บทที่ 1 รางวัลแด่คนดีคือพรวิเศษหนึ่งประการ

2203 Words
***นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นจากจินตนาการผู้แต่ง ตัวละคร สถานที่ และเนื้อหาทุกอย่างถูกสร้างขึ้น ไม่มีอยู่จริงแต่อย่างใดโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน*** หนุ่มน้อยหน้าตาหมดจดในอาภรณ์สีฟ้าอ่อนเอนกายลงนอนเล่นอย่างเป็นสุขบนตั่งไม้ใต้ต้นไผ่ ท่ามกลางบรรยากาศแห่งธรรมชาติที่บรรเลงบทเพลงแห่งผืนป่าด้วยเสียงนกร้อง ธารน้ำไหล เคล้าคลอไปกับเสียงต้นไผ่ที่เสียดสีไปตามสายลมอย่างอ้อยอิ่งจนเกิดเป็นท่วงทำนองอันไพเราะเสนาะหู ทุกวันหลังจากเสร็จงานที่ทำแล้ว หยางจิวเมิ่งจะพาตนเองมาพักผ่อน ณ บริเวณนี้ เพราะที่นี่ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายยิ่งนัก หยางจิวเมิ่งเป็นหนุ่มน้อยในวัยสิบเจ็ดหนาว แม้จะเป็นชายแต่กลับมีใบหน้าหมดจดงดงามราวสวรรค์สร้าง รูปร่างสูงโปร่งบอบบางราวกิ่งหลิวลู่ลมจนบางครั้งก็ดูน่าทะนุถนอมราวสตรีเพศ แม้จะมีรูปโฉมอันงดงามหมดจด แต่ทว่าสิ่งที่ทรงเสน่ห์ที่สุดของเจ้าตัวนั้นคงเป็นรอยยิ้มที่ผู้ใดได้ยลก็ล้วนต้องประทับใจ แม้จะเกิดในครอบครัวที่ไม่ร่ำรวยเท่าใดนักทั้งยังโชคร้ายที่ต้องเสียมารดาไปตั้งแต่ยังเล็ก แต่เขาก็ยังคงความสุภาพ อ่อนน้อม และเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตาต่อทุกสรรพสิ่ง บิดาของเขาคือ หยางจิวซือ ผู้ช่วยนายอำเภอในเมืองเล็กๆ อย่างอี้โจว เมื่อมารดาของเขาต้องเสียชีวิตไปตั้งแต่เขาอายุยังไม่ถึงสามขวบดี หลังเสียภรรยาไปได้เพียงไม่นาน หยางจิวซือด้วยกลัวว่าลูกชายคนเดียวจะไม่มีคนเลี้ยงดูสั่งสอน จึงแต่งภรรยาใหม่เข้ามาเพื่อให้นางมาเป็นฮูหยินของบ้านหยาง ด้วยหวังจะให้ช่วยดูแลบ้านช่องและลูกชาย ฮูหยินหยางคนใหม่ผู้นี้เป็นสตรีลูกพ่อค้าร้านผ้าในเมืองนามว่า ฝูเยว่ฉี ผู้เป็นสหายเก่าของหยางจิวซือมาตั้งแต่วัยเยาว์ นางแต่งงานกับหยางจิวซือได้ไม่นานก็ให้กำเนิดน้องชายต่างมารดาแก่หยางจิวเมิ่งอย่าง หยางจิวหู และ หยางจิวชี่ เด็กสองคนที่เกิดหลังจากเขาห้าปีและหกปี แม้ว่าทั้งสองจะไม่ใช่พี่น้องที่เกิดจากมารดาเดียวกัน แต่หยางจิวเมิ่งก็ไม่เคยคิดรังเกียจทั้งยังรักน้องชายทั้งสองเป็นอย่างมาก ฮูหยินหยางผู้เป็นแม่เลี้ยงนั้น แม้นางจะเลี้ยงดูเขามาเป็นอย่างดี แต่ระหว่างนางและหยางจิวเมิ่งกลับมีกำแพงบางอย่างขวางกั้นอยู่ เหตุเพราะหยางจิวเมิ่งนั้นหน้าตาเหมือนผู้เป็นมารดายิ่งนัก จึงทำให้ฝูเยว่ฉีเกลียดชังเขาหนักหนา มารดาของหยางจิวเมิ่งนั้นเคยเป็นสหายที่สนิทกับนางมากๆ มาก่อน นางทั้งสองและหยางจิวซือนั้นล้วนเป็นสหายที่รักใคร่กลมเกลียวกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ พวกเขาเติบโตด้วยกันและสนิทสนมกันมาตลอด แต่เพราะสองสตรีล้วนพึงใจในบุรุษคนเดียวกัน จึงทำให้มิตรภาพของพวกนางทั้งสองต้องขาดสะบั้นลง  สุดท้ายหยางจิวซือเลือกมารดาของหยางจิวเมิ่งเป็นภรรยา ทำให้ฝูเยว่ฉีเสียใจและผิดหวังอย่างมากจนตัดขาดความสัมพันธ์กับทั้งสองไปหลายปี จนเมื่อมารดาของหยางจิวเมิ่งตายจากไป หยางจิวซือจึงคิดแต่งภรรยาใหม่และเลือกสหายเก่าเช่นนางมาช่วยดูแลบ้านและลูกชาย จึงทำให้ฝูเยว่ฉีได้แต่งงานกับชายที่นางแอบหมายปองมาตลอดสมใจ แต่ก็กลับมีหยางจิวเมิ่งที่เหมือนเป็นตัวแทนความรักของทั้งสองคนทิ้งเอาไว้ให้นางต้องเลี้ยงดู จึงทำให้นางรู้สึกราวกับว่าเด็กคนนี้เป็นดังสิ่งที่เพื่อนทรยศของนางทิ้งเอาไว้ให้ดูต่างหน้า แต่กระนั้นในฐานะแม่เลี้ยงนางก็ยังคงดูแลเลี้ยงดูหยางจิวเมิ่งตามหน้าที่ แม้นางจะเย็นชาและใจร้ายกับเขายามที่ท่านพ่อเขาไม่อยู่บ้าน หยางจิวเมิ่งก็ยังคงอดทนเพราะรู้ดีถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้ที่ทำให้นางไม่ชอบตนเอง หยางจิวเมิ่งพยายามจะเป็นลูกที่ดีไม่ก่อเรื่องให้บิดาและแม่เลี้ยงทุกข์ใจ จึงยอมอดทนให้นางได้ระบายอารมณ์ แม้นางจะไม่ถึงกับทุบตีเขา แต่งานหลายอย่างในบ้านหยางจิวเมิ่งล้วนต้องเป็นคนดูแลจัดการตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดขวบ ในฐานะพี่คนโตเขาจำต้องเสียสละทุกสิ่งที่เป็นของดีๆ ให้แก่น้องๆ ของเขาทั้งหมด ส่วนเขานั้นมักจะได้เพียงสิ่งของที่น้องๆ เขาไม่ต้องการแล้วเท่านั้น หยางจิวเมิ่งเป็นเด็กจิตใจดี มีเมตตา ทั้งยังเรียบร้อยน่ารักจนผู้ใหญ่หลายคนให้ความเอ็นดู  ต่างจากน้องชายทั้งสองยิ่งนัก ลูกชายของฝูเยว่ฉีนั้นเป็นเด็กซุกซนเกเรจนผู้คนละแวกนั้นเอือมระอา แม้จะถูกคนเป็นแม่อบรมสั่งสอนเท่าใดเด็กสองคนนี้ก็ยังซุกซนอย่างมาก หาได้มีความน่ารักน่าเอ็นดูได้สักครึ่งของหยางจิวเมิ่งผู้เรียบร้อย เหตุนี้จึงยิ่งทำให้นางมิใคร่ชอบใจในตัวลูกเลี้ยงอย่างหยางจิวเมิ่งเท่าใดนัก ที่เด็กคนนี้กลับเป็นที่รักจากผู้คนละแวกนั้นมากกว่าลูกของนาง แม้บิดาเขาจะเป็นถึงผู้ช่วยนายอำเภอแต่มันก็เป็นเพียงตำแหน่งขุนนางเล็กๆ ดังนั้นครอบครัวของเขาจึงไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไร บ้านสกุลหยางนี้มีเพียงบ่าวไพร่พอให้ใช้สอยได้ไม่กี่คน มีท่านป้าสามที่เป็นคนคอยช่วยดูแลบ้าน และมีบ่าวอีกคนซึ่งเป็นหลานชายของนางที่มีหน้าที่หลักคือคอยติดตามท่านพ่อเขา   ดังนั้นงานหลายอย่างในบ้านจิวเมิ่งจึงต้องรับภาระดูแลจัดการเพราะเป็นพี่คนโต เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของแม่เลี้ยงและบิดาของตน หลังเสร็จจากงานที่ได้รับมอบหมายเขามักมายังป่าไผ่แห่งนี้เพื่อพักผ่อน ชมธรรมชาติเพราะที่นี่อากาศเย็นสบายมาก คนขี้ร้อนเช่นเขาจึงโปรดปรานเป็นพิเศษ ขณะที่หยางจิวเมิ่งกำลังนอนเล่นทอดอารมณ์ชมธรรมชาติของป่าไผ่เช่นทุกวัน จู่ๆ ก็มีหงส์ตัวหนึ่งบินถลาตกลงมาจากฟ้าจนได้รับบาดเจ็บต่อหน้าเขา ร่างบางลุกขึ้นไปดูอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ เมื่อเห็นอาการบาดเจ็บของมันยิ่งทำให้เขาสงสารมันอย่างมาก จึงช่วยเหลือดูแลหงส์ตัวนั้นด้วยความเมตตา ใครจะรู้ว่าการช่วยหงส์ตัวนี้จะทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล "น่าสงสารนักเจ้าหงส์น้อย ไยเจ้าบาดเจ็บถึงเพียงนี้ ข้าจะช่วยเจ้าอย่างไรดี"ใบหน้าหวานเอียงคอมองหงส์ตรงหน้าไปมาอย่างพินิจก่อนตัดสินใจค่อยๆ อุ้มมันขึ้นมาอย่างเบามือ ร่างบางอุ้มหงส์บาดเจ็บขึ้นสำรวจดูจึงเห็นว่าปีกของมันมีบาดแผล เขาไม่รู้จะทำเช่นไรดีจึงได้นำผ้าเช็ดหน้าของตนชุบน้ำซับเลือดให้มันอย่างระวังและฉีกเศษผ้าออกมาพันปิดบาดแผลไว้ หงส์นั้นก็ดูเชื่องราวกับเชื่อใจเขายอมให้จับต้องแต่โดยดี เด็กหนุ่มหาน้ำ หาผลไม้มาป้อนให้ดูแลมันอย่างดีจนมีแรง เพียงไม่นานเจ้าหงส์ตรงหน้าถลาบินร่อนขึ้นกลางอากาศต่อหน้าเขา เด็กหนุ่มยิ้มดีใจที่สามารถช่วยมันจนดีขึ้นได้ แต่หยางจิวเมิ่งดีใจได้เพียงครู่รอยยิ้มน้อยๆ ก็พลันหายไปพร้อมกับหงส์ตรงหน้าที่มีแสงสว่างวาบขึ้นก่อนกลายร่างเป็นชายแก่สูงอายุแต่งกายด้วยอาภรณ์งดงามคนหนึ่งต่อหน้าต่อตาเขา ร่างบางได้แต่มองอย่างตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า "เจ้าเป็นคนดีมากพ่อหนุ่มขอบใจที่ช่วยเหลือข้าไว้" "ข้าจะตอบแทนเจ้าด้วยพรวิเศษหนึ่งข้อ เจ้าสามารถขอได้ทุกสิ่งที่เจ้าปรารถนา" เด็กหนุ่มที่ได้แต่นิ่งอึ้งและยังคงตกใจกับภาพตรงหน้า หงส์ที่เขาช่วยไว้กลายร่างเป็นคนได้และกำลังจะมอบพรวิเศษให้เขาเป็นรางวัล "เจ้าอยากได้สิ่งใด" "เอ่อข้าไม่.." "อย่าเพิ่งปฏิเสธเลย จงขอพรมาเถิด เจ้าเป็นคนดีข้าจะมอบสิ่งที่เจ้าต้องการให้จากนี้เจ้าจะได้มีความสุข อึก" เซียนเฒ่าเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเปล่งแปลกๆ แม้คนตรงหน้าดูเป็นผู้ชราแต่ใบหน้าขาวกลับเปล่งปลั่งแก้มของข้างเป็นสีชมพูระเรื่อ "เช่นนั้นข้าขอให้พบเจอคู่ชีวิตที่ดี และ มีลูกด้วยกันสร้างครอบครัวที่อบอุ่นเป็นของตัวเอง" หยางจิวเมิ่งขอพรเช่นนี้เพราะคิดมาเสมอว่าสักวันหนึ่งอยากสร้างครอบครัวที่อบอุ่นของตนเองบ้าง เขาอยากมีลูกเป็นของตนเองเลี้ยงดูลูกให้ดีและมีความสุขมากกว่าตนเองที่ต้องโตอย่างโดดเดี่ยวอ้างว้างในครอบครัวใหญ่ ครอบครัวที่มีท่านพ่อและแม่เลี้ยงอีกทั้งน้องชายสองคนรวมทั้งเขา ผู้คนภายนอกมองดูแล้วแสนอบอุ่นที่มีกันมากมายพร้อมหน้า แต่จิวเมิ่งกลับรู้สึกว่ามันช่างอ้างว้างเหมือนอยู่ลำพังเสมอ เพราะท่านพ่อแม้จะรักเขาหนักหนาแต่ก็ไม่ค่อยจะมีเวลาให้ เขามักทุ่มเททำงานอย่างหนักเพื่อประชาชน ให้สมกับเงินเดือนเบี้ยหวัดที่ได้รับจากทางราชการ เงินเดือนที่มาจากภาษีของประชาชนด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและไม่เคยละเลยต่อหน้าที่ เวลาส่วนมากจึงหมดไปกับการทำงานเพื่อผู้อื่นและเพื่อประชาชนที่ทุกข์ยาก บิดาเขาจึงไม่ค่อยมีเวลามาดูแลเขามากนัก ข้อนี้แม้จิวเมิ่งจะเข้าใจได้ดีแต่เขาก็แอบรู้สึกเหงาและอ้างว้างอยู่ลึกๆ ในใจ เพราะนอกจากบิดาแล้วในบ้านล้วนไม่มีใครสนใจความรู้สึกเขาแม้แต่น้อย สำหรับแม่เลี้ยงนั้นในสายตาของนางหยางจิวเมิ่งรู้สึกราวว่านางเห็นเขาเป็นดังส่วนเกินในครอบครัวเสมอ  แม้เขาจะรักและเคารพนางดุจมารดาแท้ๆ แต่นางก็กลับเย็นชาและใจร้ายกับเขาจนแทบจะมิได้เคยพูดคุยกันดีๆ เท่าใดนัก นอกเสียจากเรียกมาดุด่าเพื่ออบรมอย่างเข้มงวด หยางจิวเมิ่งเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งที่เติบโตขึ้นมาอย่างโหยหาความรักความเมตตาจากมารดา แม้จะรู้เต็มอกว่านางเป็นเพียงมารดาเลี้ยง แต่เขาก็เพียงอยากได้รับการยอมรับจากคนที่เลี้ยงดู แม้แต่น้องชายทั้งสองของเขาที่เขารักเอ็นดูเช่นน้องเสมอ แต่เด็กสองคนนั้นกลับไม่ชอบหน้าเขาสักเท่าไหร่นัก ด้วยวัยที่ต่างกันและเพราะแม่เลี้ยงไม่ชอบให้เขาอยู่ใกล้ลูกๆ ของนาง ความเป็นพี่น้องของพวกเขาจึงค่อนข้างห่างเหิน ส่วนมากจะต่างคนต่างอยู่ในที่ของตนเอง หยางจิวเมิ่งจึงมักรู้สึกเหงาอยู่ลึกๆ แม้จะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย "ง่ายๆ เช่นนั้นเองหรือ งั้นข้าจะให้ตามที่เจ้าปรารถนา เจ้าทั้งสองจะมีลูกด้วยกันมีครอบครัวที่อบอุ่นสุขสันต์เช่นที่เจ้าต้องการ" ชายชราผู้นั้นกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มยินดี เขาทำท่าทางเหมือนคำนวณบางอย่างก่อนที่จะโบกพัดใส่ร่างบางพร้อมแสงเรืองรองสีทองที่สว่างจ้า วาบผ่านลำตัวของเด็กหนุ่มไป รอบกายของจิวเมิ่งเวลานี้มีแต่แสงสว่างเจิดจ้าไปทั่วจนเขาไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้ เด็กหนุ่มหลับตาปี๋ด้วยความแสบตาเพียงครู่รอบกายเขาก็กลับมาเป็นเช่นเดิม เสียงใบไม้ไหวและลำไผ่เสียดสีกันดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเสียงนกน้อยที่เจื้อยแจ้วเช่นที่เคยเป็นมา หงส์ตัวนั้นหรือท่านเซียนเฒ่าผู้นั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวราวกับไม่เคยมีอันใดเกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้ เด็กหนุ่มได้แต่งุนงงสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้น นี่ตกลงเขาฝันไปหรือไม่กันแน่ เรื่องราวเมื่อครู่ผ่านมาและผ่านไปอย่างรวดเร็วอย่างไร้ร่องรอยจนเขารู้สึกสับสนขึ้นมาแล้วจริงๆ สิ่งที่หยางจิวเมิ่งยังไม่รู้อีกเรื่องคือหงส์ที่กลายร่างเป็นเซียนเฒ่านั้น แท้จริงท่านเซียนผู้นี้เพิ่งไปงานเลี้ยงบนสวรรค์เก้าชั้นฟ้าเกิดดื่มหนักมากไปจนเมา สุดท้ายบินกลับตำหนักสวรรค์ของตนเองไม่ไหวจึงเสียหลักถลาลงมาจากฟ้า ได้รับบาดเจ็บต่อหน้าเขา แต่เพราะท่านเซียนนั้นยังเมาค้างพรที่ให้จึงได้อลวนวุ่นวาย และกำลังจะสร้างความเดือดร้อนให้แก่เด็กน้อยใจดีเช่นหยางจิวเมิ่งโดยที่เขาไม่รู้ตัว TBC. #พรวิเศษ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD