บทที่ 2 - เจ้าของที่แท้จริง (ระราน) (จบตอน)

1958 Words
นารินออกไปทำงานแล้ว อาชีพของพี่สาวก็คือเป็นคุณครูสอนนาฏศิลป์ไทยให้กับลูกสาวนายตำรวจใหญ่ในหมู่บ้านและละแวกใกล้เคียง หยาดน้ำค้างว่างเพราะช่วงนี้อยู่ในช่วงพักร้อน เวลาพักผ่อนกลายเป็นช่วงเวลาแสนโหดร้ายหลังถูกแฟนหนุ่มบอกเลิก “ถึงกับมายืนรอเชียวหรือ” เขาแกล้งเซว ร่างบางย่นจมูกใส่ “ใครมายืนรอไม่ทราบ คุณพูดให้มันดีๆ นะ” สาวเจ้าว่า ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอลงเดินไปเปิดประตูรถให้เธอ “เชิญครับ” เขากล่าววาจาสุภาพ หยาดน้ำค้างก้าวขึ้นรถพร้อมขอบคุณที่เขาแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ “ทำใจได้หรือยัง” ธนภพเอ่ยถามขณะสองมือขับรถไปตามเส้นทาง เขาได้ยินเสียงถอนหายใจยาวเหยียดก็พอจะรู้สถานการณ์ของหัวใจ “ยังสินะ” “คุณเองก็เพิ่งเลิกกับแฟน มันทำใจง่ายไหมล่ะ” เธอย้อนกลับได้เจ็บแสบ ทว่าคนถูกย้อนกลับขำ “หัวเราะอะไรไม่ทราบ” ผู้ชายคนนี้ยังไงนะ หน้าตาดูสดใสไม่เหมือนคนที่เพิ่งเลิกรากับแฟนเลยสักนิด หรือจะเป็นผู้ชายเพลย์บอยเจ้าชู้ไปวันๆ แน่ล่ะ ผู้ชายประเภทนั้นรักใครจริงที่ไหน ดีแต่ใช้หน้าตาหว่านเสน่ห์ไปเรื่อย “ผมไม่จำเป็นต้องทำใจเพราะว่าผมไม่เสียใจ” สารถีหนุ่มไหวไหล่ หยาดน้ำค้างมองอย่างอึ้งๆ “หมายความว่าไง” “ก็ผมไม่ได้รัก” แววตานั้นเลือดเย็น หยาดน้ำค้างรู้สึกเจ็บแทนผู้หญิงคนนั้น หากรู้ว่าแฟนเก่าไม่ได้เสียใจกับการเลิกราจะรู้สึกยังไงนะ คงผิดหวังและเสียหน้าน่าดู “ผู้ชายก็แบบนี้แหละ ไม่แคร์ ไม่ใยดีอะไรสักอย่าง มีแต่ผู้หญิงที่ต้องทนทุกข์เพียงลำพัง รักง่ายหน่ายเร็ว หึ!” หยาดน้ำค้างใส่เป็นชุด ธนภพฟังก็หลุดยิ้มออกมา เขาและเธอนั่งเงียบจนกระทั่งถึงที่หมาย ดวงตากลมโตกวาดมองรอบๆ บริเวณ “เอ๊ะ นี่ไม่ใช่ร้านอาหารนี่คะ” “แล้วใครบอกว่าผมจะพาคุณไปร้านอาหารล่ะ” ธนภพปลดสายนิรภัยออกจากตัวแล้วลงเดินมาเปิดประตูรถให้เธอ ทว่าหญิงสาวไม่ยอมลง “คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม” บ้านหลังโตรายล้อมพรรณไม้นานาชนิด บรรยกาศน่าอยู่และร่มรื่นไม่เบา “ก็มาทานข้าวไงครับ คุณต้องเลี้ยงข้าวผมจำไม่ได้หรือ” “ทานข้าวแล้วทำไมไม่ไปทานที่ร้านอาหารคะ” “แล้วทานข้าวทานที่บ้านไม่ได้หรือครับ” นั่นสิ ก็ทานได้แฮะ แต่… ไม่ได้ เธอจะเข้าบ้านผู้ชายไม่ได้เด็ดขาด “ลงมาเถอะคุณ ผมว่าเราสนิทกันพอสมควรแล้วนะ” ธนภพยิ้มละไมขณะมองใบหน้าตื่นๆ ของเธอ คำว่า ‘สนิท’ มันดูห่างไกลเกินไปนัก เธอกับเขายังไม่ได้สนิทกันถึงขั้นนั้น เพียงแต่เขาอยากตีสนิทด้วย จึงต้องงัดทุกกลยุทธ์มาหลอกล่อ “หรือว่าคุณกลัว” หรี่ดวงตาคมจ้องมอง กอดอกในท่าทีเยาะหยัน ซึ่งคนอย่างหยาดน้ำค้างเป็นประเภทไม่ชอบให้ใครมาดูแคลนเสียด้วยสิ “กลัวเรื่องอะไร ฉันไม่ได้กลัวเสียหน่อย” จบคำสาวเจ้าก็ก้าวเท้าลงจากรถทันที หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำยามถูกเขาจับมือพาเดินเข้าด้านใน “อุ๊ยคุณ ไม่ต้องจูงก็ได้” “เดี๋ยวคุณหลง” เขาหันมาส่งยิ้มในแบบน่ารัก พวงแก้มนุ่มแดงระเรื่อ บ้าจริง! จะหน้าแดงทำไม หยุดหน้าแดงเดี๋ยวนี้นะยัยน้ำ “คุณทำอาหารอะไรเป็นบ้าง” เขาปล่อยมือเรียวเป็นอิสระแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบเนื้อสัตว์และผักสดออกมาวางเรียง “ก็ทำได้หลายอย่างค่ะ” “แล้วอร่อยไหม” “พูดแล้วจะหาว่าคุย ฉันน่ะฉายาแดจังกึมเมืองไทยเลยนะ” ฉายาที่พี่สาวอย่างนารินเป็นคนตั้งให้ เธอก็เอามาอวดตัวไปเรื่อย “งั้นลองดู ผักกับเนื้อที่มีผมคิดว่าเพียงพอต่อการทำเมนูสามสี่อย่างนะ แต่ถ้าขาดเหลืออะไรก็บอก ผมจะออกไปซื้อมาให้” ธนภพปรายตามองไปยังวัตถุดิบชั้นดี “แล้วนั่นคุณจะไปไหน” ร้องถามหลังเห็นเขากำลังจะเดินออกจากห้องครัว “ผมจะไปนั่งดูทีวีรอ คุณทำกับข้าวเสร็จเมื่อไรก็บอกนะ” เขาพูดง่ายๆ ทว่าคนฟังขมวดคิ้ว “เดี๋ยวนะ นี่คุณจะไม่ช่วยฉันทำ?” “อาหะ” เขาพยักหน้า “ประทานโทษนะคะ ฉันเป็นคนใช้คุณหรือ” หญิงสาวชี้ตัวเองพลางถามสีหน้างุนงง “ก็ถ้าผมพาคุณไปทานข้าวที่ร้านอาหารแพงๆ ก็เกรงว่าคุณจะไม่มีเงินจ่าย ผมเลยตัดปัญหาโดยการพาคุณมาทำกับข้าวให้ผมทานที่บ้าน ดังนั้นคุณก็ต้องเป็นฝ่ายทำกับข้าวเลี้ยงผม แต่เอ… จะว่าเลี้ยงก็ไม่ถูกนัก เพราะข้าวของทุกอย่างมันเป็นของผม แต่ไม่เป็นไร ถือว่าคุณมาแสดงฝีมือให้ผมทานแล้วกัน ยังไงก็ฝากด้วยนะครับ” พูดจบร่างสูงใหญ่ก็เดินไปที่ห้องพักผ่อนเพื่อเปิดทีวีดูตามอัธยาศัย ทิ้งให้หญิงสาวยืนอ้าปากค้างพร้อมกับมองวัตถุดิบรวมไปถึงอุปกรณ์เครื่องครัวทันสมัยอย่างงุนงง “ตกลงฉันต้องทำอาหารให้เขากินจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย” หนึ่งชั่วโมงผ่านไปกลิ่นอาหารลอยคลุ้งกระจายทั่วบ้าน ธนภพเดินตามกลิ่นหอมยั่วยวนมาถึงในครัว เห็นอาหารหน้าตาน่ารับประทานวางเรียงรายอยู่บนเคาท์เตอร์บาร์ แม่ครัวคนสวยหันหน้ามาส่งยิ้มให้เขา “หอมใช่ไหมล่ะ” หยาดน้ำค้างตักข้าวสวยร้อนๆ ใส่จานให้เขาและเธอ “หอมก็ไม่ได้แปลว่าจะอร่อยนะ” คนถูกสบประมาทหน้ามู่ “ลองชิมดูได้เลยค่ะ รับรองว่าอร่อยเหาะ” หยาดน้ำค้างดันจานผัดผักไปให้ร่างสูง ธนภพเพ่งมองความน่ารับประทานชั่วครู่ก่อนหยิบช้อนตักอาหารจานแรกเข้าปากหนึ่งคำ คนทำพลอยลุ้น เธอมั่นใจว่าฝีมือไม่เป็นสองรองใคร แต่ไม่รู้ว่าคนรวยระดับเขาจะทานรสชาติบ้านๆ ได้หรือเปล่า “อืม อร่อยแฮะ” เขาชมเพราะว่ามันอร่อยจริงๆ รสชาติกลมกล่อมไร้ที่ติ หยาดน้ำค้างยิ้มกว้าง “บอกแล้วว่าฉันน่ะแดจังกึมเมืองไทย” ได้ทีจึงโออ้อวดไม่หยุด ธนภพส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วยกสำรับไปตั้งวางที่โต๊ะตัวยาว ร่างบางตื่นเต้นกับขนาดความยาวของโต๊ะอาหารสีทองอร่าม ตรงกลางโต๊ะมีดอกไม้หลากสีสันวางประดับคู่กับเทียนไข เหมือนโต๊ะอาหารในเทพนิยายที่เธอเคยอ่านไม่มีผิด “ปกติบ้านคุณกินข้าวกันทีกี่คนหรือคะ” “ผมคนเดียว” เขาตอบพลางเรียกสาวใช้ที่อยู่บริเวณนั้นให้มาทำหน้าที่บริการเจ้านาย “ขอบคุณค่ะ” เสียงหวานกล่าวขอบคุณสาวใช้พร้อมรอยยิ้ม ท่าทางประหม่าเล็กน้อย “คนเดียวแต่โต๊ะเบอเร่อนี่นะ” “เป็นธรรมดา” ธนภพไหวไหล่ประหนึ่งแสดงให้รู้ว่าคนรวยจะทำอย่างไรก็ย่อมได้ หยาดน้ำค้างเบ้ปากหมันไส้ “กะเพาหมูนี่รสชาติจัดจ้านใช้ได้” “แล้วคุณทานได้ไหมคะ” เห็นเขาดื่มน้ำตามหลายอึกก็ชักเป็นห่วง ตอนทำก็ลืมถามเขาว่าทานเผ็ดได้ไหม ปกติเธอกับพี่สาวทานเผ็ดเป็นเดิมทุนอยู่แล้ว จึงไม่ยั้งมือตอนใส่พริก “ได้อยู่แต่เผ็ดน่าดู” มือหนาพัดปากที่เจ่อเพราะพิษความเผ็ดร้อนเล่นงาน “คุณขำอะไร” ธนภพเห็นเธอหัวเราะออกมา “ก็ขำคุณไง โถๆ ตัวออกใหญ่แต่กินเผ็ดไม่เก่งซะงั้น” “ถ้าคุณยังไม่หยุดขำผมจะจูบปากคุณ” เสียงหัวเราะเงียบลงฉับพลัน ตกใจไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูดประโยคนี้ออกมา “พะ พูดบ้าๆ” พวงแก้มเนียนแดงระเรื่อ ธนภพเผลอมองภาพนั้นด้วยความชื่นชม หยาดน้ำค้างเป็นคนสวยแม้ไม่ได้แต่งหน้าจัดเหมือนผู้หญิงทั่วไปที่เขาเคยเจอ ความสวยเป็นธรรมชาติคือเสน่ห์เย้ายวนที่มีอานุภาพมากพอให้ผู้ชายหลงใหล “คุณจ้องหน้าฉันทำไม” เจ้าหล่อนเริ่มทำตัวไม่ถูก หลังจากเขาพูดประโยคหน้าอายออกมาสายตาคู่นั้นก็มองเธอหยาดเยิ้ม “ไอ้นนมันโคตรโง่เลยที่ทิ้งคุณไป” หยาดน้ำค้างชะงักมือที่กำลังจะเอื้อมตักกับข้าวทันควันหลังได้ยินชื่อของผู้ชายคนนั้น หญิงสาวรวบช้อนเข้าด้วยกัน “ตอนมันบอกเลิกคุณผมว่ามันต้องประสาทกลับแน่ๆ ถึงทำแบบนั้น” เขาว่าต่อ “คุณจะ…” “กูประสาทกลับแต่มึงมันไอ้แมวขโมย!” ยังไม่ทันได้ตอบโต้กลับไปเสียงดังกัมปนาทแสนคุ้นเคยก็ดังขึ้นท่ามกลางความตกใจของหญิงสาว ชานนในชุดสูทดูดีเดินเข้ามาหาร่างบางในท่าทีคุกคาม เขากระชากแขนเรียวปลิวติดมือ หยาดน้ำค้างเบิกตากว้างไม่คิดว่าจะเจออดีตแฟนหนุ่มที่นี่ “พะ คุณปล่อยนะ” เกือบแล้ว เธอเกือบหลุดเรียกแทนตัวเขาว่าพี่เหมือนเมื่อก่อน “มาทำอะไรที่นี่” ชานนไม่ยอมปล่อยแต่ถามกลับตาลุกวาว “ที่มึงเรียกกูมาเพื่อต้องการให้กูมาเห็นว่ามึงคิดแย่งแฟนกูใช่ไหมไอ้ชั่ว!” “มึงสิชั่ว! เป็นฝ่ายทิ้งเขาไปแล้วแท้ๆ แต่ยังมีหน้ามาอ้างตัวว่าเป็นแฟน ปล่อยหยาดน้ำค้างเดี๋ยวนี้นะเว้ย!” ธนภพชี้หน้าสั่ง นัยน์ตาของเขาน่ากลัว เหมือนมีลูกไฟนับร้อยสุมกองอยู่ในนั้น “นี่มันเรื่องอะไรกัน ฉันงงไปหมดแล้ว” คนที่ดูเหมือนจะเป็นตัวกลางของเรื่องไม่เข้าใจในสิ่งที่สองหนุ่มกำลังฟาดฟันใส่กัน “น้ำ… กลับไปกับพี่!” ชานนกระชากร่างระหงให้เดินตามเขาออกจากบ้าน ธนภพรีบตามไปดึงแขนอีกข้างเอาไว้ “ปล่อยแขนแฟนกู” ชานนกัดฟันกรอด “หยุดพูดว่าฉันเป็นแฟนคุณสักที เราสองคนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว!” หยาดน้ำค้างสะบัดแขนออกจากชานน เกลียดนัก คำก็แฟนสองคนก็แฟน เขามีสิทธิ์อะไรมาใช้คำๆ นี้หลังจากทอดทิ้งเธอไปนอนกกอยู่กับผู้ชายคนอื่น “น้ำ… นี่ไม่ใช่เวลามาประชดพี่นะ รู้ตัวไหมว่ากำลังตกเป็นเหยื่ออารมณ์ให้ไอ้เวรนี่มันหลอกใช้!” ชานนตะโกนอย่างเหลืออด ธนภพกำลังเล่นเกมปั่นประสาทเขา มันรู้ว่าลึกๆ แล้วเขายังมีเยื่อใยให้กับหยาดน้ำค้าง มันจงใจใช้เธอเป็นเครื่องมือเพื่อแกล้งเขา มันต้องการแก้แค้น! “อย่าทำตัวโง่นะน้ำ มากับพี่” ชานนทำท่าจะปรี่เข้ามากระชากตัวร่างบางอีกครั้ง ธนภพรีบยืนขวางไม่ให้เขาทำสำเร็จ “มึงถอยไอ้มาร์ค มึงไม่มีสิทธิ์ยุ่งกับคนของกู” “กูจะยุ่ง มึงต่างหากที่ไม่มีสิทธิ์ มึงอย่าลืมว่ามึงเป็นฝ่ายทิ้งเธอ” ธนภพตอกย้ำแผลใจทั้งสองฝ่าย หยาดน้ำค้างเห็นด้วยกับชายหนุ่ม “ใช่ คุณไม่มีสิทธิ์มากล่าวอ้างว่าฉันเป็นคนของคุณ” หล่อนเสียงแข็ง ยกมือคล้องแขนธนภพแล้วซบหน้าออดอ้อน “น้ำ!” ชานนอึ้งที่เห็นเธอแสดงกิริยาเช่นนั้น มันเหมือนกับตอนที่เราสองคนยังเป็นแฟนกัน เวลาเธอต้องการสิ่งใดก็มักอ้อนเขาแบบนี้ “เพราะว่าตอนนี้ฉันกับคุณมาร์คเราเป็นแฟนกันแล้ว” ธนภพหันขวับมองร่างบาง ไม่คิดไม่ฝันว่าเธอจะกล้าแก้เผ็ดชานนด้วยวิธีนี้ “คุณมาร์คเป็นเจ้าของฉันอย่างแท้จริง ส่วนคุณ…” “…” “มันก็แค่อดีต!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD