“น้ำบอกให้พวกเราออกไปรอที่รถกันเลย พอดีคนที่ห้องน้ำเยอะ น้ำบอกว่าทำธุระเสร็จแล้วจะรีบตามไปที่รถ” เสียงของหนึ่งดังขึ้นขัดการสนทนาของเราทั้งคู่ เหมือนว่าผมจะหมดโอกาสคุยกับเธอซะแล้ว
“น้องกลับก่อนนะ แดนจะได้มีเวลาคุยกับคนอื่น” เธอยิ้มให้ผม ก่อนจะส่งสายตามองไปยังโต๊ะฝั่งตรงข้าม เธอไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจเมื่อรู้ว่ามีคนอื่นสนใจผมอยู่ อีกทั้งยังบอกให้ผมคุยกับคนอื่นได้อีก เป็นผู้หญิงที่แปลกมากจริงๆ
“เห็นด้วยหรอ” ผมมองหน้าเธออย่างประเมินอยากรู้ว่าเธอจะแสดงสีหน้ายังไง โกรธหรือเปล่าที่มีผู้หญิงคนอื่นให้ความสนใจผมในขณะที่เธอยังนั่งอยู่กับผมด้วยกันตรงนี้
“เห็นสิ เห็นตั้งแต่เดินเข้ามาแล้ว เค้าดูสนใจแดนมากเลยนะ” เธอตอบคำถามผมนิ่งมากๆ เหมือนไม่รู้สึกอะไรที่มีคนให้ความสนใจผม ปกติพวกผู้หญิงจะหวงของไม่ใช่หรือไง อย่างบัดดี้ไอ้ดินผมก็เห็นว่าเธอเชิดใส่มันทันทีที่มันบอกว่าจะไปคุยกับสาวโต๊ะนั้น แต่น้องกลับต่างออกไป เธอไม่ได้แสดงออกว่าหวงผมเลยสักนิด หรือผมจะเข้าใจผิดเธอคงจะไม่ได้ชอบผมจริงๆ
“ไม่โกรธหรอที่มีคนมาสนใจเราแบบนี้” ผมยังคงมองหน้าเธออย่างสงสัย อยากรู้จริงๆ ว่าเธอพูดจริงหรือเปล่า
“ทำไมจะต้องโกรธ เราไม่ได้เป็นแฟนกันซะหน่อย” เธอจ้องหน้าผมกลับพร้อมกับส่งยิ้มให้ แต่ครั้งนี้ตาเธอไม่ยิ้มด้วยเลย และผมก็ไม่เห็นลักยิ้มใต้ตาคู่นั้น โอเคผมจะพยายามเข้าใจว่าเธอไม่ได้โกรธเพราะผมไม่ใช่แฟนเธอ เธอพูดถูก ผมควรไปส่งเธอแล้วกลับมาคุยกับสาวโต๊ะนี้สักที
“เดี๋ยวเราเดินไปส่งที่รถ” ผมจับมือเธอให้ลุกเดินออกมาด้วยกัน แต่ยังไปได้ไม่ไกลก็ได้ยินเสียงคนเอะอะโวยวาย เมื่อมองไปก็เห็นว่าเป็นไอ้ดินที่กำลังมีเรื่องอยู่ตรงนั้น
“คนทะเลาะกันหรอแดน” น้องขยับเข้ามากอดแขนผมไว้แน่น เธอดูตกใจเอามากๆ
“เหมือนจะเป็นไอ้ดินน่ะ น้องรอเราที่โต๊ะก่อนได้ไหมเราขอไปดูเพื่อนก่อน” ผมพาเธอกลับมาที่โต๊ะเดิมของเรา อยากให้เธอรอตรงนี้ เพราะถ้าผมพาเธอไปด้วยแล้วยังไม่มีใครมาระงับเหตุเธออาจจะถูกลูกหลงเอาได้
“ไม่ น้องจะไปกับแดน” เธอยังคงกอดแขนผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“มันอันตราย น้องรอตรงนี้ดีกว่า” ผมอ้างเหตุผลเรื่องความปลอดภัยของเธอ
“ไม่ น้องจะไปด้วย ถ้าแดนถูกลูกหลงจะทำยังไง น้องเป็นห่วง เราไปดูดินด้วยกันเถอะนะ น้องไม่อยากรออยู่ตรงนี้คนเดียว” เธอยังคงยึดแขนของผมไว้ไม่ยอมปล่อยและยืนยันว่าจะต้องไปด้วยให้ได้
“อยู่ใกล้เราไว้ อย่าออกห่างเด็ดขาด” ผมกำชับเธอให้อยู่ใกล้ผมไว้ ถ้ามีอะไรผมจะได้ดูแลเธอได้
“อื้ม” เธอพยักหน้ารับคำผม ผมจับมือเธอเดินมาที่จุดเกิดเหตุก็เห็นไอ้ดินกับน้ำเดินตามพนักงานรักษาความปลอดภัยเข้าไปในห้องของเจ้าของคลับ เราเลยเดินตามไปและหยุดรอที่หน้าห้อง
“ไอ้ดินมีเรื่อง ตอนนี้อยู่ในห้องเจ้าของคลับ” ผมกดโทรศัพท์หาไอ้เดียวเพื่อบอกสถานการณ์ให้เพื่อนรู้
(เดี๋ยวพวกกูเข้าไป) ไม่นานไอ้เดียวกับไอ้ดิฟก็พาบัดดี้มันมาถึง
“มันมีเรื่องกับใครวะ” ไอ้ดิฟถามผมทันทีที่มาถึง
“กูไม่รู้ มาไม่ทันเหมือนกันมันเข้าไปข้างในก่อนที่กูจะมาถึง” ทุกคนมีสีหน้ากังวล น้องเดินไปจับมือกับเพื่อนๆ ของเธอสีหน้าของพวกเธอดูกังวลมาก
“แล้วน้ำล่ะ น้ำอยู่ไหน” หนึ่งถามหาเพื่อนอย่างร้อนใจ
“น้ำอยู่กับไอ้ดินตอนที่เกิดเหตุ” ผมตอบเธอแค่นั้น
“น้ำบาดเจ็บหรือเปล่า” นุ่มนิ่มถามขึ้นมาอย่างร้อนใจ ผมเข้าใจความรู้สึกพวกเธอ เพราะผมเองก็ร้อนใจเหมือนกัน ถึงจะมองเห็นไม่ถนัดนักแต่ก็เห็นว่าเพื่อนผมไม่ได้รับบาดเจ็บ
“เรามองเห็นไม่ชัดเท่าไหร่ แต่คิดว่าไม่น่าจะบาดเจ็บ ไอ้ดินคงไม่ปล่อยให้น้ำเป็นอะไรหรอก อย่ากังวลไปเลย” ผมปลอบใจเพื่อนของน้อง พวกเธอดูจะเป็นห่วงเพื่อนมากจริงๆ เรารออยู่สักพักไอ้ดินกับน้ำก็เดินออกมา เล่าให้ฟังว่ามีเรื่องกับคนเมาที่มาฉุดน้ำ ผมมองสภาพเพื่อนก็เห็นว่าไม่ได้บาดเจ็บอะไร แต่น้ำน่าจะมีอาการบาดเจ็บที่แขน ไอ้ดินจึงไม่ยอมให้เธอกลับพร้อมเพื่อน พวกผมเลยตกลงกันว่าจะไปส่งพวกเธอเอง
“กลับกันเถอะน้อง เดี๋ยวเราไปส่ง” ผมจับมือน้องให้เดินตามเพื่อนๆ ออกมาข้างนอก
“น้ำต้องตกใจมากแน่ๆ นี่แดนอย่าดื่มจนเมาขาดสติแบบผู้ชายคนนั้นนะ” ตอนแรกเธอก็เป็นห่วงเพื่อนเธออยู่หรอก แต่ตอนหลังนี่กลับมาเตือนผมซะอย่างนั้น
“เราไม่เหมือนไอ้บ้านั่นหรอกน้อง” ผมพูดถึงมันอย่างโกรธเคือง ผมเกลียดผู้ชายที่รังแกผู้หญิงแบบนี้ที่สุด
“น้องพักที่ไหน” ผมถามเธอเมื่อเราเข้ามานั่งบนรถกันเรียบร้อยแล้ว
“ยูคอนโด รู้จักหรือเปล่า ต้องให้เปิดจีพีเอสไหม”
“ไม่ต้องครับ คอนโดนี้ผ่านประจำ” จะบอกว่าผ่านประจำก็คงไม่ผิดอะไร เพราะมันเป็นคอนโดฝั่งตรงข้ามคอนโดของผมเอง
“ไปทำอะไรแถวนั้นถึงได้ผ่านประจำน่ะ” เธอถามผมอย่างสงสัย
“ยูเทิร์นกลับบ้านน่ะ” ผมไม่อยากขยายความให้เธอมากไปกว่านี้
“หรอ งั้นแดนก็เป็นคนกรุงเทพสินะ”
“ใช่”
“ทั้งสี่คนเป็นเพื่อนกันมานานหรือยัง หรือเพิ่งมารู้จักกันตอนมาเรียนที่นี่”
“เป็นเพื่อนกันมานานแล้วตั้งแต่ประถมน่ะ”
“คบกันนานขนาดนั้นเลย แล้วยังมาเรียนด้วยกันที่นี่อีก”
“อืม เบื่อหน้ากันจะแย่อยู่แล้ว” ผมย้อนคิดถึงอดีตในวัยเด็กของเราสี่คน สมัยเรียนประถมพวกเราก็ทะเลาะต่อยตีกันประจำจนคุณครูต้องจับนั่งด้วยกันทั้งสี่คนสลับหมุนเวียนที่นั่งคู่กันอยู่เป็นเดือน จำได้ว่าตอนนั้นมีผมที่ไหนต้องมีพวกมันที่นั่น จนขึ้นมัธยมเราก็ยังอยู่ห้องเดียวกันอีก แล้วเราก็สนิทกันมาเรื่อยๆจนถึงทุกวันนี้
“น้องกับเพื่อนๆ ก็เรียนมัธยมที่เดียวกัน เราก็เลยเป็นเพื่อนสนิทกันมากน่ะ พวกเรานี่บังเอิญจังนะ เป็นเพื่อนสนิทกันแล้วยังเป็นคู่บัดดี้กันทุกคนอีก”
“คงจะเป็นแบบนั้น”
“ถึงแล้ว ยูคอนโด” เธอชี้ชวนให้ผมมองคอนโดสีขาวที่ผมขับผ่านทุกวัน
“ขอบคุณนะที่มาส่ง” เธอยิ้มให้ผมก่อนจะเปิดประตูลงจากรถไป
“น้อง” ผมเรียกเธอไว้ก่อนที่เธอจะปิดประตูรถ
“มีอะไรหรอ” เธอหันกลับมาแล้วก้มลงมองผมอย่างสงสัย
“เปล่า ไม่มีอะไร” เธอเอียงคอมองผม แล้วปิดประตูรถ เธอคงจะสงสัยว่าผมเรียกเธอทำไม เธอทำตัวน่ารักอีกแล้ว เธอจะรู้ตัวไหมว่าเธอชอบทำตัวน่ารักต่อหน้าผมบ่อยๆ
‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’ ผมสะดุ้งตื่นจากภวังค์ความคิดของตัวเองที่มีต่อเธอทันทีเมื่อได้ยินเสียงเคาะกระจกรถ ผมเลยกดเลื่อนกระจกรถลง
“ฝันดีนะคะ” เธอบอกฝันดีกับผมแล้วยังส่งยิ้มหวานให้อย่างน่ารัก โดยเฉพาะลักยิ้มใต้ตาทั้งสองข้างนั้นทำผมใจละลาย เธอจะรู้ไหมนะว่าผมชอบรอยยิ้มของเธอเอามากๆ เลย คืนนี้ผมคงจะหลับฝันดีจริงๆ คงไม่กลับไปคลับตามความตั้งใจเดิมแล้ว
“ฝันดีครับ”