ฉันนั่งเล่นโทรศัพท์ฆ่าเวลาระหว่างรอพ่อแม่สังสรรค์กับเพื่อนๆ ของท่านและยังนั่งเฝ้าผู้ชายหล่อมากๆ คนหนึ่งนอนกลางวันเหมือนเด็กๆ อีกด้วย ฉันนั่งมองหน้าเขาอยู่นาน รู้สึกเพลิดเพลินสายตาเหมือนได้มองพระเอกซีรีส์ในดวงใจยังไงอย่างนั้น เวลาที่เขานอนหลับตาแบบนี้ก็ดูน่ารักดีนะ เลยอดไม่ได้ที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและแอบถ่ายรูปของเขาเก็บเอาไว้ ฉันมองเห็นพนักงานสาวๆ ในร้านต่างก็ชะเง้อคอมองเขาหลายต่อหลายครั้ง ฉันทำได้แค่ยิ้มให้พวกเธออย่างรู้สึกเกรงใจที่เรามาอาศัยนอนที่ร้านของเขาแบบนี้จริงๆ เมื่อมองดูนาฬิกาก็บอกเวลาใกล้จะเที่ยงแล้วแต่พ่อแม่ของพวกเราก็ยังไม่โทรมาสักที ฉันควรโทรหาท่านดีหรือเปล่า แล้วถ้าฉันคุยโทรศัพท์จะเป็นการรบกวนคนนอนหลับข้างๆ หรือเปล่านะ
12.00 น.
ผมเริ่มขยับตัวเพราะรู้สึกเมื่อย การนอนฟุบลงกับโต๊ะแบบนี้ไม่สบายเท่าไหร่เลย และเพราะได้ยินเสียงเหมือนกำลังมีคนถ่ายรูป พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นเธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับโทรศัพท์ของตัวเอง ผมคิดว่าเธอคงแอบถ่ายรูปผมเอาไว้แน่นอน ผมจึงแกล้งนอนตะแคงข้างและแอบมองเธอบ่อยๆ จริงๆ ผมหลับไปได้แค่สิบนาทีเท่านั้น ผมปล่อยให้เธอถ่ายรูปผมจนพอใจ อยากรู้ว่าเธอจะนั่งทำอะไรเงียบๆ คนเดียวได้นานขนาดไหน คงเพราะเธอใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับโทรศัพท์มือถือของเธอ เลยทำให้เธอนั่งอยู่แบบนั้นได้นานขนาดนี้
“แดน” เธอสะกิดเรียกผมเสียงเบา ผมเลยแกล้งทำเหมือนว่าเพิ่งจะตื่นนอน
“เที่ยงแล้วหรอ” ผมทำท่าปิดปากหาวเหมือนยังนอนไม่อิ่ม
“ใกล้จะเที่ยงแล้ว พวกคุณแม่ยังไม่โทรมาเลย ยังนอนไม่อิ่มอีกหรอเนี่ยนอนไปชั่วโมงกว่าแล้วนะ” เธอก้มหน้ามาคุยกับผมด้วยเสียงเบาๆ หลับไปชั่วโมงกว่าอะไรกัน ไม่ใช่เธอเองหรอกหรอที่เอาแต่แอบถ่ายรูปผมจนทำให้ผมตื่นและนอนไม่หลับอีกเลยน่ะ และยังต้องคอยแอบมองเธออยู่แบบนั้น ผมกวาดตามองไปรอบๆ ก็เห็นว่าร้านโซนที่เรานั่งอยู่ก็มีแค่เราสองคนเท่านั้น เธอกลัวใครจะได้ยินสิ่งที่เราคุยกัน
“ทำไมต้องพูดเสียงเบาขนาดนี้” ผมแกล้งขยับเข้าใกล้เธอ แล้วพูดเสียงเบาเหมือนที่เธอทำ
“เกรงใจพนักงานร้านน่ะ เค้ามองพวกเรามาจะชั่วโมงแล้วนะ แดนก็นอนไม่ยอมตื่น น้องก็ไม่กล้าปลุก” เธอยังคงพูดกับผมเสียงเบาเหมือนเดิม
“โทรหาคุณแม่สิ ถามท่านว่าไปทานข้าวกันที่ไหน” ผมลุกขึ้นนั่งคุยกับเธอ แล้วเดินมาสั่งเครื่องดื่มที่เคาน์เตอร์อยากให้เวลาเธอได้โทรหาผู้ใหญ่สักพัก
“รับอะไรดีคะ” พนักงานร้านคนเดิมเข้ามารับออเดอร์จากผม
“มิกซ์เบอรี่ปั่นกับน้ำเปล่าครับ” ผมมองเมนูเครื่องดื่มหลังเคาน์เตอร์ เลือกเมนูที่คิดว่าผู้หญิงน่าจะชอบอย่างพวกผลไม้ปั่นอะไรทำนองนั้น
“เก้าสิบบาทค่ะ” ผมหยิบเงินค่าเครื่องดื่มส่งให้พนักงาน และมองดูว่าน้องคุยโทรศัพท์เสร็จเรียบร้อยหรือยัง
“พวกคุณแม่กำลังเดินทางน่ะ บอกจะไปทานข้าวที่ร้านประจำท่านบอกว่าแดนรู้ดี” น้องเดินมาหาผมที่หน้าเคาน์เตอร์หลังจากที่เธอคุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว
“เข้าใจแล้ว เดี๋ยวเราเดินกลับไปเอารถที่ร้านนั้นก่อนแล้วกัน”
“พวกท่านไปที่ร้านไหนหรอ”
“ร้านอาหารจีนน่ะ ขอบคุณครับ” ผมรับเครื่องดื่มส่งให้เธอ ไม่ลืมหยิบน้ำเปล่ามาดื่ม แล้วจับมือเธอให้ออกมาจากร้านด้วยกัน
“อื้ม อร่อยดีนะ สดชื่นด้วย” เธอแสดงสีหน้าพอใจหลังจากดื่มเครื่องดื่มที่ผมสั่งให้
“เหลือพื้นที่ในกระเพาะไว้กินข้าวเที่ยงด้วยนะ”
“แล้วใครสั่งมาให้น้องดื่มล่ะ” เธอชูแก้วเครื่องดื่มที่พร่องลงไปเล็กน้อยให้ผมดู
“อากาศข้างนอกมันร้อน” ผมตอบเธอไปแบบนั้น เพราะตอนนี้เที่ยงแล้วและอากาศช่วงนี้ค่อนข้างร้อนมาก เราต้องเดินกลับไปเอารถถ้าดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ จะช่วยคลายร้อนได้มาก
“รถเยอะมากเลยนะเนี่ย” เธอเข้าใจคำพูดผมแล้วหันมาบ่นเรื่องการจราจรที่ติดขัดของย่านนี้แทน
“เที่ยงแล้วไง คนก็ออกมาหาข้าวกิน แถวนี้ร้านอาหารอร่อยเยอะมาก” ผมยังคงจับมือเธอให้เดินตามหลังมาแบบนั้น
“ใช่ น้องก็เคยมากับเพื่อนๆนะ สมัย ม.ปลาย ฝั่งโน้นมีร้านบะหมี่อร่อยมาก” เธอชี้มือไปยังทิศทางที่ตั้งของร้านบะหมี่เจ้าดังของเยาวราช ร้านนั้นผมเองก็มากินบ่อยๆ เพราะผมชอบกินบะหมี่มากๆ ยังไงล่ะ
“ร้านดัง ต้องรีบไปหน่อย ไม่งั้นไม่ได้กิน” ผมบอกเล่าจากประสบการณ์ตรง เพราะเคยชวนเพื่อนๆ มาแต่ก็มาช้าเกินไป วันนั้นเลยต้องไปกินราดหน้ากันแทน
“ใช่ๆ ย่านนี้ลอดช่องอร่อยด้วยนะ” เธอยังคงชี้บอกทิศทางที่ตั้งของร้าน เธอคงตระเวนกินอาหารร้านอร่อยของย่านนี้มาหลายร้านแล้วแน่ๆ
“จะแวะซื้อก่อนไหม ทางผ่านพอดี” ผมถามเพราะใกล้จะถึงร้านแล้ว ถ้าเธออยากกินผมจะได้พาเธอแวะซื้อ
“อย่าเลย ช่วงนี้รถติดมาก เดี๋ยวพวกคุณแม่จะรอนานนะ”
“เอาแบบนั้นก็ได้ ขึ้นรถเถอะ”
“ร้านอยู่ไกลหรือเปล่าแดน” เธอถามผมทันทีที่ผมบังคับรถเข้ามาอยู่ในเลนส์ปกติแล้ว
“ขับผ่านไปสองซอยเลี้ยวซ้ายก็ถึงแล้ว”
“ร้านอาหารจีนใช่ไหม”
“ใช่ ทำไม น้องไม่ชอบอาหารจีนหรอ”
“เปล่าๆ พอรู้ว่าเป็นร้านอาหารจีนเลยทำให้นึกถึงฮ่อยจ๊อน่ะ”
“คุณแม่น่าจะสั่งนะ”
“อื้ม” เธอยิ้มอย่างอารมณ์ดี
‘ตืด ตืด ตืด’ เสียงสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงผลของรถดังเตือนว่ามีสายเรียกเข้า
“ครับแม่” ผมชำเลืองมองก็เห็นว่าเป็นแม่ที่โทรเข้ามา
(ใกล้จะถึงหรือยังลูก)
“ถึงแล้วครับ กำลังจอดรถอยู่”
(ดีแล้ว แม่สั่งอาหารรอแล้วนะ ห้องชั้นสองนะ รีบๆ มาเลย)
“ครับผม” ผมกดตัดสายท่านทันทีหลังจากพูดจบ
“คุยกับคุณแม่ไม่น่ารักเลยนะแดน” น้องเอ็ดผมทันทีที่เห็นว่าผมกดตัดสายของแม่แล้ว
“ลูกชายเค้าไม่คุยมุ้งมิ้งเหมือนลูกสาวหรอกนะน้อง” ผมก้าวลงจากรถ เธอเองก็ลงมาพร้อมกัน
“แดนก็น่าจะพูดให้ดีกว่านี้หน่อย อย่างเช่น ถ้าจะวางสายก็บอกกับท่านว่า ผมวางก่อนนะครับ แค่นี้ก่อนนะครับแม่ อะไรแบบนี้น่ะ” เธอยังคงบ่นผมไม่เลิก ผมก็พูดแบบนี้เวลาคุยโทรศัพท์มาตั้งนานแล้ว ผมไม่ใช่คนชอบพูดมากอะไร ยิ่งการพูดคุยหรืออธิบายอะไรที่ยืดยาวผมยิ่งไม่ถนัดเอาซะเลย
“เลิกพูดแล้วเข้าไปข้างในดีกว่านะน้อง พวกพ่อแม่รอกันแล้ว” ผมหมุนตัวเธอให้ก้าวเดินเข้าไปด้านในร้าน ไม่อยากฟังเธอสั่งสอนเรื่องมารยาทการคุยโทรศัพท์กับผู้ใหญ่สักเท่าไหร่
“เดี๋ยวก่อนแดน น้องลืมน้ำไว้ในรถ” เธอหยุดเดินกะทันหัน แล้วเอื้อมมือมาคว้าชายเสื้อผมไว้ให้หยุดคุยกับเธอ
“ยังจะกินอีกหรอ เดี๋ยวก็กินข้าวไม่ได้หรอก” ไม่ใช่ว่าไม่อยากกลับไปเอาเครื่องดื่มให้เธอนะ แต่ถ้าเธอยังกินแต่น้ำ เธอคงกินข้าวไม่ได้แน่ๆ
“เอาขึ้นไปดื่มข้างบน น้องเสียดายเพิ่งกินได้นิดหน่อยเอง” เธอเขย่าชายเสื้อผมเบาๆ นี่เธอกำลังกระตุ้นให้ผมกลับไปเอาเครื่องดื่มให้เธอใช่หรือเปล่า
“ยังไงก็ต้องกลับไปเอาให้ได้ใช่ไหม” เธอพยักหน้าแทนคำตอบ ผมจึงเดินกลับไปเอาเครื่องดื่มที่รถให้เธอ
“ขอบคุณนะ” เธอยิ้มขอบคุณที่ผมยอมกลับไปเอาเครื่องดื่มของเธอ
“อื้ม อร่อยดี สดชื่นจริงๆด้วย” ผมแกล้งดูดน้ำมิกซ์เบอรี่ปั่นของเธอจนเหลือครึ่งแก้ว แล้วยื่นแก้วเครื่องดื่มคืนให้เธอ
“ทำไมต้องกินน้ำปั่นของน้องด้วยล่ะแดน เหลือแค่นี้เอง” เธอมองปริมาณคงเหลือในแก้วนั้นแล้วมองผมอย่างเคืองๆ
“อากาศมันร้อนน่ะ” ผมจับมือเธอให้เดินมาด้วยกัน เธอขืนตัวเล็กน้อย แต่เมื่อรู้ว่าสู้แรงผมไม่ได้เธอก็ยอมเดินมาแต่โดยดี พร้อมกับบ่นว่าผมเรื่องที่ขโมยกินน้ำปั่นของเธอมาตลอดทาง