Episode 1 วีรกรรม
‘ เพล้ง ! ’
“ แม่ ชบาทำจานแตกอีกแล้วค่ะ ” บานชื่นคนเป็นพี่สาวที่เกิดมาเพรียบพร้อมหน้าตาน่ารัก นิสัยอ่อนโยน เรียนเก่ง เธอตะโกนเสียงดัง
“ พี่ชื่นไม่ๆ ชบาไม่ได้ทำ พี่อะขี้ฟ้อง ” ชบาแก้วผู้เป็นน้องสาวที่เกิดมาพร้อมกับความแก่นเซี้ยว ห้าวหาญ แต่จัดอยู่ในหมวดน่าตาดีคนหนึ่งเช่นกัน เธอย่นจมูกใส่คนเป็นพี่สาว
“ ชบา! แม่บอกแล้วไงว่าห้ามมายุ่งกับของในห้องครัว หยิบจับอะไรก็ตกแตกหมด แล้วนี่จานใบนี้ยายให้มาตอนแม่ขึ้นบ้านใหม่นะ ” ชมพูดุลูกสาวคนเล็ก
ชมพูผู้เป็นแม่ของชบาและเป็นเเม่เลี้ยงของบานชื่น ที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย แต่ชมพูก็รักลูกเท่ากัน
“ หนูก็แค่อยากช่วยล้างจานพี่ชื่นเอง แต่มันลื่นหลุดมือไปเองนะคะ ” ชบาแก้วพูดแล้วทำตากระพริบๆ ไปทางอ้อนผู้เป็นแม่
“ เฮ้อ แม่ล่ะเบื่อหน่ายแกจริงๆเลยชบา ไปๆ จะไปเล่นที่ไหนก็ไปๆ ”
ด้วยความแก่นเหมือนเด็กผู้ชาย แม่เลยไม่ชอบให้เธอหยิบจับอะไรที่เป็นของแพงๆ แต่จริงๆมันเป็นความแสบของเธอที่อยากรู้อยากเห็นด้วยแหละ
“ พุด ยัยพุดแกอยู่บ้านป่ะ ” ชบาแก้วเดินมาหาเพื่อนสาวที่อยู่ซอยสาม เธอยืนตะโกนโวกเวกอยู่ที่หน้ารั้ว
“ ยัยพุดไปบ้านบัว ” น้ำเสียงห้วนดังขึ้นที่ประตู พร้อมกับคนตัวสูง ที่เธอแอบมองเขาอยู่บ่อยๆ มองตั้งแต่ตอนเรียนมัธยมต้น แต่ตอนนี้เธอเรียน ม.4 และเขานั้นอยู่ ม.6
ชบาแก้วเธอชอบมาบ้านของดอกพุดมาก เพราะมาแอบดูพี่ดอกรักที่เป็นพี่ชายของเพื่อนสนิท ในกลุ่มของเธอ เพื่อนสองคนรู้ว่าเธอแอบชอบพี่ดอกรักมานานแล้วด้วย
“ อ๋อ… แล้วพี่รักจะไปซ้อมมวยตอนไหนคะ ”
“ อีกสักพัก จะไปอีกเหรอ? ” เขาถามกลับมาพร้อมกับเอามือเสยผมขึ้น มันน่ามองมาก เธอมองเขาด้วยสายตาเพ้อฝัน
“ ไปๆ ชบาอยากไปด้วย ”
“ ขอแม่ยัง เดี๋ยวน้าชมพูก็พาไม้เรียวไปตีอีกหรอก ” เขารู้ดีเพราะทันทุกสถานการณ์ เธอชอบหมกตัวอยู่ที่ค่ายมวยลุงบูมเป็นประจำ
เป็นค่ายมวยใหญ่สุด ในอำเภอของเธอและยังอยู่ในหมู่บ้านเธออีกด้วย
เจ้าของค่ายก็คือลุงบูม ซึ่งพี่ชายของพ่อเธอเอง แต่แม่ไม่ชอบให้เธอไปที่นั้น เพราะผู้ชายเยอะ และไม่ชอบให้เธอยุ่งกับเรื่องใช้แรง หรือความรุนแรง ต่อยตีอะไรนี้ ให้เหตุผลว่าเป็นผู้หญิงต้องเป็นกุลสตรีเท่านั้นเหมือนอย่างพี่สาวคนเดียวของเธอนั่นแหละ
แต่สำหรับเธอมันน่าเบื่อมาก ต้องอยู่แต่บ้าน พับดอกไม้ เย็บปักถักร้อย เข้าครัวทุกวัน ทำตัวเป็นแม่ศรีเรือนอะไรนั้น น่าเบื่อ
“ บอกแล้ว ”
เขาส่ายหน้าแล้วลงมาเปิดประตูรั้วให้เธอ
“ พี่รักสอนท่ามวยให้ชบาอีกนะ ” เธอพูดขึ้น
“ ฉันคิดว่าไม่ต้องแล้วแหละ เรื่องนี้เธอเก่งแล้ว ฉันเห็นเธอซ้อมบ่อยๆนะ เก่งกว่าผู้ชายบางคนในค่ายอีก ” ว้าย ตายแล้ว พี่เขาชมเธอ
“ …. ”
“ ทำไมหน้าแดงๆ ข้างนอกแดดมันร้อนขนาดนั้นเลยเหรอ? ”
“ แหะๆ ” เธอไม่พูดแต่เอามือลูบหน้าปอยๆ
“ นั่งก่อนสิ ” เขาพูดแล้วไปหยิบน้ำมาให้เธอดื่ม ส่วนเขานั่งอ่านหนังสือการ์ตูนไป
เธอนั่งมองเขานานมาก เพ้อฝันว่าเธอเป็นแฟนเขา เขาดีกับเธอมากๆ เธอเล่าในหัวได้เป็นฉาก พร้อมกับนั่งบิดไปมาด้วยความเขินเผลอกัดหมอนอิงขาด
‘ แกว๊ก ! ’
“ เชี้- ” เธอมองผลงานที่ทำ ด้วยใบหน้าที่เหว่อ แล้วหันไปดูอีกคนที่นั่งมองแบบตกใจ
“ อะไรเนี่ย! เธอกัดหมอนทำไม ” เขาลุกขึ้นเดินมาดู พร้อมกับก้มลงหยิบหมอนและมันเป็นจังหวะที่เธอกับเขาหน้าใกล้กันมาก ทำเอาเธอแทบกรี๊ดออกมา แต่พี่เขากลับเฉยๆเพราะเขาอาจจะไม่ได้คิดอะไรกับเธอตั้งแต่แรก
“ เดี๋ยวๆ ชบาไปขอเงินแม่ซื้อให้ใหม่ก็ได้ ”
“ ไม่ต้องหรอก ลูกนี่มันก็เก่าแล้วแหละ ” เขาพูดจบก็พาหมอนใบนั้นไปทิ้ง
“ เฮ โย่ว พี่รักทำอะไรอยู่ ” เสียงของดอกพุดดังมาจากไกล
“ ชบามาหาแกนานแล้ว ไปคุยกับเพื่อนไป ” ดอกรักผลักหน้าน้องสาวเบาๆ
“ ยัยชบาแกมาทำไม ” ดูมันทัก
“ มาหาแกไง ”
“ อะๆ ” ดอกพุดทำหน้าแบบล้อเลียน มองพี่ชายที มองเพื่อนสาวที แล้วยิ้มกรุ่มกริ่ม
“ อะไรของแก ปะๆ ไปเร็ว ” ชบาแก้วรีบลุกขึ้นแล้วผลักเพื่อนให้เดินออกไปข้างนอก
“ แอบชอบ แต่ก็ไม่ยอมสารภาพ ”
“ แกลืมสเป็คพี่ตัวเองหรือไง พี่รักเขาชอบ คนเรียนเก่ง นิสัยอ่อนโยน พูดน้อย เป็นกุลสตรีไทย แบบ เตรง….เตร๊งเตรงเตร๊ง...เตร๊ง ” เธอยกมือขึ้นทำท่ารำไปด้วย
“ 555+ ท่าแก มันได้จริงๆ ” ดอกพุดหัวเราะร่า
“ จริงอะ ไปประกวดได้ใช่ไหม ”
“ ได้สิ ประกวดดาวตลกนะ 555+ ”
“ ไอ้พุด หยุดวิ่งเลย ไอ้นี่ ” เธอวิ่งไล่ตามเพื่อนสาว
ดอกรักยืนดูน้องสาวและเพื่อนสนิทของน้องสาวที่วิ่งไล่กันพร้อมกับตะโกนโวกเวก เขาส่ายหน้ายิ้มๆ และคิดว่าชบาแก้วไม่น่าจะเกิดมาเป็นผู้หญิงนะ น่าจะเกิดเป็นผู้ชายมากกว่า เหมือนม้าดีดกระโหลกเลยแหละ จริงๆเขามีคนที่แอบชอบแล้วนะ ซึ่งเป็นพี่สาวของชบานั่นแหละ และเขาก็คิดกับชบาเป็นน้องสาวคนหนึ่งเช่นกัน ก็เธอมาบ้านเขาบ่อยมาก บางครั้งมากินข้าวที่บ้านด้วย
ชื่อเสียงเรียงนามในโรงเรียนมัธยมของชบาแก้วนั้น ดังลื่อไปทั่ว ว่าเป็นเด็กแสบ ไม่มีใครไม่รู้จัก ขนาดพี่ม.6 รุ่นก่อน เธอก็เคยก้านคอมาแล้ว
เรื่องของชบาในหมู่บ้านดอกไม้ของพวกเรา ก็ดังไปทั่วเช่นกัน เรื่องปีนป้ายต้นไม้ เรื่องแสบๆ ขอให้บอก
แม่ของเขาก็เคยแอบกังวลว่าหากดอกพุดอยู่กับชบาแก้วนานไป จะมีนิสัยแบบนั้นเหมือนกัน แต่พอนานวันไป แม่ก็ปล่อย เพราะเด็กๆเป็นเพื่อนสนิทกัน จะห้ามมันก็กระไรอยู่
16 : 00 น.
@ค่ายมวยลุงบูม
“ งื้อ~ พี่รักต่อยเก่งมาก งุ้ย กล้ามหน้าท้อง ทำไมน่ามองแบบนี้ เว้ย ยี๋ ยัยพุด แกล้างมือบ้างไหม เค็มมาก ” เพื่อนสาวเอามือมาปัดที่ปากเธอ
“ ฉันเห็นน้ำลายแกไหล ก็เลยเช็ดให้ แกไม่เบื่อบ้างเหรอ มาดูหน้าท้องพี่ฉันทุกวัน ”
ท่าประจำเวลาเธอมองกล้ามหน้าท้องของพี่รัก คือ เอามือสองข้างประสานกันแล้วกุมมาไว้ที่อก สายตาที่มองนั้นเยิ้ม และปากก็อ้ากว้าง มันน่าเกียจมาก แต่เธอก็เก็บอาการแบบนี่ไม่เคยได้ บางครั้งน้ำลายไหล จริงๆ 555+
“ ไม่เบื่อหรอก ”
“ แล้ววันนี้แกไม่ซ้อมหรือไง ”
“ เดี๋ยวสิ ฉันยังดูพี่รักไม่อิ่มเลย ”
“ ชบาโว๊ย ชบา น้าชมพูมา ” เสียงตะโกนของพี่ชัยที่เป็นนักมวยของค่ายดังขึ้น
“ หะ...ห้ะ แม่มาเหรอ ยัยพุด ฉันไปก่อนนะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ที่โรงเรียน ถ้าแม่มาบอกไม่รู้ไม่เห็นนะ ” ตอนแรกเธอนั่งห้อยเท้าที่บนเวที พอรู้ว่าแม่มา เธอกระโดดลงอย่างไว แล้วรีบวิ่งไปทางหลังค่าย มันมีซอกให้หลบหลีกได้
“ แฮะๆ แม่นะแม่ ขอเวลาอีกสักนิดก็ไม่ได้ ” เธอบ่นอุบอิบๆ แล้วเดินกลับบ้าน
บ้านของเธอมีกิจการค้าขายเป็นร้านขายของชำที่ใหญ่สุดในอำเภอนี้ มีทั้งปลีกและส่ง
ร้านค้าของบ้านเธอมีชื่อว่า บานชื่นชบาแก้วชอป แถบบ้านเธอ ระแวกนี้ เป็นของพ่อเธอหมด ข้างหลังบ้าน ติดแม่น้ำ ร้านค้าจะอยู่หน้าบ้าน บ้านเธอจะมีอีกหลังอยู่ หลังร้าน เวลาเธอจะออกไปไหน จะใช้ประตูรั้วข้างออก ไม่ชอบออกประตูใหญ่ซึ่งมันจะอยู่ติดกับร้านเลย แล้วคนก็เยอะ พลุกพล่าน ที่ร้านมีลูกน้องประมาณสิบกว่าคน แล้วรถที่ส่งของก็มีประมาณสิบคัน แล้วยังมีรถที่ใช้กันอีกสี่คัน เป็นรถตู้ รถเก๋ง รถกะบะ รถมอเตอร์ไซค์
ในหมู่บ้านดอกไม้ มีห้าซอย ซอยบ้านเธอคือซอยที่ห้าเป็นซอยสุดท้าย เกือบทั้งซอย เป็นที่ดินของพ่อเธอหมด
ผู้คนจะเรียกพ่อเธอว่าเฮียบลู เรียกแม่ว่าเจ้ชมพู ครอบครัวเธอ เป็นครอบครัวที่มีสมบัติมากมายตกทอดมาเป็นรุ่นๆ พ่อเป็นคนที่นี่ พ่อรักเพื่อนบ้านทุกคน มีอะไรก็แบ่งปัน
17 : 19 น.
“ ชื่น น้องกลับบ้านยัง ” เสียงแม่ดังมาจากไกล เธอรีบนั่งตัวตรง ทั้งที่ก่อนหน้า นอนกินขนมอย่างสบายใจ
“ กลับมาแล้วค่ะแม่ ” พี่สาวพูดตอบ ในขณะที่กำลังอ่านหนังสือ
เธอกับพี่สาวอยู่ในห้องรับแขก พี่สาวอ่านหนังสือส่วนเธอนอนดิกเท้าพร้อมกับนอนกินขนมไปด้วย
“ ชบาไปไหนมา แม่ไปตามหา ไม่เจอ ไปสนามมวยมาอีกใช่ไหม ” แม่ยกไม้เรียวในมือ ชี้หน้าเธอ
“ เปล่า หนูกลับมาบ้านนานแล้วนะ แม่ถามพี่ชื่นดู ” เธอส่งต่อให้พี่สาว
“ ค่ะ ชบากลับมาได้สักพักแล้ว ”
“ อย่าให้รู้นะ ” แม่พูด
“ แล้วแม่ไปไหนมาเหรอ ”
“ ไปตามหาแกที่สนามมวย ที่บ้านพุด ที่บ้านบัว แล้วไปซอยหนึ่งที่วินมอเตอร์ไซค์มาด้วย คิดว่าแกไปนั่งเล่นหมากฮอตหรือเปล่ากับพวกวินอะ ” แม่รู้ทุกที่ ที่เธอชอบไปเลย
“ หนูก็เดินเล่นแถวนี้แหละ ”
“ ไม่ได้แอบไปปีนต้นมะม่วงตาแปลกใช่ไหม ”
“ เปล่า มะม่วงยังไม่สุกเลย ”
“ ชบา! นี่แกไปสอดส่องอยู่ด้วยเหรอ? ” ก็แหง่ล่ะ ไปเมื่อสองวันก่อน ตอนเลิกเรียน ไปดูมาแล้ว555+ สวนมะม่วงตาแปลกลูกดกมากพอมันสุกโคตรหวาน แล้วยิ่งไปกินใต้ต้น มันฟินโครตๆ
“ เปล๊าา ไอ้...ไอ้บัวมันบอก ”
“ เรียกเพื่อนดีๆไม่ได้เหรอ? ” แม่วางไม้เรียวลง แล้วทำท่าจะเข้ามาตีไหล่ แต่เธอไหวตัวทัน หลบหลีกได้สบายๆ
“ โธ่! แม่ มาจับผิดอะไรหนูอีก โน่นๆ ไปดูพี่ชื่นสิ อ่านอะไร ไม่รู้หนังสือนิยายหรือเปล่า หนูเห็นเมื่อกี้ อะไรนะ ฉันรักเธอ ” จริงๆเธอก็หาเรื่องแถแหละหาเรื่องให้แม่ดุด่าพี่สาว
“ เปล่านะแม่ ชื่นอ่านหนังสือภาษาไทยอยู่ พรุ่งนี้วันจันทร์ ต้องสอบ ” ทันทีพี่ชื่นตอบ เธอรีบลุกขึ้นแล้วพลิกตัวข้ามบนที่พิงของโซฟา แล้ววิ่งขึ้นชั้นบน เข้าห้องทันที
ความแสบ ความห้าว ของเธอมีไม่ใช่น้อยๆต่อวัน
@วันจันทร์
“ งื้อ ขี้เกียจลุกจากที่นอนอะ ” เธอบ่นพึมพำแล้วบิดขี้เกียจไปมา เดินเข้าห้องน้ำทั้งที่งัวเงีย
“ อื้อ น้ำเย็นอะ ” เธอก็เลยแปรงฟัน ล้างหน้า เอาน้ำมาลูบตัว ซักแห้งไปเลย555+ แล้วไปแต่งตัว ฉีดน้ำหอมที่ซอกคอ หลังกกหู ที่เสื้อ น้ำหอมที่มีกลิ่นติดทนนานเป็นของฝากจากต่างประเทศ ตอนที่ป้าชิมพี่สาวแม่ไปเที่ยว
“ กว่าจะลงมาได้ ไอ้ตัวแสบ ” เสียงป๊าดังขึ้น
“ ขี้เกียจอาบน้ำ มันเย็นอะยามเช้า หนูเลยลงมาช้า ” เธอตอบผู้เป็นพ่อ
“ ข้ออ้างแหละ แล้วนั่นทำไมไม่เอาชายเสื้อเข้าไปอยู่ในกระโปรง แล้วทำไมกระเป๋าถือถึงลีบขนาดนั้น ข้างในไม่มีสมุดหนังสือเลยเหรอ นี่แกไปเรียนไหม ” เสียงของผู้เป็นแม่ดันขึ้นเมื่อเดินออกมาจากห้องครัว
“ แม่ก็ชอบสังเกตชบาตลอด แล้วไม่ดูของพี่ชื่นบ้าง ที่กระเป๋าหนักๆในนั้นมีอะไรหรือเปล่า ” เธอก็ชอบโยนความผิดแบบนี้ให้พี่สาวเสมอ
“ ที่แม่ชอบสังเกตชบา ก็เพราะดูตัวแกทำสิ วันๆไม่รู้ได้เรียนหรือเปล่า เกรดก็ตก ให้ไปเรียนพิเศษก็ดันไปต่อยลูกของครู สรุปแกเป็นผู้หญิงหรือเป็นผู้ชาย ”
“ ก็ที่รักบ่นเองไม่ใช่เหรอ ตอนชบาอยู่ในท้องว่าอยากได้ลูกชาย ” ป๊าพูดขึ้นขัดแม่
“ ใช่ๆ นี่หนูก็เป็นตามที่แม่ต้องการแล้วนะ แต่บอกเลยถึงเกรดหนูจะไม่สวยหรู แต่หนูก็สอบผ่านอย่างเฉียดฉิวนะแม่ ” พูดอย่างภูมิ
“ น่าภูมิใจจังเนอะ! ” แม่ดับฝันตลอด
“ มาๆกินข้าวได้แล้ว เดี๋ยวไปสาย ” ป๊าพูด
“ ป๊า ไม่ต้องให้พี่มะขามไปส่งหนูกับพี่ชื่นแล้วนะ วันนี้หนูจะพามอเตอร์ไซค์ไปเอง ”
“ ไม่! ” พี่สาวพูดขึ้นเสียงดังทำเอาทุกคนตกใจ เพราะพี่สาวปกติจะพูดเสียงเบา สำรวมกิริยาประจำ ไม่ค่อยมีปากเสียงเหมือนเธอ
“ แม่ก็ว่าอย่างนั้น ครั้งก่อน จำไม่ได้เหรอ ที่แกพาพี่สาวแกล้มเพราะหมาตัดหน้าอะ ”
“ จำได้ แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนิ แค่ถลอกเอง ”
“ ตอนนั้นโชคดี เพราะบุญรักษา แต่ตอนนี้ฉันไม่อาจเชื่อใจแกได้ ”
“ แม่อะ เอาแต่ห้ามๆ ชบา ” เธอทำหน้าเบื่อหน่าย ย่นจมูกนิดๆ
“ ทำตัวให้เป็นเด็กดีแบบพี่สาวแกบ้างสิ ” แม่พูด
แต่จริงๆแม่ต้องเข้าข้างเธอนะ เพราะเธอเคยเห็นในทีวีออกจะบ่อยที่ผู้เป็นแม่เลี้ยงมักจะไม่ชอบลูกเลี้ยง แต่นี่ดูสิ แม่ลำเอียงรักพี่สาวที่เป็นลูกไม่แท้ กับเธอแม่ก็ชอบทำหน้าเอือมระอาตลอด
“ กินข้าวดีกว่า สายแล้ว ” เธอรีบเปลี่ยนเรื่อง ยิ่งพูดยิ่งคุยมันก็เริ่มยิ่งเข้าตัวเธอ
เวลาลูกสาวคนเล็กพูดจาถกเถียงกับภรรยา คนเป็นพ่อได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ เขาไม่ค่อยได้ดูแลลูกเหมือนภรรยาเพราะทั้งวันก็ยุ่งกับร้านค้ากิจการของบ้าน เจอหน้าเมียแค่เช้า เที่ยง ค่ำ แค่นั้น
❤️___________❤️
นามปากกา ByMinne