หลังจากยืนให้เจ้านายคนใหม่สั่งสอนอยู่นานเจ้านายคนเก่าอย่างภพพินิจก็ได้ไล่ให้พิมพิกาออกจากห้องทำงานมาเก็บสัมภาระเพื่อที่จะได้ย้ายไปประจำตำแหน่งที่หน้าห้องเจ้านายคนใหม่
“คนอะไร เผด็จการที่สุด” และทันทีที่หลุดพ้นออกมาจากห้องทำงานของผู้เป็นนายพิมพิกาก็ระบายอารมณ์ออกมาด้วยความอัดอั้นเธอเดินกระทืบเท้ามาที่โต๊ะทำงานลงมือเก็บของด้วยท่าทีขึงขังจนอรปรียาที่แอบมองอยู่ถึงกับขมวดคิ้วมุ่นด้วยความฉงน
“เก็บของไปไหนอะพิม” เมื่อเห็นว่าเพื่อนเก็บของใส่ลัง อรปรียาก็อดถามออกมาด้วยความสงสัยไม่ได้
“ไปทำงานกับเจ้านายคนใหม่นะสิ” หญิงสาวทำหน้าซังกะตาย เธอไม่อยากไปทำงานกับไอ้คุณพายงพายัพอะไรนั่นเลย ปากก็ร้าย แถมยังเผด็จการเป็นที่สุด คำพูดของเขายังก้องชัดอยู่ในหู ไหนจะสายตาของเขาที่มองมายังเธอทำพิมพิกาขนหัวลุกไม่หาย
“แล้วทำไมทำหน้าอย่างนั้น ทำอย่างกับไม่อยากไปทำงานกับเขานั่นแหละ”
“ก็ไม่ไปอยากไง” พิมพิกาตอบกลับทันควันแทบไม่ต้องคิดอะไร มาวันแรกก็เล่นเธอขนาดนี้แล้ว แล้วคิดดูสิเธอต้องไปทำงานร่วมกับเขาเชียวนะเธอจะมีชีวิตรอดกลับบ้านไหม แค่คิดพิมพิกาก็อยากจะกัดลิ้นตาย ทำไมเธอต้องมาเจอเจ้านายปากร้าย ปากจัดอย่างคุณพายัพนั่นด้วย
“ทำไมอ่า เราว่าทำงานกับเขาดีจะตาย เขาเป็นอาหารตาชั้นเลิศเชียวนะ” อรปรียาดาว่าพลางทำหน้าเพ้อฝัน พิมพิกาที่เห็นดังนั้นก็ถึงขั้นเบะปากกลอกตามองบนรัว ๆ
ไอ้หล่อมันก็หล่ออยู่หรอก แต่ปากหมามากก็ไม่ไหว
“หล่อแต่ปากหมานะสิ” พิมพิกาพึมพำเสียงแผ่ว
“แกว่าอะไรนะพิม” อรปรียาที่ได้ยินไม่ชัดจึงเอ่ยปากถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
“ไม่มีอะไร” หญิงสาวตอบปัดอย่างไม่ใส่ใจ
“ทำไมแกถึงไม่อยากทำงานกับเขาขนาดนั้นเนี่ยพิม” เห็นท่าทางที่เหมือนคนหมดอาลัยตายอยากของเพื่อน อรปรียาจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เฮ้อ” พิมพิกาถึงขั้นถอนหายใจละมือจากสิ่งที่ทำทิ้งตัวนั่งลงเก้าอี้อย่างคนหมดแรง “ฉันไม่ชอบเขาเลยอะ”
“ใคร”
“ก็เจ้านายคนใหม่ไงแกรู้ไหมว่าเขาน่ะด่าฉันฉอด ๆ หาว่าฉันเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบ จะไล่ฉันออกจากที่ทำงานด้วยนะ บ้ารึเปล่า คิดได้ยังไง” พิมพิกาพูดออกมาด้วยความอัดอั้นจนลืมมองหน้าเพื่อนสนิทที่กำลังทำหน้าเลิ่กลั่กราวกับคนเห็นผี
“เอ่อ ออ” อรปรียาพยายามส่งสายตาบอกพิมพิกาให้หันไปมองทางด้านหลังที่ตอนนี้กำลังมีใครบางคนยืนกอดอกฟังในสิ่งที่เธอกำลังพูดอยู่ด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“มาวันแรกฉันยังโดนขนาดนี้ แล้วแกคิดดูสิว่าฉันต้องทำงานกับเขาทุกวันฉันจะโดนขนาดไหน มีหวังฉันคงได้กัดลิ้นตัวเองตายแน่ ๆ”
“งั้นช่วยกัดให้ฉันดูหน่อยสิ”
“เฮ้ย” พิมพิการ้องออกมาด้วยความตกใจก่อนจะลุกพรวดพราดออกจากเก้าอี้ขึ้นมายืนตัวตรงเมื่อจู่ ๆ ก็มีเสียงทุ้มของใครบางคนกระซิบลงที่หูของเธอ “เอ่อ อ” พิมพิกาหน้าเหวออย่างคนทำอะไรไม่ถูกเมื่อหันมาเจอพายัพกำลังตีหน้านิ่งจ้องมองเธอด้วยแววตาเขม็งอยู่
“ไง ช่วยกัดลิ้นตัวเองจนตายให้ฉันดูหน่อยสิ ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าคนที่ตายเพราะกัดลิ้นตัวเองสภาพจะเป็นยังไง” พายัพว่าอย่างเย้าแหย่แต่ถ้าตั้งใจฟังดี ๆ จะรู้ว่าประโยคของเขามันเต็มไปด้วยความแดกดัน
“ดิฉันขอโทษค่ะ” พิมพิกาละล่ำละลักขอโทษพายัพด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ ก้มหน้าหลบสายตาคบกริบของเขาที่มองมาด้วยความหวาดหวั่น สายตาของเขามันดูน่ากลัวเกินกว่าเธอจะสบมอง ดวงตาสีดำทมิฬของเขาที่เพียงมองมาก็ทำเธอสั่นสะท้านไปทั้งร่างด้วยความหวาดกลัว
“ฉันควรลงโทษยังไงกับพนักงานที่นินทาเจ้านายดี” พายัพว่าอย่างขบขันพลางใช้นิ้วเคาะไปกับโต๊ะทำงานราวกับคนใช้ความคิด
“ดิฉันไม่ได้ตั้งใจ” ใครบอกกัน เธอตั้งใจ และตั้งใจมากด้วยกำลังจะด่าเขามากกว่านั้นอยู่แล้วเชียวแต่เขาดันโผล่หัวออกมาซะก่อน
“เธอไม่ได้ไม่ตั้งใจหรอก เธอแค่ไม่มีมารยาท” พิมพิกาที่ได้ยินอย่างดังนั้นก็อ้าปากพะงาบ พะงาบ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครสักคนมาว่าเธอแบบนี้เลย และแน่นอนว่าคำพูดของพายัพทำพิมพิกาโกรธจนตัวสั่นแต่ทว่าเธอกลับไม่มีสิทธิ์ทำอะไรเขาได้
เพราะเขาอยู่ในฐานะเจ้านาย ในขณะที่เธอเป็นเพียงลูกน้องกินเงินเดือนก็เท่านั้น
“ว่าไง จะกัดลิ้นตัวเองให้ฉันดูไหม”
“……….” พิมพิกานิ่งเงียบเธอกำหมัดเข้าหากันแน่นอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ในขณะที่ตัวพายัพเองเมื่อเห็นพิมพิกานิ่งเฉยก็สาวเท้าเข้ามาใกล้เธอมากขึ้น
พิมพิกาเบิกตาโพลงเมื่อจู่ ๆ พายัพก็โน้มตัวลงมาหาเธอเพื่อกระซิบประโยคบางอย่างให้เราได้ยินกันแค่สองคน
“ถ้าทำไม่ได้อย่างที่พูดก็อย่าน้ำลาย เพราะไม่เช่นนั้นจะเป็นเธอนั่นแหละที่โดนฉันกัดลิ้นจนตายซะเอง”