ตอนที่ 2

1136 Words
  ซาฟต่อสายถึงเซโตเพื่อพูดคุยเรื่องข้อตกลงที่เขาคิดขึ้น เขายังไม่อยากเสี่ยงอะไรเพราะบางทีตระกูลดีกาลโน่อาจจะกำลังลำบากถึงได้กู้เงินกับตระกูลของเขา “สวัสดีครับ ผมเดเวนเต้ อัลเล็นโซ่ครับ”          “ครับ ไม่ทราบว่าคุณชายจะติดต่อกับใครหรือครับ?”ปลายสายถามเขา “ขอเรียนสายคุณเซโตครับ” ชายชรากำลังนั่งอ่านหนังสือในห้องกับลูกสาวคนเล็กขมวดคิ้วทันที เมื่อได้ยินว่าบุตรชายคนโตของตระกูลที่กำลังจะดองกันโทรมาหาเขา “สวัสดีครับ”เซโตกรอกเสียง “สวัสดีครับ ผมขอแนะตำตัวผมคือเดเวนเต้ อัลเล็นโซ่ครับ” “ไม่ต้องพูดเป็นทางการมากก็ได้ซาฟ มีอะไรจะพูดกับอาเหรอ?” “เอ่อ...  ผมมีสัญญาที่จะตกลงกับคุณอาครับ” “สัญญา...  เรื่องอะไรเหรอ?” “เกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานของสองตระกูล” “มีอะไรเหรอหรือว่าซาฟไม่สะดวก” “เปล่าครับ ผมแค่ต้องการเวลาเพื่อทำความรู้จักว่าที่เจ้าสาวของผมก็แค่นั้น” “แล้วซาฟต้องการให้อาทำอะไร” “ผมต้องการให้เจ้าสาวของผมมาอาศัยอยู่ร่วมบ้านกับผมเป็นเวลาสองเดือนครับ” เซโตนิ่งงันสมกับเป็นซาฟ คงกำลังจะดูว่าธุรกิจของเขามีปัญหาหรือเปล่าเลยชั่งใจที่จะแต่งงาน แต่ก็ดีเหมือนกัน บางทีเทียร่าและซาฟคงต้องทำความรู้จักกันให้แนบแน่นเสียก่อน “อาขอถามลูกสาวอาก่อนนะซาฟ” “ได้ครับคุณอา ผมขอตัวก่อนครับ” บุตรสาวคนรองของตระกูลถูกตามมา เทียร่านั่งลงตรงข้ามกับบิดาที่โซฟากำมะหยี่สีขาวนวล เซโตจ้องลึกลงไปในดวงตาบุตรสาว เขารักลูกทุกคน แต่โมนาคือลูกที่เขาเฝ้าทะนุถนอมมากที่สุดเพราะโมนาสูญเสียแม่ไปจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกในขณะที่กำลังเดินทางมาหาบุตรสาวคนเล็กที่อิตาลี โมนาเสียใจและตั้งแต่นั้นมานิสัยที่เคยสดใสก็เปลี่ยนไป เธอหวาดกลัว และยังเจ้าน้ำตาจนทำให้เขารู้สึกสงสาร จึงคอยปกป้องลูกเสมอ โมนาแทบไม่ออกไปไหนจากที่นี่นอกจากไปเรียนและออกไปซื้อของบ้างบางครั้ง และทุกครั้งช่างภาพจะสามารถจับรูปหญิงสาวที่ผู้คนขนานนามเทพธิดาแห่งเวนิช “วันนี้ซาฟโทรมาหาพ่อ” “เค้าว่ายังไงคะพ่อ” น้ำเสียงเทียร่าตื่นเต้น “ซาฟต้องการให้ว่าที่เจ้าสาวไปอยู่ร่วมบ้านเพื่อศึกษานิสัยใจคอ” เทียร่าหยุดคิดเธอนิ่งงันไปสักพัก แล้วหันมาสบตาบิดาต่อทำไมเขาจะต้องศึกษาด้วยนะในเมื่อตกลงว่าจะแต่งงานกับบุตรสาวตระกูลดีกาลโน่แล้ว “เทียร่าไม่มีปัญหาหรอกค่ะ คุณซาฟจะว่ายังไงเทียร่าก็โอเคอยู่แล้วล่ะค่ะพ่อ” “ถ้าอย่างนั้นลูกก็ไปเก็บกระเป๋าได้เลยพรุ่งนี้จะได้เตรียมตัวไป” “ค่ะพ่อ”เธอบอกพร้อมกับยิ้มกว้างออมาแล้วรีบสาวเท้าไปเก็บกระเป๋าที่ห้อง ในที่สุด...เธอก็จะกลายเป็นคุณหญิงแห่งตระกูลอัลเล็นโซ่ เธอไม่จำเป็นต้องมาแย่งสมบัติของดีกาลโน่ที่เทียบไม่ได้กับอัลเล็นโซ่เลยสักนิด   ทันทีที่รถเลี้ยวเข้าสู่พื้นที่ ที่ผู้คนกล่าวขานว่าเป็นเงาแห่งสรวงสวรรค์ เทียร่าถึงกับอ้าปากค้างกวาดสายตามองไปทุกที่ที่รถเคลื่อนไป สมคำล่ำลือที่นี่สวยเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้ ที่พำนักของตระกูลอันเล็นโซ่อยู่ในพื้นที่กว่าพันไร่ ถูกดัดแปลงกลายเป็นที่อำนวยความสะดวกสารพัดรูปแบบ ทั้งสนามกอล์ฟ ทั้งสนามขี่ม้า ยิงปืน และอีกหลายอย่าง เทพบุตรทั้งสี่อยู่ภายในคฤหาสน์ของตนเองถูกปลูกสร้างแบ่งเป็นสี่หลัง และทุกหลังต่างมีสไตล์เป็นของตัวเอง แม้แต่บ้านยังบ่งบอกลักษณ์นิสัยเจ้าของได้เป็นอย่างดี แต่ที่สะดุดแต่และทำให้ทุกคนต่างหยุดยืนราวกับต้องมนต์สะกดนั้นก็คือโอเอซิสขนาดใหญ่ที่รายล้อมด้วยดอกไม้นานาพรรณ และต้นไม้พันธ์หายากที่เขียวขจีทั่วบริเวณ น้ำสีเขียวมรกตจนเห็นเงาสะท้อนของตนเอง ตกกลางคืนเมื่อได้รับแสงจันทร์มันจะส่องระยิบระยับงามจับตา ผู้คนที่ทำงานให้ตระกูลอัลเล็นโซ่เรียกที่นี่ว่าอ้อมกอดแห่งมารดา ไม่เคยมีใครได้เข้าไปในนั้นยกเว้นคนสวนเก่าแก่เพียงห้าคน และบุตรชายทั่งสี่แห่งตระกูลเท่านั้นเพราะโอเอซิสอ้อมกอดแห่งมารดาเป็นที่ฝังศพของผู้หญิงที่เป็นที่รักของทุกคน มาเรีย อัลเล็นโซ่ ผู้หญิงที่ให้กำเนิดเทพบุตรทั้งสี่ เทียร่าหยุดยืนหน้าคฤหาสน์หรูของซาฟ เธอจ้องมองด้วยความตกตะลึงคฤหาสน์ของเขาช่างมีมนต์ให้ความรู้สึกลึกลับเก่าแก่และดูมีอำนาจในตัว อิฐที่ใช้สร้างเป็นสีเทาตัวบ้านถูกจัดให้เรียบหรูเฟอร์นิเจอร์ดูเก่าแก่แต่ก็เป็นของราคาแพงทุกก้าวที่เดินจะเห็นดวงไฟระย้าที่ห้อยลงมาอย่างสวยงาม มีรูปบรรพบุรุษเก่าแก่ของตระกูลแขวนอยู่ตามผนังห้อง สาวใช้ประจำคฤหาสถ์เชิญเธอมานั่งที่โซฟาด้านในห้องรับแขก เทียร่ากวาดตามองไปรอบๆ อย่างใจจดใจจ่อแต่อดไม่ได้ที่จะละลาบละล้วง เธอเดินสำรวจไปรอบๆก่อนจะหยิบโน้นหยิบนี่ดูโดยไม่ทันได้เห็นว่าร่างสูงใหญ่กำลังยืนอยู่ด้านหลัง “สวัสดีครับ”เสียงทุ้มกล่าวทักทาย เธอชะงักรีบหันมาหาเขาด้วยความตกใจ เทียร่านิ่งงันเมื่อได้เห็นเขาแบบเต็มตาครั้งแรกในชีวิต แข้งขาอ่อนแรงไปหมดไม่รู้เป็นเพราะอะไร “สวัสดีค่ะ ฉันโมนา”เธอตอบพลางเดินไปหาเขาแล้วยื่นมือจับเพื่อทักทายแต่เขากลับเมินเฉยเดินไปนั่งที่โซฟา ดวงตาคมกริบกวาดตามองไปยังผู้หญิงที่กำลังหย่อนกายนั่งลงตรงข้ามเขาด้วยท่าทีหวาดๆ ดวงตาสีเทาของเขาทำให้เธอรู้สึกหวั่นเกรง เขาช่างสมคำร่ำลือเธอแทบหยุดหัวใจตัวเองไม่อยู่อยู่แล้ว “ข้อตกลงระหว่างเราคุณคงรู้ดีใช่ไหม?” “ค่ะพ่อบอกดิฉันแล้ว” “ถ้าอย่างนั้นผมจะให้คนของผมพาคุณไปที่ห้องพักก็แล้วกัน ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ”เขาบอกก่อนจะลุกขึ้นยืน “เดี๋ยวก่อนค่ะ!”เธอรีบรั้งเขาไว้ เขามองมาที่เธอและหยุดยืนเพื่อรอฟังว่าจะพูดอะไรออกมา “เราอยู่ห้องเดียวกันหรือเปล่าคะ?”เธอถามพร้อมกับยิ้มยั่วยวนเขาออกมา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD