ตื๊ด ตื๊ด~
...กรีน
ผมไม่คิดว่าเธอจะโทรมาอีกรอบ ตอนนี้ผมกำลังนั่งข้างน้ำขิงระหว่างที่คนในชมรมกำลังสังสรรค์กันอยู่ พอเห็นว่าเป็นเธอโทรมาก็เลยกดรับสาย
ดีเลยโทรมาตอนที่ผมกำลังนั่งใกล้น้ำขิงนี่ล่ะดี
ติ๊ด!
“ว่าไงกรีน” ผมกดรับแต่ไม่ได้ให้เห็นน้ำขิงในจอ แค่ให้เห็นไหล่ของน้ำขิงแค่นั้น อะไรที่จงใจเกินไปจะดูไม่เนียนเดี๋ยวกรีนมั่นใจว่าผมแค่เรียกร้องความสนใจทุกอย่างที่ทำมาก็เละสิวะ
(...ยังไม่พักผ่อนเหรอ)
“อื้ม”
(โอเค กรีนไม่ค่อยได้ยินเกรย์เข้าห้องนอนตอนไหนโทรกลับทีแล้วกันมีเรื่องที่บ้านจะคุยด้วย)
“ครับ”
ติ๊ด!
ฮึ ๆ ๆ
ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยว่ะ ได้ทั้งทำให้คนทางไกลหวงก้างแล้วก็ได้ทำให้ไอ้เพื่อนรักคนเดียวของผม...กำลังจะกระอักเลือดตายเพราะอกหัก
กูจะเอาคนของกูคืนพร้อมกับเอาคืนมึงไอ้ไทน์ กูจะทำให้มึงรู้ว่าการโดนแย่งของรักมันเจ็บแค่ไหน!
“ไอ้ไทน์”
“อืม มีไรวะ”
“กูมีเรื่องอยากให้มึงช่วยว่ะ”
“เออ มีไร”
“มึงไปนอนกับไอ้ภพได้ไหมวะ”
“ให้กูไปนอนห้องไอ้ภพ?”
“อืม ได้ใช่ไหม...กูอยากนอนกับเมียกู”
ผมจำหน้าของมันตอนนั้นได้ติดตา สีหน้าที่พยายามซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ สีหน้าที่เหมือนผมตอนนั้นไม่มีผิด!
“ฉันไปนอนก่อนได้ไหม” นั่งกันได้พักใหญ่น้ำขิงก็ถามออกมา
“ใครห้าม?”
“...” น้ำขิงมองผมแต่ไม่ได้พูดอะไรนอกจากลุกไปทันที ช่างเถอะ ปล่อยให้น้ำขิงไปพักเถอะเพราะลึก ๆ ผมก็สงสารเพื่อนคนนี้ของผมเหมือนกัน
ผมนั่งอยู่ในวงเหล้าได้พักใหญ่ก็กลับห้อง ยังจำได้ว่ามีคนบอกให้ผมโทรกลับ ทิ้งเวลาไปนานเป็นชั่วโมงไม่รู้ป่านนี้จะโมโหแค่ไหนในเมื่อผมไม่เคยปล่อยให้เธอรอเลยสักครั้ง
ตื๊ด ตื๊ด~
ติ๊ด!
(กลับห้องแล้วเหรอ)
“อื้ม”
(แฟนเกรย์ล่ะ)
“ไปเอาของที่ห้องเดี๋ยวมา”
(อ้อ ก็เลยแอบโทรมาตอนแฟนไม่อยู่งั้นสิ)
“ฮึ ๆ ๆ แอบอะไรล่ะ พี่บอกแฟนพี่แล้วว่าจะโทรหาน้อง ว่าแต่เรามีอะไรให้พี่โทรหาทำไมครับ”ได้ยินเสียงเหวี่ยงวีนของเธอผมทั้งมีความสุขทั้งสะใจเลยว่ะ
(เกรย์นอนกับแฟน...แล้วเขานอนกับใคร)
“อะไรนะ” ผมได้ยินคำถามของเธอไม่ผิดใช่ไหม?
(พี่ไทน์ไปนอนห้องใคร ไม่ได้ไปนอนห้องผู้หญิงคนไหนใช่ไหมเกรย์)
“ที่ให้พี่โทรกลับเพราะเรื่องนี้?”
(อาฮะ)
“...”
(ตกลงว่าไง พี่ไทน์ไปนอนห้องเพื่อนผู้ชายรึเปล่า อย่าให้การเอาแฟนมานอนของเกรย์ทำให้เขาได้โอกาสไปนอนกับผู้หญิงคนไหนนะเกรย์)
“ที่สนใจมีแค่เรื่องนี้เองเหรอกรีน?” ผมจุกไปทั้งใจ สิ่งที่พยายามทำสุดท้ายก็ไม่มีความหมายกับความรู้สึกของเธอเหมือนเดิม ไม่เคยมี!
(ก็ใช่น่ะสิ เกรย์ก็รู้ว่ากรีนรักเขาแค่ไหน ไม่โทรหาเกรย์เรื่องเขาแล้วจะให้โทรหาเรื่องเกรย์รึไง กรีนไม่สนใจหรอกเกรย์ เห็นเกรย์มีแฟนก็ดีใจด้วย แต่ที่กรีนสนคือเขาต่างหาก ไม่ได้มีผู้หญิงคนไหนอ่อยเขาใช่ไหม?)
ติ๊ด!
“แม่งเอ้ย!” ผมแทบจะปาโทรศัพท์ทิ้ง ผมไม่เคยมีอิทธิพลกับเธอเลยนอกจากมัน!
ตื๊ด ตื๊ด~
...กรีน
ติ๊ด!
(อย่ามาตัดสายกรีนทิ้งแบบนี้นะเกรย์!)
“ถ้าไม่อยากให้ตัดสายทิ้งก็อย่าโทรมา! จะไปร่านที่ไหนก็ไป!”
(เกรย์! กรี๊ด!!!)
ติ๊ด!
ผมไม่คิดจะทนฟังเสียงกรีดร้องของกรีนที่กรี๊ดใส่ผมทุกครั้งที่ถูกขัดใจ ผมไม่สนใจว่าตัวเองทำเธอโกรธแค่ไหนเพราะตอนนี้ผมกำลังโกรธเพราะเธอเป็นคนทำเหมือนกัน!
“สัส!” พยายามข่มอารมณ์บอกตัวเองให้หยุดโกรธแต่ผ่านไปนานเท่าไหร่ผมก็ยังควบคุมอารมณ์โกรธของตัวเองไม่ได้ ถ้าทนอยู่ในห้องนอนคนเดียวนานกว่านี้ผมได้อาละวาดจนห้องเละแน่ถึงได้เดินออกจากห้อง การออกไปดื่มกับคนอื่นต่อคงดีกว่านั่งเจ็บปวดเป็นไอ้โง่อยู่คนเดียว
...อ๊ะ!
“...”
...อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ! / อ่าส์~
ผมกำลังจะเดินพ้นห้องห้องหนึ่งที่รู้ว่าเป็นของใครแต่ความเงียบก็ทำให้ผมได้ยินเสียงที่ดังออกมาให้ได้ยิน มันแผ่วเบามากแต่พอพยายามฟังให้ดีก็รู้ว่ามันคือเสียงอะไร
“...” ผมถอยออกห่างจากประตูพร้อมกับกำหมัดแน่นจนมือสั่น ผมไม่ได้โกรธที่สองคนนั้นมีอะไรกันแต่ผมโกรธที่ในขณะที่ผมกำลังเจ็บปวดแต่คนที่มีส่วนทำให้ผมต้องเจ็บปวดกลับกำลังมีความสุขทั้งที่ผมคิดว่าผมได้สร้างความเจ็บปวดให้มันแล้ว!
ผมโกรธที่ทำไมเรื่องบัดซบของเราสามคนถึงมีแค่ไอ้เหี้ยเกรย์คนนี้ที่เจ็บอยู่คนเดียว!
“ฮ้าว~” เสียงหาวที่ดังเกินความจำเป็นเรียกความสนใจจากผมที่เอาแต่จ้องประตูให้หันไปมอง
...มีนา
“...” ผมจ้องคนที่เดินมาไม่ต่างจากเธอที่พอเห็นผมก็หยุดชะงักแล้วนิ่งไป
“ไง จะนอนเหรอ”
“...ค่ะ” มีนาตอบช้า คำตอบไม่ผิดจากที่คิดไว้ซึ่งผมให้ยัยนี่มาใกล้ห้องนี้ไม่ได้ไม่งั้นยัยนี่ได้ยินเสียงคนมีอะไรกันในห้องแน่ แล้วยัยนี่ก็จะรู้ว่าผมถูกแฟนนอกใจซึ่งผมยอมให้ใครรู้ไม่ได้ ผมจะไม่ยอมให้ใครเห็นผมเป็นไอ้โง่ที่ถูกสวมเขาอีกครั้งต่อให้คนคนนั้นจะเป็นแค่เด็กในบ้านก็ตาม!
หมับ!
“ว้าย! มีอะไรคุณเกรย์” เธอร้องตกใจที่โดนกระชากมือแต่ผมไม่พูดอะไรนอกจากกระชากเธอให้เดินตามผม
“คุณเกรย์จะทำอะ... / เงียบ!” ผมหันไปตะคอกใส่เบา ๆ แล้วกระชากต่อเดินแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึงห้องพักของผม
ผลัก!
“คุณเกรย์ทำบ้าอะไรเนี่ย!” พอโดนผมผลักเข้าไปในห้องยัยนี่ก็หันมาขึ้นเสียงใส่ผมที่ปิดประตูล็อ8ห้องให้เรียบร้อย
“นอนห้องนี้”
“อะไรนะ?”
“บอกว่านอนห้องนี้ไง!” ผมไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะพูดซ้ำ ปกติผมก็ไม่ได้ให้ค่ายัยนี่มากพอที่จะบอกอะไรซ้ำ ๆ อยู่แล้วพออยู่ในอารมณ์โมโหก็ยิ่งไม่คิดที่จะทำ
“จะนอนได้ยังไงเป็นบ้าเหรอคุณเกรย์”
“ทำไมจะนอนไม่ได้”
“ก็นอนไม่ได้ไง”
“ทำอย่างกับไม่เคยนอนกับฉัน”
“คุณเกรย์! อย่าพูดจาแบบนี้นะมีนไม่ชอบ เมาก็ไปนอน” มีนาพูดจบก็เดินมาทางผมเพื่อไปที่ประตูซึ่งผมก็ยอมให้เดินผ่านหน้าผมไปจนเธอไปถึงประตู
“อย่าให้พูดซ้ำ” ผมเตือนออกไปเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายก่อนที่ความโมโหของผมจะถึงขีดสุด
“ต่อให้คุณเกรย์พูดซ้ำเป็นร้อยครั้งมีนก็ไม่นอน ใครจะบ้านอนห้องเดียวกันกับแฟนเพื่อนถามจริงเถอะ”
กริ๊ก!
หมับ!
“คุณเกรย์! ว้าย!”
ฟุบ!
เสียงลูกบิดดังขึ้นผมก็กระชากยัยนี่แล้วเหวี่ยงไปที่เตียงทันทีจากนั้นก็หันไปล็อ8ประตูอีกครั้ง
“ฉันสั่งให้อยู่ในห้องนี้เธอก็ต้องอยู่! อย่ามาทำเป็นสะดีดสะดิ้งขัดคำสั่ง! ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะเอาเธอเพราะถ้าฉันคิดจะเอาคงเอาไปนานแล้วไม่เอาออกทั้งที่สอดเข้าไปหมดลำหรอก!” ผมตะคอกใส่พร้อมกับชี้หน้าด้วยความโมโหที่ยัยนี่กล้าขัดคำสั่ง!
“...”
“อย่าคิดลองดีกับฉันไม่งั้นเรื่องงานไร้ศักดิ์ศรีของเธอถึงหูพ่อฉัน!” ผมตะคอกใส่ต่อไม่สนว่าใครหน้าไหนมันจะกำลังมองผมด้วยสายตาเจ็บปวดจนมีน้ำตาไหลออกมา ผมไม่แคร์!
ผมเดินไปทิ้งตัวนั่งที่โซฟาเล็ก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ส่วนอีกคนก็เงียบไม่ได้อ้าปากพูดอะไรออกมาอีก ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบนานเท่าไหร่ผมไม่รู้แต่ที่รู้คืออารมณ์ผมไม่ได้เย็นลงแม้แต่นิดเดียวเลยโทรสั่งให้พนักงานในรีสอร์ทเอาเครื่องดื่มมาให้ที่ห้องแล้วนั่งดื่มเงียบ ๆ คนเดียวส่วนอีกคนที่ถูกบังคับให้นอนที่นี่หลับไปตอนไหนผมไม่รู้เหมือนกัน
ผมดื่มอยู่คนเดียวจนเมาได้ที่ถึงได้เลิกดื่มต่อเพราะเหล้าไม่เคยช่วยผมลบความเจ็บปวดในใจได้สักครั้งแต่มันแค่ทำให้ผมนอนหลับได้ง่ายกว่าเดิม
ผมวางขวดเหล้าแล้วล้มตัวลงนอนข้างเด็กในอุปถัมภ์ของพ่อ พยายามข่มตาให้หลับแต่การพยายามกลับทำให้เสียงที่เพิ่งได้ยินในห้องของน้ำขิงดังเข้ามาหลอนในหัว มันเหมือนวันนั้นเลย เหมือนวันนั้นไม่มีผิดที่วันที่ผมได้ยินเสียงไอ้ไทน์กับอีกคนกำลังมีอะไรกันในห้องของเธอที่อยู่ในบ้านของผม
ห้องของเธอที่ผมเคยเข้าไปแล้วก็ทำอะไรแบบที่มันกำลังทำไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งและคิดว่าคงมีแค่ผมที่ได้ทำแบบนั้นทั้งในห้องนั้นแล้วก็กับเธอ!
“...ฮึก!” มึงแม่งอ่อนแอว่ะไอ้เหี้ยเกรย์ มึงมันโคตรอ่อนแอเลย ทั้งอ่อนแอแล้วก็โง่! โง่เป็นควายโดนขนาดนั้นก็ยังอยากได้กลับมา!
“ฮึก!”
หมับ~
“เป็นอะไร” เสียงกระซิบถามดังขึ้นหลังจากที่มือของเธอวางลงบนหลังมือผม
“...” ผมทำได้แค่นิ่ง บอกตรง ๆ ว่าทำอะไรไม่ถูก ผมไม่คิดว่ายัยนี่จะตื่นขึ้นมาได้ยินเสียงสะอื้นโง่ ๆ ของผม เด็กในบ้านที่ผมคอยดูถูกมาตลอดได้ยินเสียงผมร้องไห้ ฮึ! ยัยนี่คงสมน้ำหน้าผมอยู่ในใจไปแล้วสินะ
ผมสะบัดมือยัยนี่ออกแล้วลุกขึ้นนั่งหันหลังให้ทันที
“กลับไปได้แล้ว” ผ่านมานานเป็นชั่วโมงป่านนี้สองคนนั้นมันเลิกทำอะไรกันไปแล้วมั้ง ถ้ายัยนี่ไปเคาะห้องเรียกก็คงไม่เป็นไร แค่ไม่ได้ยินเสียงคนกำลังมีอะไรกันในห้องก็พอแล้ว
“คุณเกรย์”
“กลับไป!” เสียงเรียกชื่อที่ดังขึ้นเหมือนห่วงใยทำให้ผมโมโหแล้วหันไปตะคอกใส่จนดังลั่นห้องโดยที่ผมลืมไปว่าหน้าผมมันยังมีคราบน้ำโง่ ๆ ที่เรียกว่าน้ำตาหลงเหลืออยู่
“...”
“ไปสิวะ! บอกให้ไปไง!” ทั้งที่ผมตะโกนไล่ยัยนี่ก็ยังเอาแต่มองหน้าผม ตะคอกไล่อีกครั้งก็ยังไม่ยอมไป ฮึ! สะใจมากสินะที่ได้เห็นน้ำตาของคนที่ดูถูกเธอ!
“ไป!”
หมับ!
“เป็นอะไร คุณเกรย์ร้องไห้ทำไม” ทั้งที่ผมตะคอกใส่แล้วก็ไล่ให้ไปให้พ้นตั้งหลายรอบแต่ยัยนี่กลับไม่ไปแถมยังกล้าเอามือมาประคองที่หน้าของผม
“บอกมาสิ มีนไม่เคยเห็นคุณเกรย์เป็นแบบนี้”
“ทำไม? สมน้ำหน้าเหรอ? เอาเลย เชิญสมน้ำหน้าคนที่ดูถูก... / มีนเป็นห่วง”
“...” ผมพูดยังไม่จบยัยนี่ก็พูดแทรกด้วยน้ำเสียงที่ปั้นออกมาว่าโคตรห่วง แถมยังกล้าส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยออกมาตอกย้ำคำพูดของตัวเองอีก
...ยัยคนสวนกล้าทำแบบนี้กับคนอย่างผมได้ยังไง กล้าห่วงคนอย่างผมที่ไม่เคยอยากให้ใครหน้าไหนมาห่วงใยได้ยังไง!
“คุณเกรย์มีนรู้ว่ามีนควรออกไปตามคำสั่ง แต่มีนทิ้งให้คุณเกรย์ให้อยู่ในอารมณ์แบบนี้คนเดียวไม่ได้จริง ๆ” ยัยนี่ยังพูดด้วยน้ำเสียงไม่ต่างจากเดิม ห่วงเหรอ? ห่วงทำไม คนอย่างไอ้เกรย์ไม่มีผู้หญิงคนไหนมาคอยห่วงแบบนี้มานานแล้ว ไม่จำเป็นต้องมาห่วงถ้าไม่อยากซวย!
“ออกไป” ผมไล่อีกครั้ง ครั้งนี้พูดออกมาเบา ๆ พยายามข่มอารมณ์บางอย่างเอาไว้
“ไม่ มีนไม่ทิ้งคุณเกรย์ในสภาพนี้ไปไหนแน่นอน”
“...แม่งเอ้ย!”
ผลัก!
“ว้าย!”
“เธอทำตัวของเธอเอง จำไว้ว่ามันเป็นเพราะเธอไม่ยอมออกไปเอง!”