บทที่ 10
เซี่ยอวี้น้อยแสดงฝีมือ
แม่นมจื่อฮวาไม่รอช้า รีบจูงมือองค์ชายน้อยวิ่งตรงไปทางที่ลี่ถิงซ่อนตัวอยู่
เซี่ยอวี้ก้าวเท้าเล็กๆ ตามอย่างสุดกำลัง พยายามตามให้ทัน ทว่าในจังหวะนั้นเอง โจรป่าคนหนึ่งที่ยังไม่สิ้นฤทธิ์กลับยื่นมือคว้าข้อเท้าของเขาไว้แน่น
“ว้าก!” เด็กชายร้องลั่นด้วยความตกใจ ทั้งเตะทั้งถีบ แต่ฝ่ามือหยาบกร้านนั้นกลับเหนียวแน่นยิ่งกว่ากาว ต่อให้ถีบจนรองเท้าหลุดไปอีกข้างก็ยังไม่เป็นผล
ทันใดนั้นเอง เซี่ยอวี้พลันนึกขึ้นมาได้ว่าเขายังมี ‘อาวุธลับ’ ที่พี่สาวมอบให้!
เด็กชายคิดไวทำไว หยิบขวดเล็กๆ จากอกเสื้อออกมา จากนั้นก็ฉีดอาวุธลับใส่หน้าโจรป่าทันที
ฟู่! ฟู่!
ละอองจากสเปรย์พริกไทยพุ่งเข้าเต็มตา จมูก และปากของโจร
“อ๊ากกก! ตาข้า! แสบโว้ย!!”
โจรป่าปล่อยมือจากเท้าเล็กๆ ของเด็กชาย ปิดหน้าปิดตาตัวเองพร้อมกับดิ้นกระแด่วๆ ด้วยความทรมาน
เซี่ยอวี้ไม่รอช้ารีบออกวิ่งพร้อมกับแม่นมต่อ แต่เพียงครู่เดียวกลับรู้สึกถึงฝ่ามือใหญ่ที่แตะลงบนบ่าเล็กๆ ของตน
เขาสะดุ้งสุดตัว ด้วยความตกใจจึงรีบหันไปพ่นสเปรย์ใส่โดยไม่คิด
“องค์ชา...โอ๊ย! แสบ! แสบตา...กระหม่อมเอง! กระหม่อมเอง!”
เสียงร้องโอดครวญอย่างทรมานของคนผู้นี้คุ้นหูยิ่งนัก และยังดูเหมือนว่าในช่วงนี้ เซี่ยอวี้กับเจ้าของเสียงนั้นจะแบ่งปันของกินให้กันบ่อยๆ ด้วย!
เซี่ยอวี้ที่กำลังจะออกวิ่งตามแม่นมถึงกับชะงักแทบหัวทิ่ม หันขวับกลับมามองด้วยสีหน้าตกใจปนงุนงง
“พี่ชายเนื้อแห้ง!?”
ใช่แล้ว ชายหนุ่มที่ถูกสเปรย์พริกไทยเล่นงานคนที่สองคือทหารหนุ่มหน้าอ่อน ผู้ที่เคยแบ่งปันเนื้อแห้งและเคยได้รับซาลาเปาจากองค์ชายน้อย
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้เล็กน้อย ทันทีที่ ‘สวี่เฟิง’ เห็นโจรป่ากลุ่มหนึ่งบุกเข้ากระโจมขององค์ชายตัวน้อย เขารีบฝ่าวงล้อมโจรป่า พุ่งเข้ามาช่วยเหลือองค์ชายอย่างไม่ลังเล
ทว่าโชคไม่เข้าข้าง เขาที่ตั้งใจจะบึ่งมาช่วยองค์ชายกลับดันโดนละอองแปลกๆ ฉีดใส่เข้าหน้าเต็มๆ ทั้งแสบและมีกลิ่นฉุน
“อาวุธขององค์ชายร้ายกาจยิ่งนัก ทำกระหม่อมแสบตาจนลืมตาไม่ขึ้นเลยพ่ะย่ะค่ะ…” เขาพึมพำพลางเช็ดน้ำตาที่ไหลพราก
เซี่ยอวี้ยิ้มแหย จากนั้นเขากับแม่นมก็ช่วยกันหาน้ำมาให้พี่ชายทหารล้างหน้า
หลังจากพี่ชายทหารล้างหน้าเสร็จ ใบหน้าที่เปียกชื้นยังไม่ทันแห้งดี สายตาก็พลันเหลือบเห็นเงาหลายสายพุ่งตรงเข้ามาทางนี้
“ให้ตายเถอะ!” สวี่เฟิงสบถเสียงต่ำ
“คงเป็นโจรป่ากลุ่มใหม่...ตั้งสติให้ดี ยังไงก็ต้องช่วยกันปกป้ององค์ชายให้ได้!” แม่นมจื่อฮวาเอ่ยเตือนให้ทุกคนมีสติ ก่อนดวงตาของนางจะฉายแววเฉียบคม
“ทราบแล้ว!”
ทุกคนรับคำ ไม่เว้นแม้แต่ลี่ถิงที่ซ่อนตัวหลังพุ่มไม้
ชั่วพริบตาต่อมา ความอลหม่านก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง ทั้งสี่คนต่างงัดอาวุธที่ตนมีออกมาใช้ ช่วยเหลือกันจัดการโจรป่าอย่างสุดกำลัง ลี่ถิงกับเซี่ยอวี้ไม่มีวรยุทธ์ ทั้งสองจึงใช้จังหวะที่พวกโจรล้มช่วยกันรุมสกรัมให้เละ คนหนึ่งฟาดกระบองไฟฟ้า และอีกคนฉีดสเปรย์พริกไทย
ในที่สุดทั้งสี่คนก็ช่วยกันฝ่าฟันจนรอดพ้นสถานการณ์นั้นมาได้อย่างหวุดหวิด
..
..
ทางด้านกองทหารหลักของแม่ทัพไป๋มู่อวิ๋น เพียงไม่นานก็กำราบโจรป่าจนสิ้น
เสียงดาบเงียบลงในตอนที่แม่ทัพหนุ่มตัดหัวของหัวหน้าโจรได้ โจรที่เหลือเห็นอย่างนั้นต่างก็ทิ้งอาวุธ สับตีนแตกหนีเข้าป่ากระเจิดกระเจิง คนที่บาดเจ็บหรือหนีไม่ทันล้วนถูกจับมัด
“รอดแล้ว…รอดแล้ว!”
เซี่ยหยู่ที่สู้กับโจรป่าจนถึงที่สุด หลังจากเห็นว่ารอดชีวิตจาก ‘อีเว้นต์โจรป่า’ มาได้ นางก็ตบอกด้วยความโล่งใจ
อย่างไรก็ตาม ไป๋มู่อวิ๋นที่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับองค์หญิง และตอนนี้เขาก็กำลังยืนอยู่ข้างๆ นาง อดไม่ได้ที่จะหลุบตามองเด็กสาวด้วยความสงสัย
..
..
เมื่อสถานการณ์กลับสู่ความสงบ ตรวจนับดูแล้ว ทางฝ่ายโจรป่าตายสิบเจ็ดคน บาดเจ็บสิบกว่าคน ที่เหลือวิ่งหนีเข้าป่าไปแล้ว
ทหารฝ่ายแม่ทัพไป๋มู่อวิ๋นพลีชีพสามชีวิต บาดเจ็บอีกสิบสี่
‘หวังต้าเจิง’ หมอทหารอายุสามสิบกว่าๆ จัดการแยกคนเจ็บหนัก ปานกลาง และคนที่บาดเจ็บเล็กน้อยออกเป็นกลุ่มๆ ด้วยความคล่องแคล่ว
ทหารที่ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก และพอเหลือเรี่ยวแรง ต่างก็ช่วยกันนำร่างไร้วิญญาณของโจรป่ามาเรียงรายไว้ด้านหนึ่ง ส่วนโจรป่าที่บาดเจ็บก็ถูกจับมัดหันหลังติดกับต้นไม้
ในระหว่างที่ไป๋มู่อวิ๋นเดินตรวจสอบศพของโจรป่าและสถานที่รอบๆ ทางด้านรองแม่ทัพเสิ่นก็ได้พาทหารสองสามคนไล่ตามโจรป่าที่หลบหนี เผื่อว่าจะเจอรังของพวกมัน
ย้อนกลับมา…
ลี่ถิงน้ำตาคลอ เกาะแขนองค์หญิงแน่นพลางพร่ำบ่นไม่หยุด “องค์หญิง อย่าได้เสี่ยงชีวิตต่อสู้กับโจรเช่นนั้นอีกนะเพคะ หัวใจของหม่อมฉันรับไม่ไหว เกือบจะหยุดเต้นอยู่แล้ว”
“อืม” เซี่ยหยู่เพียงพยักหน้ารับส่งๆ จากนั้นก็ก้มลงมองน้องชายตัวน้อยที่เหลือแต่ถุงเท้า ก่อนเอ่ยถามด้วยความฉงน
“รองเท้าเจ้าไปไหนเสียแล้วล่ะ”
“หายแล้ว…”
เซี่ยหยู่ถอนหายใจแผ่วเบาแล้วถามต่อ
“ตกใจหรือไม่”
เซี่ยอวี้พยักหน้า จากนั้นก็ส่ายหน้า
จริงๆ แล้ว เซี่ยอวี้กลัวแทบตาย แต่ก็ไม่ยอมรับต่อหน้าพี่สาวหรอก เดี๋ยวแพ้!
เซี่ยหยู่เห็นอารมณ์ซับซ้อนบนใบหน้าของเจ้าตัวเล็กก็ยิ้มอย่างอ่อนใจ ก่อนยกมือขึ้นลูบศีรษะของเขาอย่างอ่อนโยน “เจ้าเก่งมาก กล้าหาญยิ่งนัก”
ก่อนหน้านี้ แม่นมจื่อฮวาเล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า นางเร่งรีบพาองค์ชายเซี่ยอวี้หนีจนไม่ทันสังเกตว่าองค์ชายถูกโจรคนหนึ่งคว้าขาไว้ โชคดีที่องค์ชายมีสติ ใช้น้ำยาที่องค์หญิงมอบให้ฉีดใส่หน้าพวกมันจนรอดพ้นมาได้อย่างหวุดหวิด แต่เรื่องที่องค์ชายเผลอฉีดน้ำยาใส่หน้าทหารที่มาช่วย ตรงนี้แม่นมจื่อฮวาไม่ได้เล่า ประเดี๋ยวองค์ชายจะอาย
“นี่! นี่! พี่หญิงยังมีน้ำยานั้นอยู่อีกหรือไม่”
เซี่ยอวี้ถามด้วยดวงตาเป็นประกาย พร้อมประคองขวดสเปรย์พริกไทยที่ว่างเปล่าให้เซี่ยหยู่ดู
เซี่ยหยู่พยักหน้าตอบ “ได้ แล้วข้าจะทำเพิ่มไว้ให้…แต่ก่อนอื่น ต้องหารองเท้าใหม่ให้เจ้าใส่เสียก่อน”
ว่าแล้วนางก็กลับไปที่รถม้า ล้วงรองเท้าผ้าใบเด็กจากมิติออกมา ทั้งยังหยิบเพิ่มอีกสองคู่ เป็นส่วนของลี่ถิงกับแม่นม จากนั้นก็ให้พวกเขาเปลี่ยนจากรองเท้าผ้าปักที่ขาดมาสวมรองเท้าผ้าใบ พื้นรองเท้านุ่มมาก พวกเขาจะได้เดินสะดวกยิ่งขึ้น
“แล้ว...เจ้าเป็นใคร ทำไมหน้าบวมแดงเหมือนหัวหมูต้มเช่นนั้นเล่า”
เซี่ยหยู่เหลือบตามองทหารที่ยืนประกบข้างหลังเซี่ยอวี้มาตั้งแต่เมื่อครู่ จะไม่ถามก็ไม่ได้
ทหารหนุ่มคนนั้นยิ้มแห้งๆ เขาเพิ่งจะเปิดปากพูดว่า “กระหม่อม...” เซี่ยอวี้ก็ชิงแนะนำตัวแทนเสียก่อนว่า “พี่ชายเฟิง เขาช่วยข้าไว้!”
“อ้อ”
ที่แท้ก็เป็นทหารหนุ่มหน้าอ่อนคนนั้นนั่นเอง
“ต่อจากนี้ เจ้าก็ตามคุ้มกันองค์ชายแล้วกัน”
สวี่เฟิงก้มศีรษะตอบรับ พ่ะย่ะค่ะ
เซี่ยหยู่เพิ่งพยักหน้า ตอนนั้นเองเสียงโอดโอยของทหารคนหนึ่งก็ดังขึ้นมา
“แย่แล้ว! สมุนไพรไม่พอ!”