“หมั้นกับหนูมีน”
“...อะไรนะครับ?” คำพูดที่ออกจากปากพ่อเกินความคาดหมายของผม มันเป็นคำพูดที่ผมไม่เคยคิดว่าพ่อจะพูดหรือแม้แต่มีอยู่ในหัวท่านมาก่อนพอได้ยินผมก็เลยรู้สึกเหมือนตัวเองหูฝาดไป
“หมั้นกับหนูมีน ทำให้พ่อมั่นใจว่าแกมีคนของแกแล้วพ่อจะให้น้องกลับมา แกทำได้ไหมถ้าแกทำได้พ่อก็ให้ในสิ่งที่แกต้องการได้เหมือนกัน”
“...นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะ? จะให้ผมหมั้นกับเด็กที่เป็นคนดูแลสวนของบ้านเรานี่นะ?” ผมย้ำถามพ่อออกไปอีกครั้งเผื่อว่าพ่อเล่นอะไรอยู่จะได้หลุดอะไรออกมาให้ผมจับสังเกตได้บ้างแต่สีหน้าแววตาของพ่อไม่มีจุดไหนที่ดูเหมือนท่านพูดเล่นเลยสักนิด
“ใช่”
“ไม่มีทาง ผมไม่มีทางหมั้นกับยัยนั่นแน่นอน” ผมปฏิเสธทันทีที่พ่อย้ำให้มั่นใจว่าสิ่งที่ท่านพูดคือความจริง ปฏิเสธได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น
“ก็ไม่เป็นไร เรื่องที่แกขอก็ถือว่าล้มเลิก พ่อไปพักผ่อนก่อนนะตาเกรย์” พ่อพูดออกมาด้วยอาการไม่แยแสสนใจใยดีอะไรแล้วก็หันหลังเดินกลับไปทิ้งให้ผมยืนอยู่ที่เดิมด้วยความโมโห
“พ่อคิดเรื่องแบบนี้มาเป็นข้อต่อรองได้ยังไงวะ! เอาความสุขของน้องมาเล่นแบบนี้ได้ยังไง!”ผมเหลืออดเลยตะคอกไล่หลัง
“แล้วสิ่งที่แกทำล่ะตาเกรย์ พ่อเลี้ยงให้แกสองคนเป็นพี่น้องกัน คนละพ่อคนละแม่แต่พ่อสอนให้รักกันเหมือนพี่น้องร่วมสายเลือดมาตั้งแต่เด็กแล้วทำไมแกถึงทำแบบนั้น”
“แล้วมันผิดอะไรวะถ้าผมกับกรีนจะรักกัน! มันผิดตรงไหนในเมื่อเราสองคนไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือด! หรือมันผิดแค่เพราะไม่ถูกใจผู้ใหญ่! ตอบมาสิวะ!”
“...ไม่ผิด แต่แกแน่ใจเหรอว่ามันเรียกว่าความรัก? ถามใจตัวเองดูดี ๆ พ่อไม่ขอก้าวก่ายไปมากกว่านี้ แล้วก็ไม่ต้องมาขอพ่อเรื่องนี้อีกเพราะถ้าอยากได้ข้อแลกเปลี่ยนของพ่อก็เป็นเหมือนเดิม”
“ฮึ! ให้แลกกับการที่ผมหมั้นกับเด็กของพ่อน่ะเหรอ? ไม่มีทาง! สักวันผมจะเอากรีนกลับบ้านให้ได้พ่อจำคำผมไว้!” ผมประกาศกร้าวเสียงดังลั่นแต่พ่อก็แค่ตีสีหน้าเรียบเฉยแล้วเดินไป
“...แม่งเอ้ย!” โมโหว่ะ! โมโหจนอยากพังบ้านหลังนี้ทั้งหลังเพราะอยู่ไปมันก็ไม่มีอีกคนที่เคยอยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็กจนโตมาอยู่กับผมแล้ว
-เวลาต่อมา-
“มีมี่พี่มีนรักมีมี่มาก ๆ เลยนะ”
“...”
“พี่มีนขอโทษที่ไม่ค่อยได้มาหามีมี่เลย แต่มีมี่รอพี่มีนนะเมื่อไหร่ที่พี่มีนมีเงินเยอะ ๆ พี่มีนสัญญาว่าเราจะได้อยู่ด้วยกันนะมีมี่”
“...” ผมที่หลบมานั่งดับความโมโหที่สวนหลังบ้านได้ยินเสียงของใครบางคนดังขึ้นมาทำลายความสงบที่ต้องการก็หงุดหงิด ยิ่งเป็นเสียงของยัยนั่นที่เกี่ยวข้องกับบทสนทนาระหว่างผมกับพ่อมาหมาด ๆ ก็ยิ่งทำใจผมหงุดหงิดมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว
“หมั้นกับหนูมีน”
ฮึ! พ่อผมคิดเรื่องนี้ได้ยังไง พ่อไม่น่าจะคิดเรื่องนี้ได้เองในเมื่อระดับนักธุรกิจใหญ่อย่างพ่อน่าจะอยากได้ลูกสาวของเพื่อน ลูกสาวของคู่ค้าหรือลูกสาวของคนในสังคมเดียวกันมาเป็นลูกสะใภ้เพื่อให้ธุรกิจต่อยอดไปได้ไกลกว่านี้มากกว่า หรือความจริงมีใครอ้อนพ่อเพราะอยากรวยทางลัดกันแน่ก็ไม่รู้
ผมมองไปที่ยัยคนสวนที่กำลังนั่งคุยกับหมาโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าผมอยู่ตรงนี้ มองหน้ายัยนั่นที่นั่งคุยกับมีมี่แล้วก็ทำหน้าเศร้าเหมือนคนโดนหมาแย่งข้าว
“...” หน้าอย่างยัยนี่น่ะเหรอจะอ้อนพ่อเรื่องแบบนั้น ไม่มีทางหรอกพ่อผมเพี้ยนไปเองมากกว่า
“มีมี่~ พี่มีนอยากพามีมี่ไปอยู่ด้วยที่สุดเลยรู้ไหม” เป็นอะไรทำไมยิ่งคุยยิ่งเศร้า จะอยากเอาหมาไปอยู่ด้วยอะไรขนาดนั้นในเมื่อมีมี่มันมาอยู่บ้านนี้ตั้งเกือบสองปีแล้ว ตอนเอามามีมี่มันเพิ่งสามเดือนเองตัวเท่าลูกหมาเลี้ยงแป๊บเดียวจะมีความผูกพันอะไร
“มันอยากไปอยู่กับเธอรึเปล่าเคยถามมันบ้างรึยัง” ผมทนไม่ไหวเลยพูดแทรก คุยกับยัยนี่อาจจะทำให้อารมณ์ดีขึ้นสักนิดก็ได้มั้ง ส่วนยัยคนสวนพอรู้ว่าผมอยู่แถวนี้ก็สะดุ้งแล้วหันมามอง ทำหน้าตกใจอย่างกับเห็นผีเห็นหน้าผมชัดแล้วก็ยังทำหน้าตกใจไม่หยุด
“อยู่...อยู่แถวนี้เหรอคะ”
“ไม่อยู่มั้ง”
“อ่อ แล้วนี่อะไร? วิญญาณคุณเกรย์เหรอคะ”
“กวน?”
“เปล่าค่ะ นั่งอยู่ตรงนี้นานแล้วเหรอคะ”
“อืม”
“ถ้างั้นก็...ได้ยินมีนคุยกับมีมี่?”
“อืม”
“...” พอผมพยักหน้ารับยัยคนสวนก็ทำหน้าอย่างกับรู้สึกอายที่มีคนบังเอิญได้ยินตัวเองคุยกับหมา
“เป็นไร? เธอคุยกับหมาเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วไม่เห็นมีไรน่าอาย ถ้าคนอย่างเธอคุยกับหมาไม่รู้เรื่องสิแปลกเพราะเธอเหมือนหมา”
“...คุณเกรย์เป็นแบบนี้ตลอดเลย ชอบว่ามีนเหมือนหมา” ยัยคนสวนบ่นพึมพำออกมา อาการงอนของยัยนี่ทำผมอดขำนิดหน่อยไม่ได้
“แล้วตรงไหนที่ไม่เหมือนวะถามหน่อย”
“ชิส์! เอาเถอะเหมือนก็เหมือนมีมี่มันน่ารักจะตาย เนอะมีมี่เนอะ”
“ฮึ ๆ ๆ ใครบอกเธอว่าเธอเหมือนหมาฉัน เธอคิดว่าตัวเองน่ารักขนาดนั้นรึไงยัยหน้าหมา”
“...”
“แล้วตกลงยังไง ไม่คิดจะตอบคำถามฉันเลยรึไง”
“ถามอะไรล่ะคะ”
“ฉันถามว่าอยากเอามีมี่ไปอยู่ด้วยแล้วเคยถามมีมี่รึยังว่ามันอยากไปอยู่กับเธอรึเปล่า
“...” พอผมย้ำคำถามที่ถามเล่น ๆ ยัยคนสวนก็มองหน้าผมแต่ไม่ยอมพูดอะไร
“ว่าไง? เคยถามมันรึยัง” ผมย้ำถามอีกครั้งแล้วยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง แกล้งกวนประสาทยัยนี่กี่ครั้งก็สนุกตลอดเลยว่ะ
“...แล้วตอนเอามันมาจากมีนล่ะคะ ถามมันรึยัง”
“...” อยู่ดี ๆ สีหน้าแอบงอนของยัยนี่ก็เปลี่ยนเป็นเจ็บปวด
“ไม่ได้ถามเหมือนกันใช่ไหมคะ?”
“อืม” ผมพยักหน้ารับแต่เสียงผมที่เปล่งออกมามันดังแค่ในลำคอเท่านั้น ก็ไม่รู้ว่ายัยนี่เศร้าจนทำผมรู้สึกผิดได้ยังไงกับอีแค่เรื่องหมาที่มันมาอยู่ที่นี่ยังไงก็ดีกว่าอยู่บ้านสวนอยู่แล้ว
“แล้วก็...ไม่ได้ถามเจ้าของมันด้วยถูกต้องใช่ไหมคะ”
“...” แม่ง ทำผมรู้สึกผิดกว่าเดิมอีก
“คุณเกรย์” ยัยคนสวนมองหน้าผม เธอยิ้มบาง ๆ แต่เป็นรอยยิ้มที่เศร้าฉิบหาย
“มีไร”
“ถ้ามีนมีบ้านมีเงิน...มีนขอมีมี่คืนได้ไหม”
“...ไร้สาระ”
“มันอาจจะไร้สาระสำหรับคุณเกรย์แต่มีมี่มันเป็นครอบครัวของมีนนะคุณเกรย์”
“...” ยัยคนสวนแม่งจะดราม่าทำไมวะ คิดว่าตัวเองดูเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่น่าสงสารมากนึไง
“มีนขอ... / อืม ไม่ต้องพูดมากแล้ว” กำลังจะขออีกผมเลยพูดแทรกปัดรำคาญแต่คำพูดของผมก็ทำยัยคนสวนยิ้มกว้างทันทีเลย
“ขอบคุณนะคะคุณเกรย์”
“อืม หาเงินมาซื้อบ้านหลังนี้แล้วกันเพราะฉันไม่ให้มันไปอยู่ที่อื่น”