คืนเฟรชชี่ไนท์1

1518 Words
คืนเฟรชชี่ไนท์ 19.00 น. งาน “เฟรชชี่ไนท์” ถูกจัดขึ้นในคืนวันศุกร์ ซึ่งห่างจากวันรับน้องของมหาวิทยาลัยหนึ่งอาทิตย์ หลังจากกิจกรรมจับบัดดี้ในวันนั้นฉันก็ไม่ได้เจอกับแดนอีกเลย จำได้ว่าวันนั้นเขาบอกว่าเราจะได้เจอกันอีกในวันนี้ ฉันเฝ้ารอที่จะให้ถึงวันนี้ไวๆ เฝ้ารองั้นหรอ ทำไมฉันต้องรอพบหน้าเขาด้วยล่ะ ฉันสลัดความคิดที่มีต่อเขาออกไปแล้วให้ความสนใจกับการแสดงตรงหน้าแทน ในตอนนี้ทีมเชียร์หลีดเดอร์ของมหาวิทยาลัยกำลังทำการแสดง ฉันทึ่งในความสามารถของรุ่นพี่เหล่านั้นมากๆ ทั้งการแสดงต่อตัวและการกระโดดหมุนตัวกลางอากาศทำพวกเราตื่นเต้นกันมาก “ทอฝันเก่งมากเลยนะ” ฉันพูดถึงเพื่อนสาขาคนสวยที่เป็นตัวแทนประกวดดาวมหาวิทยาลัยในค่ำคืนนี้ “ใช่ ทอฝันสวยมากด้วยอาจจะได้เป็นดาวมหาวิทยาลัยก็ได้นะ” หนึ่งเพื่อนสาวคนสนิทของฉันแสดงความเห็น เธอไม่ได้พูดเกินจริงเลยเพราะฉันเองก็เห็นด้วยกับความคิดของเธอ “แต่ละสาขาก็ส่งคนสวยๆ หล่อๆ เข้าประกวดกันทั้งนั้นเลยนะ” นุ่มนิ่มเพื่อนสาวคนสนิทอีกคนของฉันพูดแสดงความคิดเห็น “ทิวก็เก่งไม่เบานะ แสดงความสามารถได้ดีทีเดียว” น้ำเพื่อนสาวคนสนิทคนสุดท้ายของฉันพูดถึงเพื่อนหนุ่มของเราที่เป็นตัวแทนเข้าประกวดเดือนมหาวิทยาลัย “ว่าแต่ใครกันนะจะได้เป็นดาวกับเดือนมหาวิทยาลัยในปีนี้” ฉันพึมพำกับตัวเองพร้อมกับดูการแสดงความสามารถของผู้เข้าประกวดคนอื่นๆ “ทอฝัน ทอฝันได้เป็นดาวแล้ว” เป็นเสียงของหนึ่งที่ส่งเสียงเชียร์เพื่อนร่วมสาขาเราอย่างตื่นเต้นและดีใจดังขึ้น “คนสวยอันดับหนึ่งของสาขา” ฉันประสานมือกับหนึ่งอย่างยินดี ที่เพื่อนของฉันได้เป็นดาวมหาวิทยาลัยในปีนี้ “........ หือ” แรงสะกิดเบาๆที่หัวไหล่ดึงความสนใจของฉันจากการประกวดตรงหน้า ใครกันนะที่สะกิดไหล่ฉัน ฉันหันหลังกลับไปมองคนคนนั้น แต่แล้วก็ต้องหรี่ตามองเพราะแสงไฟจากด้านหลังเวทีส่องเขาที่ดวงตาของฉันพอดีเลยทำให้มองหน้าคนที่สะกิดฉันไม่ชัดนัก และเพราะลำแสงนั้นสาดมาอีกครั้งฉันเลยต้องปิดตาลงเพราะมันจ้ามากจริงๆ “น้อง” ฉันรู้สึกคุ้นเคยเสียงของคนที่เรียกชื่อฉันเอามากๆ เหมือนจะเคยได้ยินเสียงนี้จากที่ไหนมาก่อน มันคุ้นมากเลยจริง ฉันพยายามลืมตาขึ้นอีกครั้งและเริ่มปรับสภาพสายตา ภาพที่ฉันเห็นกลับเป็นรูปดาวบนผืนผ้าสีดำและแจ็คเก็ตยีนสีดำ ฉันเงยหน้าขึ้นมองผ่านลำคอขาวๆของคนคนนั้นและก็พบว่าเขาคือแดน ฉันตกใจจนเผลอก้าวถอยหลังและเกือบจะหล่นจากบริเวณบันไดที่นั่ง และนับว่าฉันยังโชคดีที่เขาคว้าเอวฉันเอาไว้ได้ทันไม่อย่างนั้นฉันคงจะหล่นลงไปกองที่พื้นด้านล่างอีกหลายๆขั้นเป็นแน่ ‘ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก’ ฉันได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นรัวเร็ว คงเพราะอาการตกใจจากเหตุการณ์ตรงหน้า แต่เมื่อได้อยู่ในอ้อมกอดเขาแบบนี้ฉันยิ่งประหม่า หายใจไม่ทั่วท้องไปกันใหญ่ นี่ฉันคงไม่ได้กำลังเขินเขาหรอกใช่ไหม “ขอบคุณนะ” ฉันดันตัวออกจากอ้อมกอดของเขา เขาเองก็ยอมปล่อยฉันแต่โดยดี “ขอโทษด้วย” คิ้วขมวดยุ่งของเขาทำให้ฉันเข้าใจได้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจทำให้ฉันตกใจจริงๆ “ไม่เป็นไร น้องแค่ตกใจน่ะ แล้วนี่แดนมาได้ยังไง เรานั่งกันคนละโซนไม่ใช่หรอ” ฉันถามเขาเมื่อเริ่มกำหนดลมหายใจให้กลับมาเป็นปกติได้อีกครั้ง “มากับเพื่อนน่ะ” เขาชี้นิ้วไปยังเพื่อนๆ ของเขาที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังเพื่อนๆของฉัน “เพื่อนแดนได้เดือนมหาวิทยาลัยด้วยนะ” ฉันชวนเขาคุย ยินดีกับเขาที่เพื่อนของเขาได้เป็นเดือน เพื่อนคนนี้นอกจากหน้าตาดีแล้วยังมีความสามารถด้วย ถึงจะผิดหวังที่ทิวเพื่อนสาขาของเราพลาดโอกาสไปก็เถอะ “ชื่อไอ้นนท์” เขาบอกชื่อเดือนมหาวิทยาลัยหมาดๆ ให้ฉันรู้ “อื้ม” พูดน้อยขนาดนี้ ฉันก็ไม่รู้จะคุยอะไรกับเขาเหมือนกัน “หิวน้ำหรือเปล่า เราว่าจะไปซื้อ” เขาสะกิดถามฉันอีกครั้ง “ไปสิ เดี๋ยวเราไปเป็นเพื่อน” ฉันอาสาไปกับเขา คงเพราะอยากคุยกับเขาให้มากกว่านี้ เขาเดินนำหน้าฉันไปตรงทางออกแล้วเดินผ่านผู้คนไปอย่างรวดเร็วไม่รอฉันสักนิดเลย ฉันต้องพยายามมองหาทางออกเอาเอง คนก็เยอะแออัดจนฉันมองไม่เห็นทาง ความสูงของฉันนี่เป็นอุปสรรคจริงๆ ฉันยืดตัวมองหาทางออกอยู่พักหนึ่งก็มีมือของใครบางคนจับมือฉันและดึงให้ผ่านออกมาได้ “ขอโทษที เคยตัวไปหน่อย ทำอะไรคนเดียวจนชินน่ะ ลืมไปเลยว่าน้องออกมาด้วย” เขาพูดกับฉันหลังจากที่เราผ่านผู้คนที่ยืนออกันอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าได้สำเร็จ “ไม่เป็นไร น้องคงตัวเล็กไปเลยมองไม่เห็นทางออกน่ะ” “อืม ตัวเล็กเกินไปจริงๆ” เขามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสีหน้านิ่งๆ แล้วยังจะมาพูดว่าฉันตัวเล็กอีกอย่างนั้นหรอ “........” นี่เขากำลังหาว่าฉันเตี้ยหรือเปล่านะ ฉันอุตส่าห์เลี่ยงวลีตัวเตี้ยออกไปแล้วนะ “ดื่มอะไรดี” เขาเดินนำฉันมาที่ร้านขายเครื่องดื่ม เลือกหยิบน้ำเปล่ามาสามขวด แล้วยืนรอให้ฉันเลือกเครื่องดื่มอย่างใจเย็น” “เอาน้ำเปล่าก็แล้วกัน” เขาหยิบน้ำเปล่าอีกสามขวดยื่นให้พ่อค้า “เท่าไหร่ครับ” “หกสิบบาทครับ” เขาหยิบเงินแบงก์ร้อยให้พ่อค้าและรอรับเงินทอน ฉันหยิบเงินของตัวเองให้เขาแต่เขากลับส่ายหน้าเป็นคำตอบว่าไม่รับ “อยากกินอะไรหรือเปล่า เอาขนมอะไรไหม” เขาถามฉันก่อนจะเปิดขวดน้ำแล้วยกขึ้นดื่มทีเดียวหมดไปกว่าครึ่งขวด เขาคงจะหิวน้ำจริงๆ “ไม่ดีกว่า ไม่หิวน่ะ” เขาพยักหน้ารับรู้ แล้วยื่นขวดน้ำที่ดื่มแล้วของเขาให้ฉันถือเอาไว้ มืออีกข้างหนึ่งก็หิ้วถุงน้ำดื่มที่เราเพิ่งจะซื้อมา มืออีกข้างก็คว้าจับมือฉันเอาไว้ “งั้นก็กลับเข้างานกันเถอะ” “อื้ม” ฉันพยักหน้าให้เขา จากนั้นเราทั้งคู่ก็เดินเข้างานไป ผมเดินนำน้องฝ่าฝูงชนที่ยืนออกันอยู่ประตูทางเข้างาน ผมให้เธอเดินด้านหลังเพราะไม่อยากให้เธอเดินชนกับผู้คนที่ยืนขวางทางอยู่ คงเพราะเธอตัวเล็กดูบอบบางเกินกว่าจะให้ใครสัมผัสเธอได้ แล้วผมก็พาเธอกลับมานั่งที่เดิมที่ที่เพื่อนของเราปักหลักอยู่ “ขอบใจ กำลังคิดอยู่เลยว่ามึงหายไปไหน” ไอ้เดียวรับน้ำดื่มที่ผมซื้อมาเผื่อทุกคน จัดการยื่นขวดน้ำให้บัดดี้มันขวดหนึ่ง แล้วยื่นขวดน้ำอีกสองขวดให้ไอ้ดิฟ เราไม่ได้สนใจจะคุยกันมากนอกจากดูการแสดงดนตรีข้างหน้าเท่านั้น “.......” น้องสะกิดแขนผม แล้วยื่นขวดน้ำที่ผมฝากเธอไว้ก่อนหน้ากลับคืนมาให้ผม “ดื่มหรือเปล่า” ผมยกขวดน้ำดื่มให้เธอดูก่อนจะพูดเสียงดังแข่งกับเสียงเพลงใกล้ๆ หูเธอ เธอมองหน้าผมและส่ายหน้า แล้วก็หันไปชมการแสดงดนตรีต่อ ผมสะกิดแขนเธอแล้วชี้บอกว่าผมนั่งด้านหลังเธอนะ เธอก็ทำเพียงพยักหน้ารับรู้เท่านั้น เป็นครั้งแรกที่ผู้หญิงไม่สนใจผม ผมรู้สึกแปลกๆ ที่เสน่ห์ของผมเหมือนจะไม่ส่งผลต่อเธอ ทั้งๆที่เวลาผมให้ความสนใจผู้หญิงคนไหนเธอจะตอบสนองด้วยการตามติดผมไปทุกที่ แต่กับน้องบางครั้งเธอก็ทำเหมือนว่าจะชอบผมแต่บางครั้งเธอก็กลับทำเฉยเมยเหมือนอย่างในตอนนี้ ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่ผมนั่งมองเธอเต้นอย่างเพลินตา ผู้หญิงคนนี้เหมือนเด็กที่ทั้งสวยและน่ารักดูเป็นธรรมชาติไม่ประดิษฐ์ให้ตัวเองดูดีตลอดเวลา ผมรู้สึกประทับใจเธอจริงๆ แต่ติดตรงที่ว่าเธอยังโตไม่เต็มที่ ผมบอกตัวเองแบบนั้น ผมต้องรอให้เธอโตมากกว่านี้ก่อน รอให้โตกว่านี้หรอ ผมคงต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ แต่ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ใจผมอยากให้เธอโตมากกว่านี้จริงๆนะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD