หลังจากค่ำคืนวาเลนไทน์ที่สุดแสนจะติดเรทได้ผ่านพ้นไป
รินรดานั่งเคาะนิ้วกับเก้าอี้ชมวิวกรุงเทพจากห้องทำงานอย่างเช่นเคย
ฉันผ่านเรื่องอย่างว่ามาไม่รู้เท่าไหร่แต่ทำไมหนนี้มันพัวพันสลัดไม่หลุด
ไก่อ่อนลีลาก็ไม่ได้เรื่องจะดีหน่อยก็ตรงที่หล่อแต่หน้าตาประมาณนี้ก็หาได้ถมเถไป
"เฮ้อ........แม้กระทั่งตอนนี้....ก็ยังจะคิดถึงอีกไม่เข้าใจจริงๆ"
ประธานสาวหลับตาใช้มือข้างนึงกุมขมับอย่างคนกลุ้มใจ ผ่านชีวิตมาเท่าไหร่ แต่ไม่เคยมีใครที่มีอำนาจเหนือใจเธอได้เลย ที่สำคัญไม่รู้ว่าเพราะอะไรด้วยซ้ำ
ยิ่งปฏิเสธยิ่งอยากได้
ยิ่งเฉยเมยยิ่งอยากอยู่ใกล้
"ให้หนูทายไหมคะ"
เสียงเล็กจากคนผมสั้นที่รู้ใจถามทำลายความเงียบขึ้นมา พิมสุดาในชุดเดรสยาวลายดอกสีชมพูนั่งไขว่ห้างพร้อมกับแฟ้มกระดาษปึกใหญ่ โต็ะรับแขกที่กลายเป็นโต๊ะทำงานนางไปแล้ว
"ท่านประธานน่าจะหาโต๊ะทำงานให้หนูได้แล้ว หนูแทบจะอยู่ที่นี่ทุกวัน"
"เตียงดีกว่างานประจำเราอยู่บนนั้น"
ประธานสาวมองลอดแว่นสำรวจเรือนร่างของคนรู้ใจจนชนิดที่อีกฝ่ายต้องระแวง
"พี่ริน น่า..........พิมกำลังจะมีแฟนแล้ว"
เลขาสาวส่งเสียงออดอ้อนพลางหาวิธีปลี่ยนเรื่องสถานการณ์เธอตอนนี้เหมือนเอาตัวรอดไปวันๆ
"นี่ค่ะพี่ตารางงาน อ่อแล้วเรื่องงานเปิดตัวสินค้าของบริษัทอ่ะพี่ เหมือนจะมีความเห็นให้ ผอ. ขจรดูแล งานจะมีวันที่ 12 เมษา เลือกวันได้ห่วยจริงๆ แทนจะได้ลายาวกัน"
"ก็คงตามนั้นพี่ก็ไม่ค่อยชอบตาขจรนี่สักเท่าไหร่ แต่พวกอาอี๋ไว้ใจนาง"
รินรดากวาดสายตาดูตารางงานซึ่งหนนี้ไม่ค่อยแน่นเท่าไหร่
"พี่ไม่ชอบขจรแล้วพี่ชอบใครคะ"
"ผัดไทยล่ะ ? อร่อยไหมแล้วน้องตกลงยัง"
พิมสุดายิงคำถามอย่างแทงใจประธานสาวพร้อมกับคิดในใจ
'นี่แหละทางรอดฉันขยันชงเข้าไว้พิม'
รินรดาส่งสายตาดุมองรอดแว่น แต่พิมสุดากลับไม่สะทกสะท้านนั่งหน้าเป็นมองหน้าประธานสาวแล้วยิ้มอย่างคนรู้ทัน
"น้องเขาไม่ตกลงใช่ม๊า.......ให้พิมลองช่วยไหมคะ"
"หึ ! ไม่จำเป็นไม่เกินสงกรานต์นี้แหละ ไม่รอดมือพี่หรอก"
"เย้......"
เลขาสาวชูมือชูไม้ราวกับว่าเป็นเด็กน้อนที่เก็บอาการดีใจไม่อยู่จนประธานสาวยังอมยิ้มเพราะนั่นหมายความว่านางกำลังจะมีตัวตายตัวแทนแล้ว
"ต่อให้มีเด็กนั่นฉันก็ไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆ หรอกพิม"
พิมสุดาไม่สนใจคำขู่ของประธานสาวพร้อมยิงคำถามต่อตามประสาคนทะลึ่ง
"พี่เล่าให้ฟังหน่อยซิ วันวาเลนไทน์น่ะพี่ทำไรกันบ้าง นะ นะ "
"เธอนี่น้า........."
"น่า.....พี่ ก็หนูชอบเรื่องแบบนี้"
เสียงเล็กแหลมของเลขาคนเก่งถูงส่งมาอย่างออดอ้อน
"อือก็ได้ช่วยออกความเห็นด้วยนะว่าพี่ลงทุนเกินไปหรือเปล่า"
จากนั้นประธานสาวก็เริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดโดยเริ่มตั้งแต่ตอนที่เห็นแม่ค้าร้านข้าวมาอ่อยรปภหนุ่มจนกระทั่งถึงการเสนอตัวแบบฮาดร์เซลของหล่อน พิมสุดาที่ฟังเรื่องทั้งหมดถึงกับตาโตยกมือขึ้นปิดปาก
"โหยพี่ นี่พี่ทุ่มสุดตัวเลยนะแล้วเด็กนั่นตอบตกลงไหม"
"ลังเลน่ะแต่ก็ยังไม่ พี่ให้เดดไลน์ถึงสงกรานต์ถ้าไม่ตกลงก็คงต้องลาแล้ว"
"หนูอยากเห็นหน้าเด็กนั่นแล้วอ่ะหล่อมากเลยเหรอพี่ ? ถึงขนาดทำให้ประธานสาวเจ้าของธุรกิจพันล้านเปลืองตัวได้ขนาดนี้"
"ก็ประมาณนึงนั่นแหละ แต่......."
"แต่อะไรพี่"
ตาซุกซนของพิมพ์สุดามองหน้าประธานสาวที่กำลังนั่งท้าวคาง จากการประเมินทางสายตาเหมือนประธานคนสวยกำลังขาดความมั่นใจ
'สาวมั่นเราโดนเด็กนั่นตกเข้าให้แล้ว' เลขาคนสวยคิดในใจระหว่างรอคำตอบจากรินรดา
.
.
"แต่....ที่พี่หงุดหงิดก็คือไอ้ท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวของเจ้านั่น เหมือนกับว่าถ้าพี่ให้เอาก็เอาไม่ให้ก็ไม่เป็นไรเชื่อไหมนางไม่เคยแม้แต่จะขอคอนแทคพี่ด้วยซ้ำ ตอนเสนอเลี้ยงดูก็ยังปฎิเสธทันที ผมเลี้ยงตัวเองได้ครับ ตอบมางี้จนพี่ต้องงัดทุกอย่างที่มีมาใช้แบบไม่เคยเสนอให้ใครขนาดนี้มาก่อน
ถ้าสงกรานต์นี้นางปฏิเสธพี่อีก พี่คง......คง ช่างเถอะ"
ประธานสาวร่ายยาวถึงความอัดอั้นตันใจจนพิมสุดาอมยิ้มตอนนี้นางมั่นใจแล้วว่าประธานสาวกำลังเสียความมั่นใจ แล้วมั่นใจอีกว่านางจะต้องใช้ทุกวิถีทางที่จะครอบครองพ่อหนุ่มผัดไทยนั่นให้ได้
"แล้วพี่จะไปหาเด็กนั่นอีกเมื่อไหร่คะ"
"ตรุษจีนนี้แหละ พี่จะต้องเอาให้อยู่ให้มันรู้ไปว่าทุ่มขนาดนี้แล้วจะหลุดมือ"
ประธานสาวตอบด้วยสีหน้ามุ่งมั่นพร้อมกับฟาดมือลงบนโต๊ะทำงานจนเลขาสาวร้องสะดุ้ง
"หนูล่ะอยากเห็นหน้าเด็กนี่จริงๆ"
"ไม่มีวัน...พี่ไม่มีวันเปิดตัวเด็กเลี้ยงของพี่ เธอก็รู้ดี"
"ค่ะ ให้มันจริงเถอะ........"
พิมสุดารำพึงกับตัวเองพร้อมแอบเบ๊ะปากล้อเลียนแล้วก้มหน้าทำงานของเธอต่อ
บรรยากาศในช่วงตรุษจีนสำหรับคนที่เกิดในครอบครัวเชื้อสายจีนอย่างประธานคนสวยอย่างรินรดาก็จะค่อนข้างวุ่นวายเป็นพิเศษ ยิ่งบวกกับเป็นหลานสาวเพียงคนเดียวของเหล่า อากง อาม่า อาโกว อาอึ้ม อาอี๊ นั่นทำให้ความวุ่นวายของเธอมากขึ้นเป็นสิบเท่า
"ฉันรักทุกเทศกาลยกเว้นตรุษจีน"
ประธานสาวบอกกับตัวเองขณะจัดเรียงของไหว้ซึ่งซื้อเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ส่วนวันนี้ก็ต้องตื่นมาแต่ตีสี่ตีห้า รินรดาในตอนนี้อยู่ในเสื้อยืดกางเกงขาสั้นผมหยักโศกถูกมัดรวบไว้อย่างทะมัดทะแมง ใบหน้าออกหมวยนั้นไร้การตกแต่ง
"ถ้าไม่มี จุ๊บกับแจงคอยช่วยนะตาย.."
ประธานสาวบ่นกับตัวเองอีกคราขณะกำลังยกถาดผลไม้ขึ้นโต๊ะโดยมีแม่บ้านทั้งสองที่นางกล่าวถึงคอยช่วยเป็นลูกมือ หลังจากใช้เวลาจัดเตรียมตั้งแต่เช้ามืดทุกอย่างก็เสร็จสิ้น เหล่าผู้อาวุโสประจำบ้านต่างมารอทำพิธีอย่างพร้อมเพียง ด้วยความที่เป็นหลานสาวเพียงคนเดียวในบ้านใหญ่หลังนี้เธอจึงต้องรับผิดชอบทุกอย่าง ทั้งเรื่องบ้านและเรื่องกิจการของตระกูล
หลังจากการไหว้ตามประเพณีเสร็จสิ้นลงก็ถึงเวลาที่เธอจะต้องอึดอัดใจประจำปี
บนโต็ะอาหารทรงกลมที่ทำจากไม้ชั้นดีสมฐานะตระกูลเศษฐี ทั้งกับข้าวของหวานของคาวถูกจัดเรียงบนโต๊ะไว้อย่างครบครัน โดยมีแม่บ้านสองคนคอยดูแลจัดแจงต่างๆ ประธานคนสวยนั่งก้มหน้าก้มตาทานเหมือนจะรีบให้เสร็จเพื่อจะออกจากสถานการณ์ตรงนี้
"อารินพวกอั้วก็เลี้ยงดูลื้อมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่พ่อแม่ลื้อจากไป สมบัติทุกอย่างแม้แต่กิจการก็ยกให้ลื้อดูแล" ประโยคแรกของอาโกวก็รำเลิกบุญคุณกันเลย หญิงวัยหกสิบกว่าแต่ใบหน้าดูอ่อนกว่าคนวัยเดียวกันส่อให้เห็นถึงการดูแลตัวเองอย่างดี มองรินรดาด้วยสายตาที่เป็นห่วงแล้วพูดต่อ
"ลื้อจะทำเพื่อพวกอั้วไม่ได้เลยหรือ"
"หนูก็ทำแล้วนี่ไง...อาโกว บริษัทโตขึ้นทุกปีหนูทำงานจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อนแล้ว"
ประธานสาวตอบพร้อมกับรีบรับประทานอาหารให้เร็วขึ้นกว่าเดิม
"พวกอั้วไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น"
อาอึ้มหญิงวัยไร่เรี่ยกับอาโกวไม่ใช่แค่วัยไล่เรี่ยกันอย่างเดียวแต่ใบหน้านั้นยังคล้ายกันอีกด้วย พูดเสริมพร้อมส่งสายตาอย่างคาดหวังมาทางหลานสาว
"พวกอั้วอายุมากแล้ว ถ้าพวกอั้วไม่อยู่แล้วลื้อจะอยู่กับใคร"
"อยู่คนเดียว !" รินรดาตอบอย่างห้วนๆ และดื้อดึงแสดงให้เห็นว่าเหล่าผู้อาวุโสเลี้ยงดูนางมาอย่างตามใจเพียงใด พร้อมกับหยิบอาหารเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ แล้วชิงพูดดักทางก่อนอีกฝ่ายจะพูดขึ้นมาก่อน
"หนูจะไม่แต่งานกับคนที่อาโกวเลือกให้แน่นอน"
"แต่...อาจักรแกใช้ได้นา รวย การศึกษาดี"
รินรดานึกภาพหนุ่มตุ้ยนุ้ยผิวขาวสูงพอประมาณวัยสี่สิบกว่าที่เคยถูกจับยัดเยียดให้เจอกันบ่อยๆ ที่จริงก็ไม่มีอะไรไม่ดีหรือเสียหายเพียงแต่ ประธานสาวไม่อยากจะคบใครเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว
"ลื้อน่ะจะดื้อกับพวกอั้วไปถึงไหน หนนี้อั้วไม่ยอมแล้วเดี๋ยวหลังตรุษจีนเตรียมตัวไว้เลยอั้วจัดการเอง"
อาโกวยื่นคำขาด
"ไม่อ่ะอาโกว หนูมีแฟนแล้ว"
"ห๊า......!!!"
เหล่าผู้อาวุโสประจำบ้านแทบจะประสานเสียงพร้อมกันแม้แต่ อากงอาม่าที่กำลังจะหลับคาโต๊ะอาหารยังตกใจกับคำพูดของหลานสาว
"ลื้อเนี่ยนะมีแฟน อย่างลื้อเนี่ยนะ"
"ใช่ อาอี๊ แล้วคืนนี้หนูไม่อยู่หนูจะออกไปหาแฟนกลับเช้าๆ"
รินรดาโกหกคำโตเพื่อจะหาทางออกจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัด จากนั้นก็กระดกน้ำเข้าปากอย่างส่งสัญญาณว่าอิ่มแล้วและเตรียมที่จะบอกลาโต๊ะอาหาร
"แฟนลื้อเป็นใครและทำงานอะไร"
ขบวนการผู้สูงอายุทุกคนต่างมองหน้าหลานสาวอย่างค้นหาและรอคำตอบ
.
.
ยาม ........... หลานสาวตัวแสบตอบออกมาสั้นๆ ชนิดที่ไม่มีใครใด้ยินเพราะเป็นการตอบในใจที่แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน
นี่เรานึกถึงเด็กผัดไทยนั่นอีกแล้ว ?