสุข
“ไม่ตอบสิที่จะอาละวาด” สีหน้าแววตาดุดันกับบ้านหลังใหญ่ที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติไม่ต่างจากบ้านใหญ่ที่อยู่ในป่าใหญ่กว่าเป็นสิ่งที่บอกได้ดีที่สุดว่าไม่ควรทำตัวเก่งกับคนอย่างเขา
“...มันไม่เคยพอใช้” ฉันตัดสินใจพูดออกไป ความจริงที่ไม่อยากเอ่ยปากพูดตั้งใจจะเก็บมันเป็นความลับตลอดไปเพราะความจริงแล้วก็ไม่ใช่หน้าที่ของคนบ้านนี้ที่ต้องให้เงินฉันใช้ทุกเดือนซะหน่อย แค่ให้ที่อยู่ให้ข้าวให้น้ำให้การศึกษามาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยจนตอนนี้หอยเท่าฝ่าตีนก็ดีจนไม่รู้จะหาอะไรมาเปรียบได้แล้ว
“หมายความว่ายังไง? ที่รู้มาพ่อก็ไม่ได้ให้ค่าขนมเธอน้อยเลยไม่ใช่เหรอ”
“ก็ตอนนี้ไม่ใช่คุณลุงให้นี่คะ” ฉันบอกอ้อม ๆ แต่คิดว่าคนอย่างเขายังไงก็ต้องเข้าใจแล้วก็คงใช่อย่างที่คิดเพราะทันทีที่ฉันพูดจบเขาที่จ้องหน้าฉันอยู่ก็กระตุกยิ้มมุมปากปนหงุดหงิดออกมา
“ฮึ! เคยนึกแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ แต่เห็นไม่อ้าปากพูดอะไรเลยคิดว่าคงไม่ทำ โง่ ไม่มีปากพูด”
“...” ฉันไม่ขอออกความคิดเห็นอะไรแล้วกัน ถูกด่าว่าโง่ก็ไม่แปลกในเมื่อโง่จริง ๆ
“ปากมีหัดพูดบ้างสิวะ”
“...มีนไม่อยากให้มีปัญหานี่คุณเกรย์”
“ฮึ! อย่ามาทำตัวเป็นนางเอกเพราะเธอแม่งไม่ใช่” เออ รู้ว่าไม่ใช่ จะเป็นนางเอกได้ไงในเมื่อทั้งชีวิตเป็นได้แค่คนสวน
“กินข้าวเร็ว ๆ จะได้กลับ เดี๋ยวจะพาไปจัดการเรื่องนี้เอง” คำพูดของเขาทำฉันเครียดขึ้นมาทันที ปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้หรอกเรื่องมันจะบานปลายเป็นเรื่องใหญ่ได้
“ไม่เอานะคุณเกรย์ อย่าทำแบบนั้นเลยมีนหาเงินเองได้ไม่ลำบากอะไร”
“หาด้วยวิธีไหนวะ? รับจ้างเป็นเพื่อนเที่ยวฟิวแฟนให้ผู้ชายมันเอาไปพูดไปอวดคนอื่นสนุกปากแล้วคนอื่นที่เห็นก็คิดว่าไอ้นั่นมันได้กับเธอไปแล้วงั้นเหรอ!” เขาตะคอกใส่ฉันเสียงดังลั่นจนฉันสะดุ้ง แต่คำพูดของเขามันก็จริงทุกอย่าง ฉันไม่เถียงหรอก ถึงเราจะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่เสียตัวแต่ก็ไม่ใช่จะไม่รู้ว่าลูกค้าที่จ้างเขาเอาไปพูดไปอวดคนอื่นยังไง
“ไม่มีสมองเลยว่ะ โง่! คิดว่าตัวเองเก่งแล้วทำเรื่องที่โคตรโง่!” เขาตะคอกด่าฉันอีกครั้งทำให้ฉันที่นั่งก้มหน้ารับคำด่าน้ำตาไหลออกมา
“...ก็จะให้ทำยังไง สุดท้ายคุณฤดีก็เป็นภรรยาของคุณลุงแล้วก็เป็นแม่ของน้องกรีน” ฉันก้มหน้าเอ่ยคำนี้ออกไปทั้งน้ำตา คิดว่ามีนาคนนี้มันไม่โกรธเหรอ โกรธสิ หลายครั้งที่คำพูดเสียดสีมันทิ่มแทงใจแต่ก็พยายามผ่านมันไปให้ได้เพราะรักคุณลุงกับน้องกรีนมากเลยไม่อยากมีปัญหากับคนที่คุณลุงกับน้องกรีนรัก
“...”
“คิดว่ามีนไม่อยากสู้ใครรึไงคุณเกรย์ ถ้าสู้ได้มีนสู้ไปนานแล้ว แล้วคนแรกที่จะสู้ก็คือคนที่ด่ามีนว่าโง่นี่แหละ”
“...”
“แต่มีนไม่มีเพาเวอร์พอ คุณเกรย์ก็รู้ดีใช่ไหม?”
“...กินข้าว”
“ค่ะ” ก็คงต้องจบที่แบบนี้ล่ะ กินข้าว ไม่ต้องมีปากมีเสียงอะไรอดทนรอเวลาที่จะเป็นอิสระ
เราสองคนต่างฝ่ายต่างก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ต่างฝ่ายต่างกินข้าวเงียบ ๆ อาหารของคุณป้าอร่อยมากแต่ความรู้สึกในใจทำให้กินได้ฝืดคอสุด ๆ
-เวลาต่อมา-
กินข้าวเสร็จเขาก็สั่งให้ฉันรอในบ้าน เขาออกไปข้างนอกอยู่พักใหญ่ก็กลับมาด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ที่เมตตาซื้อมาเผื่อมีนาคนนี้ด้วย ฉันเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เรียบร้อยเขาก็สั่งให้ไปรอในรถแล้วเขาก็เดินไปลาคุณป้าคุณลุงที่บ้านหลังหนึ่งตรงด้านหลังบ้านหลังนี้ก่อนที่เขาจะกลับมาที่รถแล้วพาขับออกไป
“น่าจะให้มีนได้ลาคุณลุงคุณป้าบ้าง แกอุตส่าห์ทำอาหารให้กิน” ฉันพึมพำเบา ๆ ไปไม่ลามาไม่ไหว้ มารยาททรามดีจัง
“สภาพอย่างกับตุ๊กแกไม่อายคนแก่รึไง”
“...” แล้วใครทำให้ฉันมีสภาพอย่างกับตุ๊กแกล่ะ!
เหน็บฉันได้ไม่อายปาก เหน็บเก่งแบบนี้ขอให้เขาได้เมียโหด ๆ ที่ทำให้เขาไม่กล้าหือสักแอะเดียวทีเถอะจะหัวเราะลับหลังให้ดังลั่นสวนหลังบ้านของเขาเลย
ก็ชอบนะคะ ชอบมากแต่ไม่เคยหวังว่าตัวเองจะได้เขาไง รู้ตัวว่าต่ำต้อยแค่ไหนเลยขอแช่งด้วยความหมั่นไส้ให้เขาได้เมียที่นิสัยเสียกว่าคนอย่างเขา -_-
“อย่าลืมที่สั่งล่ะ”
“ไม่ลืมค่ะ แต่อยากขอร้องให้คุณเกรย์เข้าใจว่ามีนต้องหาเงินใช้นะคะ”
“เขาให้เดือนละเท่าไหร่”
“...”
“ตอบ”
“...ห้าพันค่ะ”
“อะไรนะ?” เสียงกดดันเมื่อกี้กลายเป็นน้ำเสียงสงสัยที่เต็มไปด้วยความโมโห
“ช่างเถอะค่ะ มีนหาเงินใช้เองได้ มีเงินเก็บตั้งเยอะเลยนะคะ ทำอีกไม่นานหรอกเดี๋ยวก็เลิกทำแล้วรับรองจะไม่ให้เสียหายถึงคุณ... / แค่ค่าหอยังไม่พอแล้วทำไมไม่บอกวะ!” ยังพูดไม่จบเขาก็ตะคอกลั่นซะก่อนจนฉันที่กำลังพูดสะดุ้งจากนั้นรถเขาก็ปาดเข้าข้างทางทันที
“คุณเกรย์ใจเย็น ๆ ก่อนได้ไหม”
“ใจเย็นห่าอะไร! ไม่บีบคอเธอให้ตายก็ดีเท่าไหร่แล้ว เขาลดเงินไปตั้งเยอะทำไมไม่บอก!”
“ก็...มีนบอกเหตุผลไปแล้วไง” ฉันตอบเสียงอ่อย ไม่กล้ามองหน้าตาโหด ๆ ของเขาเลย ถ้ามองก็ไม่พ้นเห็นแต่คำว่าโง่ในสายตาเขา
“เหตุผลโง่ ๆ ที่พาตัวเองไปลำบาก หรือชอบแบบนั้น?” ท้ายประโยคทำให้ฉันหันขวับมองเขาทันที
“ไม่ได้ชอบ”
“ฮึ!”
“ไม่ได้ชอบจริง ๆ ใครจะอยากไปเดินควงผู้ชายที่ไม่รู้จักแล้วต้องแกล้งทำเป็นแฟนกับเขาล่ะคุณเกรย์ แต่ความจนมันบังคับให้ทำต่างหาก”
“เถียงเก่ง”
“ไม่ได้เถียง มีนกำลังอธิบาย”
“ฮึ!”
“มีนเก็บเงินได้พอสมควรแล้ว เดี๋ยวก็เลิกทำ คุณเกรย์ช่วยทำเป็นมองไม่เห็นหน่อยได้ไหม”
“ไม่ต้องทำ” เขาพูดจบก็ขับรถออกไปอีกครั้ง เฮ้อ~ ก็พูดง่ายไงในเมื่อตัวเองมีเงินถุงเงินถัง
“ไม่ได้ค่ะ มีนต้องใช้เงิน”
“เดี๋ยวฉันให้เอง แค่เธอคนเดียวก็ให้มันรู้ไปสิว่าฉันเลี้ยงเธอไม่ได้”
“...” เขาพูดว่าอะไรนะคะ?
...แค่เธอคนเดียวก็ให้มันรู้ไปสิว่าฉันจะเลี้ยงเธอไม่ได้
ใจฉันไม่ควรเต้นแรงแต่มันเต้นถี่ไปแล้วจะทำยังไงดี
“คุณเกรย์จะ...เลี้ยงมีนเหรอ” รู้นะว่าไม่สมควรถามเลยแต่ปากมันพูดออกไปแล้ว
ขอโทษนะขิงแต่ตอนนี้กูกำลังหวั่นไหวเพราะคำพูดของเขาจริง ๆ กูขอโทษแต่สัญญาว่ามันจะไม่มีอะไรมากไปกว่านี้
“อืม ทำไม? แปลกใจอะไร แค่ให้เงินเธอมันแปลกตรงไหน” มันก็ไม่แปลกหรอกถ้าเราสองคนเป็นอะไรกันไม่ใช่แค่คุณชายกับเอลฟ์ประจำบ้านอย่างอีมีน
“มันก็... / แค่ให้เงินกาฝากของบ้านอย่างเธอนิด ๆ หน่อย ๆ ฉันไม่ลำบาก ถือว่าทำบุญ”