หนึ่งปีผ่านไป.......
21.00 น.
หลังจากกิจกรรมรับน้องปีหนึ่งเสร็จสิ้น วันนี้เราจึงมาเลี้ยงรุ่นน้องสาขากันที่วีคลับ ฉันและเพื่อนๆ ปีสองรับผิดชอบกิจกรรมรับน้องทั้งหมด พร้อมทั้งกิจกรรมเลี้ยงน้องและดูแลรุ่นพี่ด้วย เพราะสาขาของเราส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง พวกเราเลยไม่ต้องลำบากมากนัก แค่ประสานงานเรื่องสถานที่จัดการอาหารเครื่องดื่มให้เพียงพอกับจำนวนคนเท่านั้น วันนี้ฉันได้รับหน้าที่ให้ประสานงานเรื่องอาหาร ซึ่งฉันและเพื่อนๆ อีกหลายคนมีหน้าที่ดูแลรุ่นพี่ปีสี่ ซึ่งก็ไม่ได้ลำบากเท่าไหร่เพราะเราแบ่งงานกันแล้วว่าใครจะดูแลเรื่องอะไร ดูแลชั้นปีไหน มีการจัดแบ่งกันไว้แล้วอย่างชัดเจน การดำเนินกิจกรรมเลยราบรื่นไปได้ด้วยดี
“เรื่องอาหารวันนี้ถ้ารุ่นพี่ต้องการอะไรเพิ่มบอกน้องได้นะคะ” ฉันเดินมาดูแลรุ่นพี่ปีสี่ตามหน้าที่
“ดีมากแล้วจ้า วันนี้ก็เหนื่อยกันวันสุดท้ายแล้ว วันนี้ปีสองทำได้ดีมากนะ เยี่ยมไปเลย” พี่ชมพู่รองประธานรุ่นคนสวยชื่นชมพวกเรา
“แต่จะดีมากกว่านี้ ถ้าน้องจัดหนุ่มๆ มาเป็นอาหารตาอาหารใจให้พวกพี่ๆ บ้าง” พี่ลิลลี่ประธานรุ่นปีสี่หนุ่มใจสาวเอ่ยแซวๆ พวกเรา ถ้าเธอไม่พูดคงไม่มีใครมองออกว่าเธอไม่ใช่หญิงแท้ เธอสวยกว่าผู้หญิงแท้หลายๆ คนเลยทีเดียว เพราะสาขาเราส่วนใหญ่มีแต่สาวๆ และหนุ่มๆ ที่มีกว่าครึ่งก็เป็นชายไม่แท้แทบจะทั้งนั้น ผู้ชายจริงๆ มีน้อยจนนับหัวได้เลย
“เอาทิวมาแก้ขัดก่อนได้ไหมคะ อิ อิ อิ” ฉันเอ่ยถึงเดือนสาขาของเรา ถึงแม้ทิวจะไม่ได้ครองตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัย แต่รูปร่างและหน้าตาก็หล่อไม่แพ้เดือนมหาวิทยาลัยเลย เพราะมีสาวๆ ทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องแวะมาขายขนมจีบที่สาขาเราบ่อยๆ
“โอ๊ย เบื่อทิวจะแย่แล้ว อยากเห็นของใหม่ๆ อย่างหนุ่มๆ วิศวะ ได้ข่าวว่าร้านนี้หนุ่มวิศวะมหาลัยเรามากันบ่อยไม่ใช่หรอ” หนุ่มวิศวะที่พี่ลิลลี่เอ่ยถึงที่ฉันพอจะนึกออกก็มีแต่กลุ่มของแดนเท่านั้น คนอื่นฉันไม่แน่ใจหรอกนะว่าจะมีมาหรือเปล่า แล้ววันนี้ฉันก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะมาไหม ฉันไม่ได้โทรบอกเขาว่าสาขาเราจะมาเลี้ยงน้องวันนี้ด้วย
“พี่ๆ ลองมองหากันเองนะคะ วันนี้น่าจะมีหนุ่มวิศวะที่ถูกใจบ้างล่ะคะ ร้านใหญ่ขนาดนี้ แล้ววันนี้ก็วันศุกร์ด้วย คนน่าจะมาเยอะ เลือกกันเองเลยนะคะ ส่วนเรื่องอาหารเครื่องดื่มขาดเหลืออะไรก็บอกน้องได้ค่ะ น้องยินดีบริการพี่ๆ”
“บริกงบริการอะไร พอเลยๆ ไปหาอะไรกิน แล้วก็สนุกกันได้แล้ว ก่อนอื่นไปเอาแก้วมาชนกับรุ่นพี่เลย วันนี้ไม่ได้เลี้ยงแค่พี่กับน้อง ต้องเลี้ยงตัวเองด้วย มาๆ สนุกกัน” พี่ลิลลี่ไล่ฉันให้ไปเอาแก้วเหล้ามาดื่มกับพวกเธอ ฉันที่เป็นน้องจะเลี่ยงได้หรอ ก็รีบเดินไปเอาแก้วที่โต๊ะของตัวเองมาชนกับรุ่นพี่อย่างไวเลยน่ะสิ
“ขออนุญาตชนแก้วนะคะพี่ๆ” ฉันหนีบเอาเพื่อนสาวอย่างนุ่มนิ่มมาด้วยเพราะน้ำกับหนึ่งดูแลพี่ปีสามอยู่อีกโต๊ะนั่นเอง
“มาๆ ชนกับพี่หน่อย หมดแก้วเลยนะ เอ้าชน” พี่ๆ บังคับเราให้ดื่มดื่มให้หมดแก้ว แถมยังชงเหล้าแบบเข้มสุดๆ กะจะมอมน้องๆอย่างเราเลยหรือยังไง ฉันกับนุ่มนิ่มโดนพี่ปีสีโต๊ะนี้มอมไปสามแก้วถึงกับมึนเลยทีเดียว
“แรงมากและก็เข้มมากๆ ด้วย นิ่มว่าถ้ากินอีกสองแก้ว เราอ้วกแน่เลยน้อง” นุ่มนิ่มเดินโซเซกลับมานั่งที่โต๊ะเดิมของเรา
“กินนี่หน่อย ให้มีอะไรในท้องบ้าง ไม่งั้นเมาหนักแน่ๆ” ฉันจิ้มไส้กรอกสองชิ้นป้อนเพื่อนรัก และจิ้มอีกสองชิ้นให้กับตัวเอง
“พี่ปีสามเป็นยังไงมั่ง” ฉันถามหนึ่งกับน้ำที่มีสภาพไม่ต่างจากฉันกับนุ่มนิ่มมากนัก
“โดนไปสองแก้ว เล่นเอามึนเลย นี่ยังไม่สี่ทุ่มเลยนะ ดูปีสองเราสิ บางคนเมาหัวทิ่มไปแล้ว” หนึ่งชี้ให้ดูเพื่อนคนอื่นที่นั่งดื่มกับรุ่นพี่ปีสี่โต๊ะข้างๆ
“แนนกับทิวก็สู้น่าดู เดินชนแก้วกับเค้าไปทุกโต๊ะ” เพื่อนชายที่พอจะพึ่งพาได้ของเราก็ใช้สกิลเทพแห่งการดื่มเดินวนเวียนดูแลพี่น้องสาขาเราไม่หยุดพัก
“ประธานรุ่นก็ต้องทำงานหนักกว่าคนอื่น” น้ำพูดถึงแนนเพื่อนชายทั้งแท่งของเรา ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานรุ่นมีทิวเป็นรองประธานคอยช่วยงานกัน วันนี้ก็ได้ทั้งสองคนวิ่งวุ่นงานวันนี้แทบทุกอย่าง
“ขอพักหน่อย พี่ๆ จัดหนักมาก ถ้าไม่บอกว่าจะไปดูโต๊ะอื่นๆนะ โดนพี่ลิลลี่กักตัวยาวแน่” แนนเดินมานั่งข้างๆ ฉัน แล้วเปิดน้ำดื่มขวดใหม่ขึ้นดื่ม
“ไส้กรอกไหม กินข้าวหรือยัง” ฉันดันจานไส้กรอกให้เพื่อน เขาก็จิ้มพวกมันเข้าปากไปหลายชิ้น
“กินข้าวผัดไปแล้วก่อนเริ่มงาน ไอ้ทิวยังไม่ได้กินข้าว ขานั้นหนักหน่อย พี่วีวี่ปีสามไม่ยอมปล่อยมันเลย เรารีบชิ่งมาก่อนไม่อยากโดนลวนลาม” แนนทำท่ากอดตัวเองประกอบคำบอกเล่า พวกเราขำกับท่าทางแอคติ้งเกินจริงของเขามาก
“ทิ้งกูเลยนะมึงไอ้แนน” ทิวที่รอดพ้นจากเนื้อมือพี่วีวี่ เดินเข้ามาสมทบกับพวกเรา
“กูก็ต้องเอาตัวเองให้รอดก่อนเหมือนกัน” แนนหยิบขวดน้ำเปล่าขวดใหม่ส่งให้เพื่อน
“กินอะไรหรือยังทิว” หนึ่งถามเพื่อนที่เพิ่งเดินมาใหม่
“แอบไปกินข้าวผัดมาแล้ว ไม่งั้นเมาอ้วกตั้งแต่สามทุ่มแล้ว พี่ๆ ส่งแต่ของแรงให้ สาวๆ สาขานี้ทำไมดื่มเก่งกันจังวะ” ทิวนั่งบ่นพี่สาขาของตัวเอง เพราะเขาถูกขอให้นั่งดื่มกับรุ่นพี่แทบทุกโต๊ะนั่นเอง
“เดี๋ยวเราไปก่อน ไปดูไอ้ตามหน่อย ไม่รู้เมาหรือยัง เห็นพี่ลิลลี่เรียกมันไปนั่งด้วย” แนนพูดจบก็เดินไปตามหาเพื่อนสาขาหนุ่มอีกคนของเราที่ยืนอยู่ที่โต๊ะของพี่ลิลลี่ ทิวก็เดินตามเขาไปด้วย
“น่าเห็นใจหนุ่มๆ สาขาเรานะ ต้องคอยเอ็นเตอร์เทนรุ่นพี่สาวๆ น่ะ อิ อิ อิ” ฉันยิ้มขำกับเพื่อนๆ อย่างสงสารในชะตาชีวิตของเพื่อนชายของพวกเรา
“พวกเราก็มาชนแก้วบางดีกว่านะ สนุกกันซะหน่อย” หนึ่งพูดพร้อมกับชูแก้วของตัวเองขึ้นพวกเราเองก็พร้อมใจกันยกแก้วของตัวเองขึ้นชนเช่นกัน จากนั้นก็ดื่มจนหมดแก้ว เมื่อแอลกอฮอล์ที่สะสมในร่างกายเริ่มออกฤทธิ์ พวกเราก็ไปเต้นรวมกับกลุ่มพี่น้องและเพื่อนๆ ร่วมสาขาอย่างสนุกสนาน เมื่อรู้สึกว่าร้อนจนเหงื่อเริ่มออกฉันเลยขอตัวกลับมานั่งที่โต๊ะ
“เมาหรือเปล่าเนี่ย” เสียงของผู้ชายที่พักนี้ทำฉันใจเต้นแรงดังอยู่ข้างหู เพราะเสียงดนตรีที่ดังมากเลยทำให้ได้ยินไม่ค่อยชัดเจนนัก ฉันเลยหันกลับไปมองทางต้นเสียงที่ได้ยินนั้น”
“อุ๊ย!” คงเพราะมึนๆ จากจำนวนแอลกอฮอล์ที่เอาเข้าสู่ร่างกายตั้งแต่ช่วงหัวค่ำของวันเลยทำให้ฉันเซเสียหลักเล็กน้อย
“ไม่เมานี่” เขายิ้มให้ฉัน เป็นเขาที่ประคองฉันไว้เมื่อเห็นว่าฉันเซเสียหลักจะล้ม ใบหน้าของเราทั้งคู่จึงใกล้กันมากจนแทบจะชนกันอยู่แล้ว
“แค่มึนๆ น่ะ ขอบคุณที่ช่วยนะ แต่ตอนนี้ปล่อยได้แล้ว” ฉันเขินหน้าแดง แต่เขาคงจะคิดว่ามันแดงจากแอลกอฮอล์ที่ฉันดื่มเข้าไปมากกว่าจะเขินเขา
“จะมาเลี้ยงน้องสาขาก็น่าจะบอกเรานะ จะได้ขับรถมาให้” เขายังคงอาสารับส่งฉันเหมือนทุกครั้งโดยเฉพาะเวลาที่ฉันจะต้องมาคลับหรือร้านอาหารที่เป็นงานเลี้ยงสังสรรค์เขาจะมารับมาส่งทุกครั้ง เป็นมาตลอดตั้งแต่ตอนปีหนึ่งจนถึงตอนนี้เขาก็ยังทำแบบนั้น เหมือนเพื่อนๆ ของเขาที่มารับส่งเพื่อนๆ ของฉัน เรามีบัดดี้เป็นเพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกัน ถ้าเพื่อนคนหนึ่งรู้ก็เท่ากับรู้ทั้งหมด และก็เป็นแบบนี้จนเราเริ่มชินกับมันแล้ว
“พอดีมากับกลุ่มเพื่อนๆ น่ะ รีบมาเตรียมสถานที่ด้วย วุ่นๆ เลยไม่ได้บอก ไม่ว่ากันนะ” และก็เป็นฉันเองที่กังวลว่าเขาจะไม่พอใจที่ฉันไม่ได้บอกเขาว่าจะไปไหนทำอะไร
“ไม่เป็นไร คราวหลังก็บอกกันหน่อย วันนี้เดี๋ยวเรารอรับกลับเลย ไม่ต้องกลับพร้อมเพื่อน” พูดจบเขาก็เดินไปไม่รอฟังคำตอบรับหรือปฏิเสธจากฉันสักคำ หนึ่งปีที่รู้จักกันมานอกจากเรื่องเจ้าชู้ยืนหนึ่งของกลุ่มเขาแล้ว เขายังมีนิสัยเอาแต่ใจที่หนึ่งด้วย